0

Traveloka TH

29 Apr 2024 - 2 min read

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu Temple) แลนด์มาร์กห้ามพลาดแห่งเมืองเกียวโต

ประวัติของวัดคิโยะมิซุ

หากมาเยือนเมืองเกียวโต ก็ต้องไม่พลาดที่จะมายังวัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) หรือวัดน้ำใส หนึ่งในแลนด์มาร์กยอดฮิตประจำเมืองเกียวโตที่มีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นและทิวทัศน์อันงดงาม โดยที่วัดคิโยะมิซุแห่งนี้ เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมความสวยงามของวัดคิโยะมิซุ ประเทศญี่ปุ่นได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีที่จะยิ่งสวยงามตระการตาเป็นพิเศษ

ในบทความนี้ Traveloka จะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักความน่าสนใจของวัดคิโยะมิซุกันมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งรับรองเลยว่าหลังอ่านบทความนี้จบแล้ว คุณจะต้องอยากกดจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่น และรีบพุ่งตัวไปชมความงามของวัดคิโยะมิซุให้เห็นกับตากันอย่างแน่นอน

ทำความรู้จักวัดคิโยะมิซุ

แลนด์มาร์กวัดคิโยะมิซุ

ก่อนจะไปเที่ยววัดคิโยะมิซุ เรามาทำความรู้จักวัดอันสวยงามแห่งนี้กันก่อนดีกว่า ว่ามีข้อมูลอะไรที่ควรรู้และน่าสนใจบ้าง เพื่อที่จะท่องเที่ยวได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น วัดคิโยะมิซุนับเป็นจุดเช็กอินยอดฮิตของเมืองหลวงเก่าประเทศญี่ปุ่นอย่างเกียวโต เนื่องจากความสวยงามเก่าแก่และทิวทัศน์อันน่าทึ่ง หากใครกำลังมองหาที่พักท่ามกลางถนนสายวัฒนธรรมที่สามารถสัมผัสวิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองได้อย่างเต็มที่ ก็ต้องมากดจองโรงแรมญี่ปุ่นในบริเวณรอบข้างวัดคิโยะมิซุแห่งนี้เลย

ประวัติวัดคิโยะมิซุ

วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) หรือที่รู้จักกันในชื่อวัดน้ำใส ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 778 และเป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ของเกียวโตที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO ที่มาของชื่อวัดน้ำใส มาจากการไหลผ่านของน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) จากเนินเขามายังบริเวณวัด โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าน้ำตกสายนี้เป็นน้ำตกที่มีความใสสะอาดบริสุทธิ์ สามารถช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิตได้

ที่ตั้งของวัดคิโยะมิซุ

วัดคิโยะมิซุตั้งอยู่ที่ตีนเขาโอโตวะ เขตฮิงาชิยามะ พื้นที่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โดยวัดแห่งนี้มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 130,000 ตารางเมตร เส้นทางจากพื้นราบขึ้นสู่เนินเขาที่ตั้งของวัดคิโยะมิซุมีระยะทางราว 800 เมตร ใช้เวลาในการเดินเท้า 10-15 นาที พื้นที่บริเวณวัดมีลักษณะลาดชันจากการตั้งบนภูเขา หากต้องการเข้าชมให้ครบทุกส่วนก็จำเป็นที่จะต้องเดินเท้าปีนเขาขึ้นไปสูงเรื่อย ๆ แม้ยากลำบากสักเล็กน้อย แต่วิวทิวทัศน์ที่จะได้รับชมก็คุ้มค่าสมการรอคอยอย่างแน่นอน

เราสามารถเยี่ยมชมวัดคิโยะมิซุได้ช่วงไหนบ้าง

สามารถเยี่ยมชมวัดคิโยะมิซุได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสี ที่บริเวณวัดจะมีทิวทัศน์อันสวยงามเป็นพิเศษ โดยวัดคิโยะมิซุมีค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 400 เยน และราคาสำหรับเด็ก 200 เยน วัดเปิดรับนักท่องเที่ยวทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. เวลาปิดทำการอาจเปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับฤดูกาล สามารถดูเวลาทำการเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kiyomizudera.or.jp/en/location/

การเดินทางไปยังวัดคิโยะมิซุ

การเดินทางไปยังวัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) สามารถมาได้หลากหลายวิธีการ โดยวิธีเดินทางที่นิยมกันมากที่สุดจะเป็นการเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ เนื่องจากราคาไม่แพงและสามารถเดินทางเชื่อมต่อกันกับสถานที่อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งรายละเอียดสำหรับการเดินทางไปยังวัดน้ำใสหรือวัดคิโยะมิซุ มีดังต่อไปนี้

การเดินทางด้วยรถไฟ

การเดินทางด้วยรถไฟไปยังวัดคิโยะมิซุ หากเริ่มต้นเดินทางจากสถานี Kyoto ให้นั่งรถไฟสาย JR Nara Line มาลงที่สถานี Tofukuji จากนั้นให้เปลี่ยนรถไฟเป็นสาย Keihan Main Line มาลงยังสถานี Kiyomizu-Gojo ที่ใกล้วัดมากที่สุด โดยสามารถเดินจากสถานีรถไฟไปยังวัดคิโยะมิซุได้ ในระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 25 นาที ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 300 เยน

การเดินทางด้วยรถบัส

การเดินทางด้วยรถบัสไปยังวัดคิโยะมิซุ สามารถลงในป้ายรถบัสใกล้เคียงได้ 2 ป้าย จากนั้นใช้เวลาเดินไปยังวัดคิโยะมิซุประมาณ 10 นาที ซึ่งป้ายและรถบัสสายที่ผ่าน ได้แก่

ป้าย Gojozaka (五条坂) Kyoto City Bus สาย 58, 86, 100, 106, 110, 202, 206, 207 Keihan Bus สาย 84
ป้าย Kiyomizu-michi (清水道) Kyoto City Bus สาย 58, 86, 100, 106, 110, 202, 206, 207

จุดเช็กอินน่าสนใจรอบวัดคิโยะมิซุ

จุดเช็กอินน่าสนใจรอบวัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) มีอยู่หลายแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งก็มีความสวยงามโดดเด่นที่แตกต่างกัน หากไม่ได้ไปถ่ายภาพหรือเช็กอินในจุดเหล่านี้ ก็คงเหมือนมาไม่ถึงที่วัดคิโยะมิซุเลยล่ะ

ศาลเจ้าจิชุ (Jishu Shrine)

Jishu Shrine

ศาลเจ้าจิชุ หรือที่เรียกกันว่าศาลเจ้าแห่งความรัก ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่ามีเทพเจ้าแห่งความรักและเนื้อคู่อย่างเทพโอคุนินุชิ โนะ มิโคโตะ (Okuninushi no Mikoto) สิงสถิตอยู่ ณ ศาลเจ้าแห่งนี้ โดยศาลเจ้านี้มีชื่อเสียงในด้านการขอพรเรื่องความรักเป็นอย่างมาก และอยู่ห่างจากตัววัดคิโยะมิซุไปแค่ประมาณ 400 เมตรเท่านั้น หากใครที่อยากขอพรเรื่องความรัก ก็ต้องมาจุดเช็กอินวัดคิโยะมิซุแห่งนี้ให้ได้เลย

น้ำตกโอโตะวะ (Otowa Waterfall)

น้ำตกโอโตะวะจะตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของวัดคิโยะมิซุ ชาวญี่ปุ่นมักจะมาดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์และขอพรกันที่น้ำตกแห่งนี้ เพื่อให้ตนเองสมหวังในสิ่งที่ตั้งใจไว้ ซึ่งน้ำตกจะไหลลงมา 3 สายด้วยกัน แต่ละสายก็สามารถขอพรได้ในเรื่องที่ต่างกันไป โดยสายที่ 1 ให้ขอพรเรื่องการเรียนการศึกษา สายที่ 2 ขอพรเรื่องความรัก และสายที่ 3 ขอพรเรื่องสุขภาพ สามารถดื่มน้ำขอพรได้ทั้ง 3 เรื่องรวมกัน โดยเริ่มจากทางขวาไปซ้าย ใครที่อยากสมหวังในชีวิตก็อย่าลืมไปขอพรและดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์กัน

ประตูนิโอะมอน (Niomon Gate)

Niomon Gate

ประตูนิโอะมอน เป็นซุ้มประตูทางเข้าหลักของวัดคิโยะมิซุที่ต้องมาถ่ายภาพเช็กอินสักรูปให้ได้ เนื่องจากความสวยงามยิ่งใหญ่ที่คงเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมโบราณไว้ได้อย่างครบถ้วน ลักษณะประตูจะมีโครงสร้าง 2 ชั้น ความสูงราว 14 เมตร ในอดีตเคยถูกไฟไหม้ไปในสมัยสงครามยุคศตวรรษที่ 14 จากนั้นได้ทำการสร้างขึ้นใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 16 และในปี ค.ศ. 2003 ก็ได้ทำการบูรณะตกแต่งให้มีความสวยงามอลังการมากยิ่งขึ้น

H3 : เจดีย์สีแดง (Koyasu Pagoda)

Koyasu Pagoda

เจดีย์สีแดงหรือเจดีย์ซันจุโนโตะ เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วยความสูงถึง 31 เมตร มีลักษณะเป็นเจดีย์ 3 ชั้นที่ตั้งตระหง่านต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนยังวัดคิโยะมิซุตั้งแต่หน้าทางเข้า โดยเอกลักษณ์ของเจดีย์แห่งนี้จะอยู่ที่กระเบื้องรูปยักษ์ซึ่งประดับอยู่บนมุมทั้งสี่ของหลังคา และจะมีกระเบื้องชิ้นหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษเป็นรูปมังกร โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ามังกรตัวนี้เป็นเทพเจ้ามังกร ที่จะช่วยปัดเป่าเคราะห์ร้ายและป้องกันอันตรายจากอัคคีภัยได้ทั้งปวง

อาคารฮอนโดะ (Hondo Hall)

Hondo Hall

อาคารฮอนโดะเป็นอาคารซึ่งสร้างจากไม้ทั้งหลัง ที่ชาวญี่ปุ่นโบราณสร้างโดยใช้วิธีการเอาไม้เข้าลิ่ม เพื่อเชื่อมต่อไม้แต่ละชิ้นเข้าด้วยกันจนประกอบขึ้นเป็นอาคาร และไม่มีการใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียวในการสร้างอาคารแห่งนี้ ด้านในอาคารมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพันมือ 11 เศียรให้ได้สักการะ และมีพื้นที่ระเบียงที่ยื่นออกไปภายนอกให้นักท่องเที่ยวสามารถมายืนชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตในฤดูต่าง ๆ ได้อย่างสวยงาม อาคารแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวและจุดเช็กอินวัดคิโยะมิซุที่ต้องห้ามพลาดเป็นอันขาดเลย

กิจกรรรมห้ามพลาดที่วัดคิโยะมิซุ

นอกเหนือจากจุดเช็กอินอันสวยงามของวัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) ที่ได้กล่าวไปให้คุณได้ถ่ายรูปกันอย่างจุใจแล้ว ยังมีกิจกรรมที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนยังวัดคิโยะมิซุแห่งนี้อีกด้วย ซึ่งจะมีอะไรที่น่าทำบ้าง ไปดูกันเลย!

ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์

ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วัดคิโยะมิซุ

ชาวญี่ปุ่นรวมไปถึงนักท่องเที่ยวมากมาย มักจะมาดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์และขอพรกันที่น้ำตกโอตาวะแห่งวัดคิโยะมิซุ โดยเชื่อว่าน้ำตกสายบริสุทธิ์สายนี้จะทำให้พรที่ขอไว้สมหวัง ซึ่งวิธีการดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์จากน้ำตกโอตาวะจะเริ่มจากการล้างมือขวา ต่อด้วยการล้างมือซ้าย จากนั้นให้ตักน้ำใส่มือซ้ายแล้วดื่ม แล้วทำการล้างมือซ้ายอีกครั้ง จบการดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเอียงกระบวยตักน้ำเข้าหาตัวเพื่อล้างมือทั้งสองข้างพร้อมกัน เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการขอพร

ชมดอกซากุระจากมุมสูง

ชมดอกซากุระจากมุมสูงที่วัดคิโยะมิซุ

เนื่องจากวัดคิโยะมิซุตั้งอยู่บนเนินเขา จึงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตได้จากมุมสูง ซึ่งจุดชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิยอดฮิตของวัดน้ำใสแห่งนี้ ก็คงหนีไม่พ้นบริเวณระเบียงอาคารฮอนโดะที่มีความกว้างขวางและสามารถมองเห็นวิวได้อย่างชัดเจนจากโครงสร้างที่ยื่นออกไปภายนอกอาคาร นอกจากนี้ วัดคิโยะมิซุไม่ใช่แค่สถานที่ที่เหมาะกับการชมซากุระในฤดูดอกไม้บานเพียงอย่างเดียว แต่ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็มีความงดงามอลังการของธรรมชาติให้ชื่นชมไม่แพ้กันเลยทีเดียว

ขอพรกับหินแห่งความรัก

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด ก็คือ การไปเยือนยังศาลเจ้าจิชุใกล้วัดคิโยะมิซุเพื่อขอพรเรื่องความรัก โดยในศาลเจ้าจะมีหินตาบอดหรือหินแห่งความรักที่เรียกว่าเมกุระอิชิ ตั้งอยู่ 2 ก้อน มีระยะทางห่างกันประมาณ 18 เมตร ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากใครที่สามารถหลับตาแล้วเดินจากหินก้อนหนึ่งไปยังหินอีกก้อนหนึ่งได้ก็จะสมหวังในความรัก ใครที่กำลังโสดและอยากมีคู่สักที ต้องลองมาทำกิจกรรมนี้ดูให้ได้เลย

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร