ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทที่งดงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น หลายคนรู้จักกันในนาม “ปราสาทนกกระสาขาว” โดยจุดเด่นของปราสาทฮิเมจิ คือ สถานที่อันเป็นสมบัติระดับชาติญี่ปุ่น และยังเป็นแหล่งมรดกโลกสำคัญ ซึ่งมีสถานะเป็นหนึ่งในปราสาทดั้งเดิม 12 แห่งของญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพดีอยู่ ทำให้สถานที่แห่งนี้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวญี่ปุ่นกันอย่างคับคั่ง

บอกเลยว่า อย่าพลาดความงดงามของปราสาทฮิเมจิ รีบกดจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นที่แอป Traveloka พร้อมโปรโมชันดี ๆ และบริการมากมายสำหรับคุณโดยเฉพาะ ตอบโจทย์การท่องเที่ยวทุกไลฟ์สไตล์ ใครพร้อมแล้วมาดูจุดเช็กอินต่าง ๆ รอบปราสาทฮิเมจิกันได้เลย!

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาญี่ปุ่น ซึ่งสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และเรื่องราวของญี่ปุ่นในช่วงหลายศตวรรษ โดยปราสาทฮิเมจิมีการสร้างโดยใช้เทคนิคที่มีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นเพื่อป้องกันการรุกรานของข้าศึก อีกทั้งด้วยการออกแบบโครงสร้างอาคารเหมือนนกกางปีกที่ยิ่งใหญ่ตระการตา จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าปราสาทฮาคุโระที่แปลว่า “นกกระสาขาว”

นอกจากนี้ การตกแต่งพื้นที่ภายในอย่างพิถีพิถันทำให้ปราสาทฮิเมจิในประเทศญี่ปุ่นมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการพักผ่อน อย่าลืมกดจองโรงแรมญี่ปุ่นใกล้ปราสาทฮิเมจิ เพื่อให้คุณได้ใกล้ชิดกับบรรยากาศอันงดงามในแหล่งมรดกโลกแห่งนี้

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เป็นปราสาทที่เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1346 หลายปีต่อมาได้มีการบูรณะพื้นที่ของโครงสร้างอาคารอยู่หลายครั้งจนกลายเป็นปราสาทตามที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งส่วนตรงกลางของปราสาทฮิเมจิได้มีการสร้างด้วยเทคนิคสำหรับป้องกันข้าศึกที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น ปราสาทฮิเมจิจึงได้กลายเป็นป้อมปราการที่สามารถต้านทานข้าศึกทุกหมู่เหล่าได้อย่างรอบทิศทาง ทำให้ที่เที่ยวแห่งนี้เป็นสถานที่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง

ปราสาทฮิเมจิมีที่ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น ปราสาทฮิเมจิเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่แห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง ค.ศ. 1995 เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ ไม่ได้เป็นจุดหมายในการเดินทางของนักท่องเที่ยวมากนัก จึงทำให้พื้นที่บริเวณนั้นมีความสงบร่มรื่น เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเสพบรรยากาศชิล ๆ ใกล้แหล่งมรดกโลก ใครที่ได้มีโอกาสไปเยือนปราสาทฮิเมจิบอกเลยว่า คุ้มค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว!

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/tjYgrKL565RmnRQMA

ปราสาทฮิเมจิเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ทุกวัน ยกเว้นวันที่ 29-30 ธันวาคม ที่เป็นวันหยุดของปราสาทฮิเมจิประจำทุกปี โดยปกติแล้วปราสาทฮิเมจิจะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. (ปิดประตูปราสาท 17.00 น.) แต่ในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน-เดือนสิงหาคม ปราสาทฮิเมจิจะขยายเวลาเยี่ยมชมตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. (ปิดประตูปราสาท 18.00 น.) โดยมีค่าเข้าชม 1,000 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 300 เยน สำหรับเด็กเล็ก

การเดินทางไปยังปราสาทฮิเมจิสามารถไปได้หลากหลายวิธี ซึ่ง Traveloka ได้รวบรวมวิธีการเดินทางที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวมาไว้แล้ว หากใครสะดวกเดินทางแบบไหนสามารถเลือกเดินทางไปเช็กอินตามจุดต่าง ๆ ได้ดังนี้

หากคุณท่องเที่ยวอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และต้องการมายังปราสาทฮิเมจิคุณสามารถใช้การเดินทางด้วยรถไฟ JR (Japan Railway) ที่มีเส้นทางครอบคลุมแทบจะทุกพื้นที่ทุกเมืองทั่วประเทศญี่ปุ่น ให้คุณนั่งรถไฟมาลงที่สถานีฮิเมจิ โดยนั่งรถไฟแบบ Special Rapid Service จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถยนต์หรือการเดินเท้า ไม่นานคุณก็ถึงปราสาทฮิเมจิแล้ว

การเดินทางด้วยรถบัสไปยังปราสาทฮิเมจิเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สะดวก เมื่อคุณเดินทางมาถึงสถานีฮิเมจิแล้ว ให้ออกสถานีที่ประตูทิศเหนือและขึ้นรถบัสชินคิ (Shinki Bus) และให้ลงรถบัสที่ป้าย "ฮิเมจิโจ โอเทะมงมาเอะ (Himejijo otemonmae)" ค่ารถบัสจะอยู่ที่ราคา 100 เยน จากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ 5 นาทีจะถึงปราสาทฮิเมจิแล้วล่ะ

การเดินทางไปปราสาทฮิเมจิด้วยรถแท็กซี่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่มากันเป็นกลุ่มหรือครอบครัว คุณสามารถเรียกรถแท็กซี่ได้จากประตูทิศใต้ของสถานีฮิเมจิ โดยการเดินทางด้วยรถแท็กซี่จะใช้เวลาประมาณ 10 นาที ราคาค่าโดยสาร 750-950 เยน ก็ถึงปราสาทฮิเมจิอันแสนงดงามแล้ว

ปราสาทฮิเมจิในประเทศญี่ปุ่นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายให้คุณได้มาถ่ายรูปเช็กอินสวย ๆ ที่ปราสาทฮิเมจิแห่งนี้ Traveloka เราได้รวบรวมจุดเช็กอินรอบปราสาทฮิเมจิมาให้คุณแล้ว จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย!

จุดแรกในปราสาทฮิเมจิที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวอันงดงามได้ คือ ช่องรอบโจมตีอิชิโอโทชิ (Ishi Otoshi) เป็นช่องว่างเหนือกำแพงหินที่เอาไว้สำหรับปล่อยหินลงมาจากช่องรูปสี่เหลี่ยม เพื่อโจมตีข้าศึกที่บุกเข้ามาถึงด้านล่างกำแพงปราสาท ซึ่งนอกจากจะเอาไว้ปล่อยหินทำลายข้าศึกแล้ว ช่องนี้ยังเป็นที่สังเกตการณ์สำหรับยิงปืนอีกด้วย ใครที่ชอบเรื่องประวัติศาสตร์อันเลื่องชื่อลือชาแห่งนี้ต้องถูกใจแน่นอน

จุดเช็กอินต่อมาสำหรับใครที่ชอบเรื่องลี้ลับ ที่นี่ก็มีบ่อน้ำในตำนานที่เรียกว่า “บ่อน้ำผีนับจาน” เรื่องราวเกิดขึ้นจากสาวใช้คนหนึ่งถูกโยนลงบ่อน้ำ จนได้กลายเป็นวิญญาณในบ่อน้ำแห่งนี้ ในทุกคืนจะมีเสียงคนคอยนับจำนวนจาน และร้องไห้เมื่อพบว่ามีไม่ครบ นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของปราสาทฮิเมจิแห่งนี้ทีเดียว

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/wk2pMPjVMuo9ANRu5

ปราสาทฮิเมจิถูกสร้างมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บุกรุกบุกเข้ามาถึงใจกลางของปราสาท สถานที่แห่งนี้จึงมีเส้นทางเหมือนเขาวงกตที่คดเคี้ยวไปมาตั้งแต่ทางเข้าปราสาทไปจนถึงหอป้อมปราการที่จะมีประตูเล็กใหญ่หลากหลายแบบรอบพื้นที่ ในปัจจุบันยังเหลือประตูดังกล่าวอยู่เพียง 21 บาน รวมถึงประตูขนาดใหญ่ที่มีหอสังเกตการณ์อยู่ด้านบน ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาปราสาทฮิเมจิประเทศญี่ปุ่นสามารถเช็กอินวิวสวยรอบปราสาทได้ในที่แห่งนี้

จุดเช็กอินที่สายประวัติศาสตร์ห้ามพลาด นั่นก็คือ “ห้องเก็บอาวุธ” หรือ Mushakakushi เป็นห้องสำหรับเก็บอาวุธ และเป็นที่ซ่อนตัวชั่วคราวของนักรบก่อนออกมาโจมตีกับข้าศึกที่ปราสาทฮิเมจิ ห้องนี้นับว่าเป็นกลยุทธ์ภายในตัวหอปราการของปราสาทสำหรับแขวนหอกและปืน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่นี่จึงจะได้เห็นห้องเก็บอาวุธของจริงที่เคยถูกใช้งานกันอีกด้วย

คูน้ำป้องกันข้าศึก (Sankokuburi) เป็นหนึ่งในจุดเช็กอินที่ใครมาปราสาทฮิเมจิก็ต้องสังเกตเห็น เนื่องจากบริเวณรอบปราสาทฮิเมจิมีการขุดบ่อรอบปราสาทเพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก โดยจะมีคูน้ำ 3 ชั้น คือ ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ใครที่ได้มาเยือนปราสาทแห่งนี้ต้องได้เห็นผิวน้ำที่สะท้อนกับปราสาทฮิเมจิหลังใหญ่อันงดงาม ขอบอกเลยว่า สวยจนลืมไปเลยว่าสถานที่แห่งนี้ถูกสร้างมาเพื่อป้องกันข้าศึก

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/pPFqCKQCxPXhe1CS6

เมื่อคุณเห็นคูน้ำบริเวณรอบปราสาทฮิเมจิแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สร้างอยู่คู่กันนั่นก็คือ “กำแพงหินป้องกันปราสาท” หรือ Sangitzumi กำแพงหินแห่งนี้เป็นฐานของปราสาทฮิเมจิที่สร้างไว้เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก โดยจะใช้วิธีการสร้างกำแพงหินด้วยการวางหินขนาดใหญ่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้ส่วนด้านยาวและด้านสั้นสลับซ้อนกัน หรือ โครงสร้างที่เรียกว่า "ทางลาดชันรูปพัด" นั่นเอง ใครที่มาปราสาทฮิเมจิต้องมาเห็นกับตาให้ได้!

นอกจากปราสาทฮิเมจิที่เป็นมรดกโลกและสมบัติของญี่ปุ่นแล้ว “วัดโชชาซัง” ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเช็กอินของเมืองฮิเมจิอีกด้วย วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี วัดโชชาซังมักเป็นที่รู้จักในฐานะจุดวิวของใบไม้เปลี่ยนสี และสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Last Samurai” ด้วยบรรยากาศอันร่มรื่นทำให้สถานที่แห่งนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/AUZempaerjYmitWW8

นอกจากนี้ บริเวณปราสาทฮิเมจิยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้คุณได้มาใช้เวลาที่แห่งนี้อย่างคุ้มค่า ซึ่งวันนี้ Traveloka ได้รวบรวมกิจกรรมห้ามพลาดรอบที่ปราสาทฮิเมจิมาให้คุณแล้ว ไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยวกันได้เลย!

ในช่วงฤดูหนาว ประมาณต้นเดือนธันวาคมที่ปราสาทฮิเมจิจะมีการแสดงแสงสีแบบ Project Mapping หรือ การฉายภาพลงบนสถานที่ต่าง ๆ เพื่อสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับปราสาทฮิเมจิมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการแสดงดนตรีประกอบเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากบุคคลทางประวัติศาสตร์ของปราสาทฮิเมจิอีกด้วย ขอบอกเลยว่า งดงามสุด ๆ

บริเวณปราสาทฮิเมจิมีต้นซากุระนานาชนิดราว 1,000 ต้น ไม่ว่าจะเป็นซากุระพันธุ์ยอดนิยม “โซเมโยชิโนะ" หรือซากุระพันธุ์กิ่งย้อย "ชิดาเระซากุระ" คุณก็สามารถมาชมความสวยงามของดอกซากุระได้ที่นี่ ซึ่งปราสาทฮิเมจิเป็นหนึ่งใน 100 สถานที่ชมดอกซากุระในญี่ปุ่นที่ถูกรับเลือก ถ้าได้มาชมดอกซากุระที่ปราสาทฮิเมจิสีขาวแห่งนี้ รับรองว่าสวยจนต้องตะลึงเลยล่ะ

ใครที่มาปราสาทฮิเมจิในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แนะนำให้แวะมาเดินเล่นที่ "สวนโคโคเอ็น (Kokoen)" สวนญี่ปุ่นที่ติดกับปราสาทฮิเมจิ สวนแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ในการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามมาก สำหรับใครที่แวะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงค่ำ ปราสาทฮิเมจิจะมีการเปิดไฟส่องเข้ามาที่ตัวปราสาท ยิ่งเพิ่มความสวยงามในการชมใบไม้เปลี่ยนสีประจำฤดูได้เป็นอย่างมาก