0

Traveloka TH

03 May 2024 - 2 min read

หอเอนปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

หอเอนปิซ่า

เมื่อพูดถึงประเทศอิตาลี นอกจากอาหารประจำชาติที่ถูกปากคนไทยอย่างพิซซ่าแล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศนี้คือหอเอนปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) หรือ Torre di Pisa หอระฆังสร้างในสมัยยุคกลางที่เกิดการทรุดตัวจนมีความเอนมาหลายร้อยปี นี่คือสิ่งปลูกสร้างสุดมหัศจรรย์ที่ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ แต่กลับได้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO ด้วย ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

ใครที่อยากไปเห็นความมหัศจรรย์ระดับโลกแบบนี้ สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินไปอิตาลีผ่านแอป Traveloka แล้วไปชมความสวยงามและความมหัศจรรย์ของหอเอนเมืองปิซ่ากันได้เลย

ทำความรู้จักหอเอนปิซ่า สัญลักษณ์ของประเทศอิตาลี

หอเอนปิซ่า อิตาลี

หอเอนปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองปิซ่า (Pisa) ที่นี่คือสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลีที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมปีละหลายล้านคน เป็นสิ่งปลูกสร้างสำคัญในประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยยุคกลางที่มีความสวยงาม และสะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองของศิลปวิทยาการในสมัยนั้น ซึ่งไม่ว่าใครก็อยากไปเห็นและไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน นอกจากนี้ หอเอนปิซ่ายังตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวก มีที่พักและโรงแรมอิตาลีดี ๆ ให้เลือกมากมาย รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กอิตาลีที่คนรักการท่องเที่ยวต้องไปเยือนให้ได้

ประวัติหอเอนปิซ่า

หอเอนปิซ่าเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1173 และสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1372 ใช้เวลาในการก่อสร้างเกือบ 200 ปี ซึ่งระหว่างการก่อสร้างนั้นมีเหตุให้ต้องหยุดก่อสร้างไปถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1178 หลังจากสร้างไปถึงชั้นที่สาม เนื่องจากพื้นดินบริเวณนี้เป็นดินโคลนที่มีความนิ่มและมีการลงเสาเข็มที่ตื้นเพียง 3 เมตรเท่านั้น จึงทำให้หอเกิดการทรุดเอียงจนไม่สามารถก่อสร้างต่อได้

หอเอนปิซ่าเริ่มต้นก่อสร้างใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 1272 โดยสถาปนิกชื่อ Giovanni di Simone ได้ทำการถ่วงน้ำหนักไว้อีกด้านหนึ่งของหอเพื่อให้เกิดความสมดุล แต่แล้วก็เกิดสงครามระหว่างราชอาณาจักรเจนัวกับราชอาณาจักรปิซ่าขึ้น ทำให้การก่อสร้างหอเอนปิซ่าต้องหยุดชะงักลงเป็นครั้งที่สอง โดยตอนนี้หอก็ยังคงมีความเอียงอยู่ แต่ด้วยความพยายามที่จะชดเชยความเอียงของสถาปิกทำให้หอเอนยังไม่ล้มลงมา

หอเอนปิซ่ามีการก่อสร้างถึงชั้นที่เจ็ดในปี ค.ศ. 1319 หลังจากนั้นมีการสร้างห้องระฆังเพิ่มบนส่วนยอดของหออีก 1 ชั้น จนสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1372 รวมแล้วหอเอนแห่งนี้จึงมีทั้งหมด 8 ชั้น และใช้เวลากว่า 199 ปี หอเอนจึงจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม หอแห่งนี้ก็ยังค่อย ๆ เอนลงเรื่อย ๆ โดยที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีความพยายามทำให้หอเอนปีซ่ากลับมาตั้งตรงอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล จนในช่วงปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปิซ่าถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพื่อความปลอดภัย โดยระหว่างเวลาดังกล่าว รัฐบาลอิตาลีได้ทำการปรับปรุงให้ฐานของหอเอนให้แข็งแรงยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา จนสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้จนถึงปัจจุบัน

ที่ตั้งของหอเอนปิซ่า

หอเอนปิซ่าตั้งอยู่ภายในจัตุรัส Piazza Del Duomo คู่กับมหาวิหารปิซ่า (Cattedrale di Pisa) เมืองปิซ่า (Pisa) แคว้นทัสคานี (Tuscany) ประเทศอิตาลี สามารถค้นหาตามพิกัดด้านล่างได้เลย

เราสามารถเยี่ยมชมหอเอนปิซ่าได้ช่วงไหนบ้าง

นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมหอเอนปิซ่าได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู หากเข้าไปชมภายในหอเอนปิซ่าจะต้องซื้อบัตรเข้าชมราคา 20 ยูโร (ราว 770 บาท) การเข้าชมจะเปิดให้เข้าเป็นรอบ ๆ ใช้เวลาชมรอบละประมาณ 30 นาที

แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมเพียงแค่บรรยากาศของหอเอนปิซ่าภายนอก ก็สามารถเดินไปที่บริเวณจัตุรัส Piazza Del Duomo เพื่อไปถ่ายรูปกับหอเอนปิซ่าได้ทันที ไม่มีค่าบัตรผ่านประตู และไม่จำกัดเวลาอีกด้วย

แนะนำวิธีการเดินทางไปยังหอเอนปิซ่า

จองตั๋วเครื่องบินมายังอิตาลีแล้วอยากไปชมความน่าอัศจรรย์ของหอเอนปิซ่า สามารถเดินทางได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟ รถบัส และรถยนต์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

การเดินทางด้วยรถไฟ

จากกรุงโรม นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟไปที่เมืองปิซ่าได้อย่างสะดวก โดยเลือกได้ระหว่างรถไฟ Trenitalia ที่เป็นของรัฐและรถไฟ Italo ที่เป็นรถไฟระหว่างเมืองความเร็วสูงของเอกชน สามารถขึ้นรถไฟได้ที่สถานีรถไฟ Roma Termini แล้วลงที่สถานีรถไฟ Pisa Centrale ซึ่งเป็นสถานีรถไฟใหญ่ประจำเมืองปิซ่า หรือลงที่สถานีรถไฟ Pisa San Rossore เป็นสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้หอเอนปิซ่าที่สุด ใช้เวลาเดินจากกรุงโรมมาเมืองปิซ่าราว 5 ชั่วโมง

การเดินทางด้วยรถบัส

จากสถานีรถไฟ Pisa Centrale นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบัสประจำทางสาย Lam Rossa มาลงที่ป้าย Torre 1 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที โดยป้ายรถเมล์จะอยู่ทางทิศตะวันตกของจัตุรัส Piazza dei Miracoli เมื่อลงรถแล้วต้องเดินเท้าอีก 5 นาทีก็จะถึงหอเอนปิซ่า

นอกจากรถบัสประจำทางสาย Lam Rossa แล้วก็สามารถนั่งรถบัสประจำทางสาย 4 มาลงที่ป้าย Del Parlascio ได้เช่นกัน ป้ายนี้จะอยู่ทางทิศตะวันออกของหอเอนปิซ่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

การเดินทางด้วยรถยนต์

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว ในการเดินทางไปเที่ยวชมหอเอนปิซ่าหรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ภายในเมืองก็สามารถเช่ารถขับเที่ยวด้วยตัวเองได้เช่นกัน โดยสามารถหารถเช่าได้ที่สนามบินกาลิเลโอที่มีให้บริการหลายเจ้า จากนั้นขับไปเที่ยวหอเอนปิซ่า ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที อย่างไรก็ตาม ถนนในเมืองปิซ่าส่วนใหญ่เป็นซอยแคบและหาที่จอดรถยาก การเช่ารถขับจึงต้องมีการวางแผนการเดินทางให้ดี

จุดเช็กอินรอบหอเอนปิซ่าที่ไม่ควรพลาด

อุตส่าห์จองโรงแรมที่พักทั้งที ต้องเที่ยวให้คุ้มค่า นอกจากหอเอนปิซ่าแล้ว บริเวณโดยรอบยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่น่าไปเช็กอินอีกหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งแต่ละแห่งก็มีความสวยงามและมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ จะมีที่ไหนบ้างมาดูกันเลย

จัตุรัส Piazza dei Miracoli

Piazza dei Miracoli

จัตุรัส Piazza dei Miracoli หรือ จัตุรัส Piazza del Duomo เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นลานหญ้ากว้างและมีกำแพงล้อมรอบ เป็นที่ตั้งของหอเอนปิซ่า มหาวิหารแห่งปิซ่า (Cattedrale di Pisa) และหอศีลจุ่ม Battistero di San Giovanni ถือเป็นจัตุรัสที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องเดินผ่าน อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในการเดินเล่นชมความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของหอเอนและมหาวิหารแห่งปิซ่า

หอศีลจุ่ม Battistero di San Giovanni

Battistero di San Giovanni

หอศีลจุ่ม Battistero di San Giovanni เป็นสถานที่ทำพิธีศีลจุ่มหรือพิธีชำระบาปของชาวคาทอลิก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ตัวอาคารมีลักษณะเป็นหอกระบอกที่มีเส้นรอบวง 107.24 เมตร สูง 54.86 เมตร สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ผสมกอทิก ถือเป็นสถานประกอบพิธีศีลจุ่มที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี นอกจากนี้ ภายในห้องโถงของหอศีลแห่งนี้ยังมีความพิเศษตรงที่สามารถสะท้อนเสียงได้ก้องกังวาน ซึ่งถ้าได้เข้าชมภายใน จะมีเจ้าหน้าที่คอยร้องเพลงประสานเสียงให้ฟังสั้น ๆ หลายคนจึงเปรียบเทียบหอศีลแห่งนี้ว่าเป็นเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ของอิตาลี

มหาวิหารแห่งปิซ่า (Cattedrale di Pisa)

Cattedrale di Pisa

มหาวิหารแห่งปิซ่า (Cattedrale di Pisa) เป็นมหาวิหารหลักของเมืองปิซ่า ตั้งอยู่ติดกับหอเอนปิซ่า และเป็นสิ่งปลูกสร้างที่เก่าแก่ที่สุดภายในจัตุรัส สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 โดย Buscheto สถาปนิกชาวอิตาเลียน เพื่อเป็นที่ประทับของอาร์ชบิชอปแห่งปิซ่า ตัววิหารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ผสมผสานศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากอาหรับ ภายในวิหารตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม มีเสาหินขนาดใหญ่ ภาพเขียนฝาผนัง และภาพเขียนบนเพดานให้ชม ถือเป็นมหาวิหารที่สวยงามและยังเป็นต้นแบบให้กับมหาวิหารอื่น ๆ อีกหลายแห่งในอิตาลี

Camposanto Monumentale di Pisa

Camposanto Monumentale di Pisa

Camposanto Monumentale di Pisa เป็นอาคารก่อสร้างด้วยหินอ่อนด้านทิศเหนือของมหาวิหารปิซ่า สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1277 เพื่อเป็นสถานที่สำหรับฝังศพที่เคยกระจัดกระจายอยู่รอบมหาวิหารในตอนนั้น ภายในอาคารประดับตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับชีวิตและความตายที่สร้างสรรค์ โดยสองศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ได้แก่ Francesco Traini และ Bonamico Buffalmacco รวมถึงมีรูปปั้น, อนุสาวรีย์, ภาพแกะสลัก และวัตถุโบราณที่มีความสวยงามให้เยี่ยมชม ถือเป็นสถานที่ฝังศพที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของศาสนาคริสต์

หอเอนปิซ่ากับความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สถานที่ทดลองเกี่ยวกับเรื่องแรงโน้มถ่วงของกาลิเลโอ

หอเอน เมืองปิซ่า

หอเอนปิซ่ามีความสำคัญในฐานะส่วนหนึ่งของศาสนสถานนิกายโรมันคาทอลิก ที่นี่ถูกสร้างให้เป็นหอระฆังสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นหอคอยประจำเมือง มีลักษณะเป็นทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวทั้งหลัง มีความสูง 55.86 เมตร และมีน้ำหนักรวมประมาณ 14,500 ตัน หอแห่งนี้มีความเอียงจากแนวตั้งฉากปกติ 3.97 องศา และยอดของหออยู่ห่างจากแนวตั้งฉากปกติ 3.9 เมตร ภายในมีบันไดวน 293 ขั้น นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปบนยอดหอระฆังเพื่อชมวิวเมืองปิซ่าได้

หอเอนปิซ่าเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์และวงการวิทยาศาสตร์ของโลก จากการที่กาลิเลโอเคยใช้หอคอยเอียงแห่งนี้ทำการทดลองเกี่ยวกับสมมติฐานเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลกตอนที่เขากำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซ่า ระหว่างปี ค.ศ. 1589-1592 โดยเขาได้ทำการทดลองปล่อยลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันลงมาจากยอดหอเอนเพื่อพิสูจน์ว่าลูกบอลทั้ง 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งผลการทดลองก็พบว่าเป็นไปดังที่กาลิเลโอคาดการณ์ไว้

จากความมหัศจรรย์ที่ไม่ตั้งใจจะให้เกิดขึ้นและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่า หอเอนปิซ่าจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี ค.ศ. 1987 อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (7 Wonders) ในยุคกลางอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวโลก เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลีที่ควรค่าแก่การไปเห็นความสวยงามกับตาตัวเองให้ได้สักครั้งในชีวิต

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร