พื้นที่อันกว้างใหญ่ของสหรัฐอเมริกาทำให้ประเทศนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติตั้งแต่ผืนป่าสีเขียว ภูเขาหิมะขาวโพลน ไปจนถึงทะเลทรายแห้งแล้งขนาดใหญ่ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในทะเลทรายที่น่าไปเยือนที่สุดแห่งหนึ่งคือหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) รัฐแอริโซนา ที่นี่คือหุบเขาที่เต็มไปด้วยแท่งหินขนาดมหึมากระจัดกระจายอยู่บนที่ราบแห้งแล้งกว้างสุดลูกหูลูกตา

แหล่งหินเหล่านี้เปรียบเสมือนประติมากรรมที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติเป็นเวลานับล้านปี เป็นความงดงามและความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่ควรค่าแก่การซื้อตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาเพื่อไปเห็นกับตาตัวเองให้ได้สักครั้งในชีวิต ใครที่อยากเห็นความมหัศจรรย์และความสวยงามของธรรมชาติแบบนี้ สามารถจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอป Traveloka แล้วไปตะลุยทะเลทรายเที่ยวหุบเขาโมนูเมนต์กันได้เลย!

หุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่บริเวณเขตรอยต่อระหว่างสองรัฐคือรัฐยูทาห์ (Utah) กับรัฐแอริโซนา (Arizona) ซึ่งเป็นพื้นที่ทะเลทรายแห้งแล้งขนาดใหญ่ที่มีความสวยงาม ถือเป็นที่เที่ยวสุดมหัศจรรย์ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของอเมริกาที่ควรไปเยือนให้ได้สักครั้ง

เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้กับหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) ที่สุดคือเมืองคาเยนตา (Kayenta) นักท่องเที่ยวสามารถจองโรงแรมที่เมืองนี้แล้วขับรถไปเที่ยวหุบเขาโมนูเมนต์ได้แบบ One Day Trip อีกเมืองที่อยู่ใกล้คือเมือ Oljato–Monument Valley การจองที่พักอเมริกาในเมืองนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเที่ยวชมหุบเขาโมนูเมนต์แบบใกล้ชิด แต่ก่อนจะไปเที่ยว ลองมาทำความรู้จักหุบเขาแห่งนี้กันสักเล็กน้อย

หุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) เป็นสถานที่ที่มีความพิเศษในทางธรณีวิทยา โดยนักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่าเมื่อประมาณ 250 ล้านปีที่แล้วผืนทรายสีแดงของพื้นที่นี้เคยเป็นทะเลมาก่อน ต่อมาน้ำทะเลค่อย ๆ ตื้นเขินขึ้นจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น และเมื่อประมาณ 70 ล้านปีที่แล้วเปลือกโลกเกิดการดันตัวอย่างรุนแรงจนพื้นที่บริเวณนี้ยกตัวสูงขึ้น พื้นที่ที่เคยอยู่ใต้ทะเลจึงกลายมาเป็นที่ราบสูงอันกว้างใหญ่ ต่อมาชั้นหินที่มีความบอบบางเพราะเคยอยู่ใต้น้ำมาก่อนก็ถูกกระแสลมและน้ำกัดเซาะทีละน้อยเป็นเวลานับล้านปี จนแปรเปลี่ยนรูปไปเป็นแท่งหินหรือหุบผาชันรูปร่างแปลกตาดังที่เห็นในปัจจุบัน

สำหรับชื่อหุบเขาโมนูเมนต์มาจากนักธรณีวิทยาที่เรียกแท่งหินจำนวนมากบริเวณนี้ว่า "โมนูเมนต์" (Monument) จากลักษณะทางกายภาพที่คล้ายกับสิ่งก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์ แท่งหินมีลักษณะยอดราบและมีด้านข้างสูงชันเป็นแนวตั้ง ซึ่งในทางธรณีสัณฐานวิทยาเรียกแท่งหินลักษณะนี้ว่า “เนินยอดป้าน” (Butte) โดยแท่งหินหลายแท่งได้รับการตั้งชื่อให้ด้วย เช่น Mitchell Butte, West Mitten Butte, East Mitten Butte, Merrick Butte หรือ Three Sisters เป็นต้น

พื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) มีความแห้งแล้งมากจนไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์ มีเพียงอินเดียนแดงชนเผ่านาวาโฮ (Navajo) ที่อาศัยอยู่บริเวณแถบนี้ และยังชีพด้วยการเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ หุบเขาโมนูเมนต์ยังมีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่ เช่น กระต่าย, กิ้งก่า, คางคก, มด, แมงป่อง และงูหางกระดิ่ง รวมถึงพืชที่พบได้บ่อยก็เป็นพืชทะเลทราย เช่น จูนิเพอร์, สนพินยอน และกระบองเพชร ถือเป็นระบบนิเวศแบบทะเลทรายที่น่าสนใจไม่น้อย

หุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) ตั้งอยู่ในพื้นที่ของเขตอนุรักษ์นาวาโฮ (Navajo Nation) ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ชนพื้นเมือง (อินเดียน) ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา บริเวณเส้นเขตแดนระหว่างรัฐยูทาห์ (Utah) กับรัฐแอริโซนา (Arizona) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/SkQ7Zx4RUdbmjBfF6

หุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) อยู่ในการดูแลของอุทยานแห่งชาตินาวาโฮ เปิดให้ท่องเที่ยวทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. และจะปิดทำการในวันสำคัญ ได้แก่ วันขอบคุณพระเจ้า 24 พฤศจิกายน, วันคริสต์มาส 25 ธันวาคม และวันปีใหม่ 1 มกราคม และหุบเขาโมนูเมนต์สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู ซึ่งแต่ละฤดูก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป โดยช่วงที่เหมาะที่สุดคือช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนมีนาคม-เดือนมิถุนายน เพราะอากาศจะไม่ร้อนจัดจนเกิดไป

สำหรับค่าเข้าชมอุทยานจะเริ่มต้นที่คนละ 8 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและข้อกำหนดต่าง ๆ ในการเข้าอุทยานได้ที่เว็บไซต์ https://navajonationparks.org

การเดินทางไปเที่ยวหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) ที่สะดวกที่สุดคือการเดินทางด้วยรถยนต์ เพราะเป็นวิธีเดียวที่สามารถเข้าถึงพื้นที่นี้ได้ และนักท่องเที่ยวสามารถขับรถเที่ยวชมภายในพื้นที่ของอุทยานและแวะชมตามจุดสำคัญ ๆ ได้อย่างทั่วถึง รายละเอียดการเดินทางมีดังนี้

นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถยนต์จากเมืองแฟลกสตาฟ (Flagstaff) รัฐแอริโซนา จากนั้นขับไปที่เมืองคาเยนตา (Kayenta) ระยะทางประมาณ 240 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง จากเมืองคาเยนตา (Kayenta) ใช้ทางหลวงหมายเลข 163 เดินทางสู่หุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) ได้ในเวลา 1 ชั่วโมง มีระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร จากนั้นสามารถขับรถเข้าไปเที่ยวชมภายในหุบเขาโมนูเมนต์ได้ตามเส้นทางที่ทางอุทยานกำหนด

หากไม่อยากขับรถตระเวนเที่ยวเองก็สามารถใช้บริการบริษัททัวร์ได้เช่นกัน โดยติดต่อซื้อทัวร์ได้ที่เมือง Oljato–Monument Valley มีหลากหลายบริษัทให้เลือก ทัวร์จะพานั่งรถ SUV เที่ยวชมพื้นที่ภายในหุบเขาโมนูเมนต์พร้อมกับแวะชมจุดสำคัญที่เป็นไฮไลต์ห้ามพลาด วิธีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ต้องการความสะดวกสบาย

หลังจากเที่ยวชมหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) อย่างเพลิดเพลินแล้ว จุดหมายต่อไปคือการหาอาหารอร่อย ๆ เข้าท้อง ซึ่งบริเวณใกล้ ๆ หุบเขาโมนูเมนต์ก็มีร้านอาหารยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดอยู่หลายร้านด้วยกัน มาดูกันว่ามีร้านอะไรบ้าง

เริ่มต้นที่ร้านแรก Blue Coffee Pot Restaurant นี่คือร้านอาหารชื่อดังย่านหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) ที่นักท่องเที่ยวหลายคนเลือกมาฝากท้องกัน ตั้งอยู่ในเมืองคาเยนตา (Kayenta) ร้านนี้ขายอาหารอเมริกันพื้นเมืองที่มีสีสันหน้าตาน่าทาน และมีรสชาติเฉพาะจนเป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลายคน อีกทั้งมีเมนูให้เลือกหลากหลาย เช่นเดียวกับบรรยากาศร้านที่ดีและราคาอาหารที่สมเหตุสมผล ถือเป็นหนึ่งในร้านอาหารยอดนิยมประจำหุบเขาโมนูเมนต์ที่ต้องไปลองให้ได้

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/6zrZYuRzF9Kre77TA

มาต่อกันที่ Pizza Edge ร้านพิซซ่าชื่อดังในเมืองคาเยนตา (Kayenta) ไม่ไกลจากหุบเขาโมนูเมนต์ จุดเด่นของร้านนี้คือพิซซ่าสไตล์อเมริกันหน้าแน่น ๆ กลิ่นหอม แป้งอร่อย ซึ่งทางร้านทำเองทุกขั้นตอน และยังมีพิซซ่าให้เลือกหลายหน้าอีกด้วย นอกจากนี้ บรรยากาศร้านมีความเรียบง่ายแต่รสชาติอาหารอร่อยถูกใจคนรักพิซซ่าแน่นอน ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ต้องไปลองให้ได้

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/yV1ka8r1N9ddhzyp6

ถ้าใครอยากลองอาหารเม็กซิกันต้องมาที่ร้าน Amigo Cafe ที่นี่เป็นร้านอาหารเม็กซิกันเล็ก ๆ ในเมืองคาเยนตา (Kayenta) ไม่ไกลจากหุบเขาโมนูเมนต์ จุดเด่นคืออาหารเม็กซิกันเลิศรสที่มีให้เลือกอร่อยหลายอย่าง รวมถึงอาหารอเมริกันพื้นเมืองที่หาทานได้ยาก รสชาติอร่อยถูกปาก ที่สำคัญคือราคาไม่แพง อีกทั้งบรรยากาศของร้านก็อบอุ่นและน่านั่ง ถือเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ต้องไปชิมให้ได้

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/wTFTSpXwZXdygUgN8

ใครเป็นสายกินบรรยากาศห้ามพลาด The View Restaurant ที่นี่เป็นร้านอาหารพื้นเมืองอเมริกันที่อยู่ติดกับหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) จุดเด่นของร้านจึงเป็นวิวทิวทัศน์สวย ๆ ที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้จากที่ร้าน ถือเป็นการทานอาหารพร้อมกับชมทัศนียภาพงาม ๆ ไปในตัว อีกทั้งรสชาติอาหารก็ยังอร่อยและเป็นอาหารอเมริกันพื้นเมืองแท้ ๆ ที่หาทานได้ยาก ถ้าได้ไปเที่ยวหุบเขาโมนูเมนต์ ไม่ควรพลาดร้านนี้

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/pp58kN5NAVAsgYFQA

ปิดท้ายกันที่ Champs Chicken ร้านฟาสต์ฟู้ดที่มีจุดเด่นเรื่องไก่ทอดกรอบ ๆ พร้อมซอสดิปสูตรเฉพาะที่มีรสชาติอร่อยไม่เหมือนไก่ทอดฟาสต์ฟู้ดเจ้าดังแบรนด์อื่น ร้านนี้มีสาขาหลายแห่งในอเมริกา แต่สาขาที่อยู่ใกล้หุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) มากที่สุดจะอยู่ใกล้ ๆ กับสนามบิน Goulding's Monument Valley ถือเป็นร้านไก่ทอดที่น่าลอง และเหมาะสำหรับทานระหว่างเดินทางหรือทานในเวลาเร่งด่วน

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/M3B36jtVs7YFasaV6

นอกจากทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาและความกว้างใหญ่ของหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) แล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ ที่ไม่ควรพลาดอีกหลายอย่างเช่นกัน เราไปอ่านรายละเอียดต่าง ๆ กัน!

การนั่งรถชมความสวยงามของหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) เป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาดเมื่อมาเที่ยวที่นี่ เพราะหุบเขามีอาณาบริเวณกว้างใหญ่มาก และมีจุดชมวิวสวย ๆ มากมายรอให้ผู้มาเยือนได้ไปชม โดยเฉพาะจุดที่เป็นไฮไลต์อย่าง Forrest Gump Point ซึ่งเป็นฉากหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังดังเรื่อง Forrest Gump มีลักษณะเป็นถนนทอดตรงยาวเข้าหาภูเขาหน้าผาหิน ถือเป็นภาพที่สวยงามและเป็นที่จดจำไปทั่วโลก จุดนี้จึงเป็นจุดที่ทุกคนต้องไปเช็กอินให้ได้

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการพักค้างแรมและรอชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าที่หุบเขาโมนูเมนต์ โดยบริเวณรอบ ๆ หุบเขาจะมีลานตั้งแคมป์ให้บริการจำนวนมาก ทั้งยังรองรับการจอดรถบ้านพักค้างแรม ซึ่งวิวทิวทัศน์ตอนเช้าตรู่ขณะที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นนั้นมีความสวยงามมาก ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นักเดินทาง นักท่องเที่ยวสายโรดทริป และคนรักการแคมป์ปิ้งไม่ควรพลาด

อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือการขี่ม้าชมหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) ที่ให้อารมณ์แบบคาวบอยอย่างแท้จริง กิจกรรมนี้จะอยู่ในรูปแบบทัวร์ซึ่งจะมีให้เลือกหลากหลายบริษัท แต่ละทัวร์ก็จะมีรายละเอียดและราคาแตกต่างกันไป และจะมีไกด์พาชมตามจุดสำคัญต่าง ๆ ถือเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หาที่ไหนไม่ได้ นักท่องเที่ยวทุกคนห้ามพลาดเมื่อไปเยือนอย่างเด็ดขาด