Traveloka TH
03 May 2024 - less than 1 min read
ถ้าพูดถึงที่เที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความงดงามของธรรมชาติ หลายคนอาจนึกถึงประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งภูมิประเทศเป็นที่ราบชายฝั่ง มีหมู่เกาะมากมาย และมีภูเขาไฟที่ยังมีพลังกว่า 400 ลูก หนึ่งในนั้นคือ ภูเขาไฟโบรโม่ หรือ Mount Bromo ที่เป็นจุดหมายสำคัญของนักปีนเขาทั้งหลายนั่นเอง
ใครที่ต้องการออกไปสัมผัสกับภูเขาไฟที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลมหายใจของพระเจ้า บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลประวัติ ที่ตั้ง และช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวภูเขาไฟโบรโม่มาฝากทุกคนแล้ว แต่ก่อนจะออกเดินทางอย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมด้วยการจองตั๋วเครื่องบินไปอินโดนีเซียผ่านแอป Traveloka ที่สามารถจองได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน ถ้าพร้อมแล้วก็แพ็กกระเป๋าแล้วไปพิชิตภูเขาไฟโบรโม่กันได้เลย
ภูเขาไฟโบรโม่(Mount Bromo) เป็นภูเขาไฟที่ยังคงมีพลังงาน หรือ Active Volcano ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยความน่าค้นหาและทิวทัศน์ที่สวยงามจนติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศอินโดนีเซีย ภูเขาไฟโบรโม่ รูปร่างจะไม่สูงมากนักโดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,329 เมตร สามารถเดินเท้าหรือขี่ม้าขึ้นไปจากบริเวณตีนภูเขาไฟได้เลย
ถึงแม้ความสูงของภูเขาอาจจะไม่มากนักหากเทียบกับภูเขาไฟลูกอื่น ๆ แต่การเดินทางขึ้นภูเขาไฟโบรโม่ที่ยังสามารถปะทุได้อยู่ก็ควรจะเตรียมร่างกายให้พร้อม การเลือกที่พักอินโดนีเซียที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟโบรโม่มากที่สุด สามารถช่วยให้เก็บแรงไว้สำหรับการผจญภัยระหว่างทางขึ้นภูเขา และสะดวกในการมาชมพระอาทิตย์ขึ้นอีกด้วย
ชื่อ Mount Bromo หรือภูเขาไฟโบรโม่ เกิดจากคำว่า “Brahma” หรือ “พรหม” ในภาษาชวา หมายถึงพระพรหมที่เป็นเทพผู้สร้างตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ที่ภูเขาไฟลูกนี้มีชื่อว่าโบรโม่นั้น เพราะว่าในอดีตช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี ชาวอินโดนีเซียจะเดินทางขึ้นไปบนภูเขาไฟ และทำพิธีบูชาเทพเจ้าผู้สร้างด้วยการโยนของบูชาลงไปในแอ่งภูเขาไฟ หรือก็คือเทศกาล Yadnya Kasada นั่นเอง ภูเขาไฟโบรโม่จึงมีความสำคัญสำหรับชาวอินโดนีเซียในด้านศาสนา อีกทั้งยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นภูเขาไฟที่ไม่สูงมากแต่มีทัศนียภาพสวยงาม
ภูเขาไฟโบรโม่ตั้งอยู่ในจังหวัดชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย โดยอยู่ในอุทยานแห่งชาติ ‘โบรโม่เต็งเกอร์เซเมรุ’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเทงเกอร์มาสซีฟ และบริเวณอุทยานแห่งชาติโบรโม่เต็งเกอร์เซเมรุก็ยังมีภูเขาไฟอื่น ๆ ที่รอนักท่องเที่ยวมาชมความยิ่งใหญ่ เช่น ภูเขาไฟเซเมรุ (Semeru) หรือ ภูเขาไฟบาต็อก (Batok) เป็นต้น
สำหรับการเข้าไปเยี่ยมชมภูเขาไฟโบรโม่ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ตลดทั้งปี โดยช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดจะเป็นช่วงเดือนเมษายน-เดือนตุลาคม แต่เนื่องจากภูเขาไฟโบรโม่เป็นภูเขาไฟที่ยังคงมีพลังงาน จึงสามารถปะทุได้ตลอดเวลา คุณควรจะตรวจสอบการแจ้งเตือนภูเขาไฟโบรโม่ปะทุจากทางการของอินโดนีเซียก่อนไป
การชมภูเขาไฟโบรโม่สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งวัน เนื่องจากอุทยานนั้นเปิดทำการ 24 ชั่วโมง แต่จะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 220,000 รูเปีย หรือประมาณ 500 บาท นอกจากนี้ หากใครต้องการขี่ม้าขึ้นไปบนปล่องภูเขาไฟ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมร่วมด้วย
การเดินทางไปยังภูเขาไฟโบรโม่สามารถทำได้หลายวิธี โดยเราได้รวบรวมวิธีการเดินทางไปภูเขาไฟโบรโม่มาแนะนำทุกคน 3 รูปแบบ ได้แก่ การเดินทางด้วยรถไฟ รถบัส และรถยนต์ แต่ละวิธีจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันเลย!
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางด้วยรถไฟจากสถานีรถไฟ Gubeng ในเมือง Surabaya มายังปลายทางที่สถานีรถไฟ Malang ในจังหวัด Malang โดยใช้เวลาโดยสารรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที และมีค่าโดยสารเบื้องต้นประมาณ 130 บาท จากนั้นจะต้องต่อรถรับจ้างหรือรถแท็กซี่มายังภูเขาไฟโบรโม่ ซึ่งใช้เวลาเพิ่มเติมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
หากต้องการจะเดินทางไปยังภูเขาไฟโบรโม่ด้วยรถบัส ต้องออกเดินทางจากเมือง Surabaya ด้วยรถบัสจากสถานี Surabaya Kota ไปยังสถานีรถบัส Malang ในจังหวัด Malang ใช้เวลาโดยสารประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที และมีค่าโดยสารเบื้องต้นประมาณ 350-430 บาท จากนั้นจะต้องต่อรถรถแท็กซี่หรือรถรับจ้างจาก สถานีรถบัส Malang มายังภูเขาไฟโบรโม่ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 21 นาที
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวก และใช้เวลาเดินทางสั้นที่สุดในการเดินทางมายังภูเขาไฟโบรโม่ เพราะสามารถขับรถจากเมือง Surabaya มายังภูเขาไฟโบรโม่ได้โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 50 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ภายในประเทศอินโดนีเซียได้อีกด้วย
ภูเขาไฟโบรโม่มักจะเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในลิสต์ของสายผจญภัยหรือนักปีนเขาเสมอ เนื่องจากทัศนียภาพบนปากปล่องภูเขานั้นสวยงาม คุ้มค่าสำหรับการปีนภูเขาไฟมีชีวิต ฤดูกาลที่เหมาะสมในการปีนภูเขาไฟโบรโม่คือ ช่วงเดือนเมษายน-เดือนตุลาคม เนื่องจากเป็นฤดูแล้งจึงทำให้ไม่ต้องฝ่าพายุฝนในการเดินขึ้นไปชมภูเขาไฟโบรโม่ และการเตรียมตัวเพื่อปีนเขาควรจะเลือกช่วงเวลาเช้าตรู่ หรือประมาณ 03.00-05.00 น. เนื่องจากเมื่อขึ้นมาถึงปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นพอดี
ถึงแม้ประเทศอินโดนีเซียจะเป็นประเทศในเขตร้อน แต่อุณหภูมิบนภูเขาไฟโบรโม่นั้นอยู่ที่ 8-13 องศาและมีลมแรง จึงควรเตรียมเสื้อกันหนาวที่กันลมได้ และกางเกงขายาวที่เหมาะกับการเดินทางระยะไกล นอกจากนี้ คุณควรจะเตรียมหน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดจมูกขึ้นไปด้วย เนื่องจากภูเขาไฟโบรโม่ยังคงปะทุและปล่อยควันออกมา ซึ่งไม่ควรสูดดมควันจากภูเขาไฟเป็นเวลานาน ใครที่มีชื่อภูเขาไฟโบรโม่อยู่ในลิสต์ เตรียมร่างกายให้พร้อม แล้วมาพิชิตภูเขาไฟที่ได้ชื่อว่าเป็นลมหายใจของพระเจ้ากันเลย!
Alt : ชมวิว ภูเขาไฟโบรโม่
เมื่อสำรวจข้อมูลการเดินทางและการเตรียมตัวไปปีนภูเขาไฟเรียบร้อยแล้ว เรามาดูจุดชมวิวภูเขาไฟโบรโม่กันบ้างดีกว่าว่า มีชุดชมวิวที่ไหนบ้างที่คุ้มค่าสำหรับการไปจับจองที่ เพื่อดูแสงแรกและแสงสุดท้ายของวันบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ จะมีจุดชมวิวไหนจะสวยที่สุด หรือจุดชมวิวไหนจะเห็นภูเขาไฟโบรโม่ใกล้ที่สุด ดังนี้
จุดชมวิว Penanjakan เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงด้านทัศนียภาพที่สวยงามที่สุด สำหรับการเที่ยวภูเขาไฟโบรโม่
โดยไฮไลต์ของจุดชมวิวนี้จะเป็นการชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น เราจะเห็นแสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังปากปล่องภูเขาไฟ ถือเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้เลยทีเดียว ใครที่ต้องการจะไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นก็จะต้องเตรียมตัวไปยังจุดชมวิว Penanjakan แต่เช้า เพราะประมาณตี 4 ก็จะมีนักท่องเที่ยวมาจับจองพื้นที่เพื่อชมวิวกันแล้ว
Seruni Point เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงามไม่แพ้จุดชมวิวไหน ๆ โดยจุดชมวิวแห่งนี้จะอยู่ใกล้กับภูเขาไฟโบรโม่มากขึ้นอีก และหากมาถึงจุดชมวิวในช่วงที่ฟ้ายังไม่สว่าง เราก็จะได้เห็นแสงจากรถไฟที่วิ่งอยู่ด้านล่าง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นลาวาร้อนที่กำลังไหลลงมาจากภูเขาไฟโบรโม่เลยทีเดียว ถือว่าเป็นจุดชมวิวอีกหนึ่งตัวเลือกที่สวยงามไม่แพ้กันเลย
Kingkong Hill เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสุดฮิตของภูเขาไฟโบรโม่ อยู่ห่างจากภูเขา Penanjakan ประมาณ 2.5 กิโลเมตร เป็นจุดชมวิวที่จะมองเห็นหมู่บ้าน Cemara Lawang พร้อมกับปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ได้อย่างชัดเจน โดยจุดชมวิว Kingkong Hill เป็นจุดชมวิวเล็ก ๆ ที่มีระเบียงชมวิวเพียง 2 ระเบียงเท่านั้น ฉะนั้น ใครที่อยากดื่มด่ำบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นด้านหลังหมู่บ้าน Cemara Lawang พร้อมกับภูเขาไฟโบรโม่ก็ต้องรีบมาจับจองที่นั่งกันตั้งแต่เช้าตรู่