0

Traveloka TH

03 May 2024 - 1 min read

พระราชวังแวร์ซาย (Palace of Versailles) สัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองของราชวงศ์ฝรั่งเศส

พระราชวังแวร์ซาย

พระราชวังแวร์ซาย (Palace of Versailles) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของฝรั่งเศสที่คงไม่มีใครไม่รู้จัก ที่นี่คือพระราชวังหลวงที่เคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีความสวยงาม หรูหรา และยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ถือเป็นศูนย์กลางของอำนาจ ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 17-18 จากความสำคัญทางประวัติศาสตร์นี้เองทำให้พระราชวังแวร์ซายได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี ค.ศ. 1979

ใครที่อยากเห็นความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวในฝันสุดอลังการระดับโลกแบบนี้ สามารถจองตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศสผ่านแอป Traveloka แล้วบินไปชมความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันน่าสนใจของพระราชวังแวร์ซายที่ฝรั่งเศสกันได้เลย!

ทำความรู้จักพระราชวังแวร์ซาย ที่ประทับอันโอ่อ่าของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14

พระราชวังแวร์ซาย รูปภาพ

พระราชวังแวร์ซายเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ French Baroque สุดอลังการ อาณาเขตของพระราชวังมีพื้นที่รวมกว่า 5,000 ไร่ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 โซน ได้แก่ The Palace, The Gardens, The Estate of Trianon และ The Park ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส

ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนพระราชวังแวร์ซายหลายล้านคน อีกทั้งยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงปารีสทำให้เดินทางไปเที่ยวได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถหาที่พักฝรั่งเศสดี ๆ ในกรุงปารีสแล้วเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับได้อย่างสะดวก ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อได้ไปเยือนฝรั่งเศส แต่ก่อนจะเดินทางไป เราจะพามารู้จักพระราชวังแวร์ซายให้มากขึ้นกันสักเล็กน้อย

ประวัติพระราชวังแวร์ซาย

เดิมทีพระราชวังแวร์ซายเป็นเพียงตำหนักขนาดเล็กที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1622 เพื่อใช้เป็นที่พักส่วนพระองค์เวลามาล่าสัตว์ในป่ารอบ ๆ เมืองแวร์ซาย ก่อนจะมีการปรับปรุงขนาดให้ใหญ่และสะดวกสบายขึ้นในปี ค.ศ. 1631

ต่อมาในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ย้ายราชสำนักมาที่เมืองแวร์ซายเป็นการถาวร และทำก่อสร้างปรับปรุงตำหนักหลังนี้ให้เป็นพระราชวังขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามหรูหรา โดยเริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1661 ใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 500 ล้านฟรังก์ และใช้เวลาสร้างเกือบ 30 ปี หลังจากพระราชวังแวร์ซายสร้างเสร็จก็ได้กลายมาเป็นที่ประทับหลัก และใช้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอีกด้วย

พระราชวังแวร์ซายเป็นที่ประทับหลักของกษัตริย์ฝรั่งเศสมาจนถึงสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ก่อนจะเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส และมีสั่งให้เปลี่ยนสถานะจากพระราชวังไปเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติในปี ค.ศ. 1837 เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บรวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของราชวงศ์และประเทศฝรั่งเศสมาจนถึงปัจจุบัน

ที่ตั้งของพระราชวังแวร์ซาย

พระราชวังแวร์ซายตั้งอยู่ภายในเมืองแวร์ซาย (Versailles) จังหวัดอีฟลีนส์ (Yvelines) แคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ (Île-de-France) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อยู่ห่างจากใจกลางกรุงปารีสประมาณ 17.1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากปารีสประมาณ 30-40 นาที

เราสามารถเยี่ยมชมพระราชวังแวร์ซายได้ช่วงไหนบ้าง

นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมพระราชวังแวร์ซายได้ตลอดทั้งปี โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม เพราะช่วงนี้อากาศกำลังดี ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป อีกทั้งนักท่องเที่ยวจะยังไม่แน่นเท่าช่วงซัมเมอร์ระหว่างเดือนกรกฎาคม-เดือนกันยายนอีกด้วย

ในส่วนของเวลาเปิด-ปิดจะแตกต่างกันไปในแต่ละโซน ดังนี้

โซน The Palace เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 9.00-17.30 น. ปิดวันจันทร์
โซน The Estate of Trianon เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 12.00-17.30 น. ปิดวันจันทร์
โซน The Gardens เปิดทุกวัน เวลา 8.00-18.00 น.
โซน The Park เปิดทุกวัน เวลา 8.00-18.00 น.

สำหรับตั๋วเข้าชมพระราชวังแวร์ซายเฉพาะโซน The Palace อย่างเดียวราคาจะอยู่ที่ 21 ยูโร (ราว 812 บาท ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567) หากต้องการเข้าชมทุกโซนใน 1 ก็วันสามารถซื้อตั๋วแบบ Passport ราคาเริ่มต้นที่ 24 ยูโร (ราว 928 บาท ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567) ทั้งนี้ ราคาตั๋วเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลง นักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดและจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่: ซื้อบัตรเข้าชมพระราชวังแวร์ซาย

แนะนำวิธีการเดินทางไปยังพระราชวังแวร์ซาย

หากจองตั๋วเครื่องบินแล้วเดินทางจากกรุงปารีส นักท่องเที่ยวสามารถไปท่องเที่ยวที่พระราชวังแวร์ซายได้หลายวิธีทั้งการเดินทางด้วยรถไฟ การเดินทางด้วยรถบัสประจำทาง และการเดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งแต่ละวิธีมีความสะดวกและใช้เวลาไม่นาน รายละเอียดดังนี้

การเดินทางด้วยรถไฟ

วิธีการที่สะดวกที่สุดคือการใช้รถไฟ โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟจากใจกลางกรุงปารีสมาที่พระราชวังแวร์ซายได้ 3 วิธี ดังนี้

นั่งรถไฟ RER หรือ Regional Express Network ซึ่งเป็นรถไฟที่เชื่อมต่อระหว่างปารีสชั้นในกับเขตชานเมือง โดยนั่งสาย C มาลงที่สถานีรถไฟ Versailles Château-Rive Gauche จากนั้นเดินต่อเพียง 10 นาทีถึงพระราชวังแวร์ซาย
นั่งรถไฟ SNCF จากสถานีรถไฟ Gare Montparnasse มาลงสถานีรถไฟ Versailles Chantiers จากนั้นเดินเท้าต่ออีก 18 นาทีถึงพระราชวังแวร์ซาย
นั่งรถไฟ SNCF จากสถานี Gare Saint Lazare มาลงที่สถานีรถไฟ Versailles Rive Droite จากนั้นเดินต่ออีก 17 นาทีถึงพระราชวังแวร์ซาย

การเดินทางด้วยรถบัสประจำทาง

รถบัสประจำทางเป็นอีกหนึ่งวิธีเดินทางจากปารีสไปยังพระราชวังแวร์ซายที่สะดวกและใช้เวลาไม่นาน สามารถนั่งรถบัส RATP สาย 171 โดยขึ้นรถที่สถานี Pont de Sèvres ซึ่งรถบัสจะวิ่งไปสุดสายที่พระราชวังแวร์ซาย หากลงรถแล้วสามารถเดินเข้าพระราชวังได้ทันที ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 30 นาที (หากการจราจรไม่ติดขัด)

การเดินทางด้วยรถยนต์

สำหรับคนที่เช่ารถยนต์ขับเที่ยวเอง จากกรุงปารีสให้ใช้ถนนมอเตอร์เวย์สาย A13 ออกทางออกที่ 5 (ป้าย Versailles Centre) แล้วขับตามป้ายบอกทางไปยังพระราชวัง ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เมื่อถึงพระราชวังแวร์ซายแล้วสามารถจอดรถได้หลายจุด ดังนี้

ลานจอดรถด้านหน้าพระราชวัง เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
สวนสาธารณะ Grand Canal, Petit Trianon, Grand Trianon และ Queen's Hamlet
ประตู Queen’s Gate เปิดให้บริการเวลา 09.00-16.50 น.
ประตู Saint-Anthony Gate เปิดให้บริการเวลา 9.00-17.50 น.

ห้องต่าง ๆ ภายในพระราชวังแวร์ซายที่น่าสนใจ

ภายในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของพระราชวังแวร์ซาย โซนพื้นที่ที่สำคัญและควรเข้าไปชมมากที่สุดคือ The Palace ซึ่งเป็นอาคารพระราชวังของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งมีห้องต่าง ๆ รวมกว่า 700 ห้อง มีการตกแต่งภายในอย่างหรูหราอลังการด้วยภาพวาด, งานศิลปะชั้นสูง, รูปปั้นจำนวนมาก รวมถึงของตกแต่งต่าง ๆ ที่ออกแบบอย่างวิจิตรงดงาม มีการจัดแสดงเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของในราชสำนักที่เคยถูกใช้งานจริง ๆ ให้ได้ชมอย่างใกล้ชิด โดยห้องที่มีความสำคัญและไม่ควรพลาดมีดังนี้

ห้องกระจก (The Hall of Mirrors)

ห้องกระจก (The Hall of Mirrors)

ห้องกระจก (The Hall of Mirrors) หรือ Galerie des Glaces ถือเป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของพระราชวังแวร์ซาย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างห้องนี้เอง ภายในห้องประดับด้วยกระจกยักษ์ 17 บาน เมื่อเปิดออกจะเห็นวิวสวนแวร์ซายอันสวยงามสุดลูกหูลูกตา โดยห้องกระจกนี้จะใช้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง รวมถึงใช้จัดพิธีเลี้ยงรับรองคณะราชทูตจากต่างแดน

นอกจากนี้ยังเคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังเคยใช้เป็นที่ลงนามเมื่อครั้งเยอรมนีบุกชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย ถือเป็นห้องที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ต้องไปชมความสวยอลังการกับตาของตัวเอง

ห้องวีนัส (The Venus Room)

ห้องวีนัส (The Venus Room)

ห้องวีนัส (The Venus Room) เป็นห้องพักสำหรับราชทูตจากต่างแดนที่เดินทางมาเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จุดเด่นคือกำแพงห้องด้านหนึ่งถูกเจาะลึกเข้าไป และวางรูปปั้นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงชุดทำศึกแบบโรมัน ขณะที่เพดานห้องตกแต่งด้วยภาพวาดเทพธิดาแห่งความงาม นอกจากนี้ ห้องวีนัสยังเป็นห้องที่เจ้าพระยาโกษาธิบดี หรือ โกษาปาน ราชทูตของสมเด็จพระนารายณ์แห่งกรุงศรีอยุธยาก็เคยเข้าพัก เมื่อครั้งเดินทางมาถวายสาส์นแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อีกด้วย

ห้องเมอร์คิวรี (The Mercury Room)

ห้องเมอร์คิวรี (The Mercury Room) เป็นห้องนอนของพระบรมวงศานุวงศ์ในพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ภายในห้องตกแต่งด้วยวัสดุและเฟอร์นิเจอร์สุดหรู จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้จริงของราชวงศ์ บนเพดานห้องมีภาพวาด “Mercury on his chariot pulled by two roosters” ซึ่งวาดโดย Jean-Baptiste de Champaigne รวมถึงจัดแสดงภาพวาด 2 ภาพที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ชื่นชอบเป็นพิเศษคือภาพ “David playing the harp” วาดโดย Domenico Zampieri และภาพ “Saint John on Patmos” วาดโดย Raphael อีกด้วย

The Gallery of Great Battles

The Gallery of Great Battles เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในอาคารพระราชวัง มีความยาว 120 เมตร กว้าง 13 เมตร ครอบคลุมเกือบทั้งชั้นหนึ่งของปีกด้านทิศใต้ ห้องนี้แสดงประวัติศาสตร์ และความสำเร็จทางการทหารของฝรั่งเศสตลอดระยะเวลาเกือบ 15 ศตวรรษ นับตั้งแต่กษัตริย์โคลวิสที่ 1 จนถึงจักรพรรดินโปเลียนมหาราช ผ่านภาพวาดประมาณ 30 ชิ้น ห้องนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ Louis-Philippe เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1833 และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1837 ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของพระราชวังแวร์ซายที่ต้องไปชม

โรงอุปรากรแห่งแวร์ซาย (Royal Opera of Versailles)

โรงอุปรากรแห่งแวร์ซาย (Royal Opera of Versailles) เป็นโรงละครหลักของพระราชวังแวร์ซาย ตั้งอยู่ปลายสุดของปีกด้านทิศเหนือ ก่อสร้างในปี ค.ศ. 1763-1770 ออกแบบโดย Ange-Jacques Gabriel และตกแต่งภายในโดย Augustin Pajou โรงอุปรากรนี้สร้างด้วยไม้เกือบทั้งห้อง และมีการทาสีให้ดูเหมือนหินอ่อนโดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า ‘หินอ่อนเทียม’ พร้อมภาพวาดบนเพดานที่สวยงาม ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และยังใช้เป็นโรงละครสำหรับการแสดงโอเปร่า ละครเวที และวงดนตรีออร์เคสตราเนื่องในโอกาสพิเศษของประเทศอีกด้วย

สวนหน้าพระราชวังแวร์ซาย (The Gardens) สวนแบบฝรั่งเศสคลาสสิกที่ควรมาเช็กอิน

สวน พระราชวังแวร์ซาย

อีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวพระราชวังแวร์ซายคือโซน The Gardens หรือที่เรียกกันว่าสวนแวร์ซายนั่นเอง ที่นี่คือสวนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของอาคารพระราชวัง ออกแบบโดย André Le Nôtre นักภูมิสถาปนิกชาวฝรั่งเศส และดำเนินการสร้างโดย Jacques Boyceau และ Jacques de Nemours สองนักจัดสวนชื่อดังในยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14

สวนแห่งนี้เป็นสวนสไตล์ฝรั่งเศสคลาสสิก ประกอบด้วยลานหญ้ารูปทรงเรขาคณิต และทางเดินที่ออกแบบเป็นลวดลายต่าง ๆ อย่างสวยงาม ตกแต่งด้วยไม้พุ่มนานาชนิดที่มีสระน้ำขนาดเล็ก, ทะเลสาบจำลอง, รูปปั้นสัตว์, รูปปั้นเทพเจ้ากรีกโบราณ รวมถึงน้ำพุเล็กและใหญ่ทั่วทั้งสวน ถือเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีความสวยงาม และเป็นต้นแบบให้กับสวนที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่งทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO อีกด้วย

สวนแวร์ซายเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-18.00 น. นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นภายในสวนได้โดยไม่มีค่าเข้าชม ถือเป็นอีกจุดเช็กอินที่ถ้าไม่ไปชมก็เหมือนยังไปไม่ถึงพระราชวังแวร์ซาย หากใครที่ต้องการชมความงามฉบับคลาสสิกแบบนี้ อย่าลืมจองที่พักแล้วไปฝรั่งเศสกันได้เลย!

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร