อลาสก้า ดินแดนในฝันของสายธรรมชาติที่มีครบทั้งภูเขาหิมะ ธารน้ำแข็ง แสงเหนือ สัตว์ป่า และวิวอลังการที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากที่อื่น! รัฐเหนือสุดของสหรัฐอเมริกาแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่ยังคงความสมบูรณ์ที่สุดในประเทศ เดิมที่นี่เป็นถิ่นฐานของชาวพื้นเมือง ก่อนจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ผ่านการตั้งถิ่นฐานจากหลากหลายเชื้อชาติ จนกลายเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ผสมผสานทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติในที่เดียวแม้จะอยู่ไกลและอากาศหนาว แต่บอกเลยว่ายังไงที่นี่ก็คุ้มค่ากับการเดินทางมา เพราะจะได้เจอทั้งวิวสวยสุดขอบโลกและกิจกรรมสนุกๆ ที่หาไม่ได้ที่ไหน วันนี้ Traveloka ได้คัด 12 ที่เที่ยวอลาสก้า พร้อมไอเดียกิจกรรมสนุกๆ ให้แพลนทริปได้แบบครบเครื่อง แถมมีลิสต์ที่พักอลาสก้ายอดนิยม สำหรับทุกงบ และทิปส์เล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้การเดินทางของคุณง่ายขึ้นเหมือนมีเพื่อนรู้ทางไปด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้ว ก็เก็บกระเป๋าใส่เสื้อกันหนาว แล้วไปลุยกันเลย!
ถ้าถามว่าไปเที่ยวอลาสก้า ควรเริ่มจากที่ไหนดี หลายคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า Denali National Park เพราะนี่คือหนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยวอลาสก้า ที่ดังไปทั่วโลก อุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ ยอดเขาเดนาลี ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และยังเป็นสัญลักษณ์ของภูเขาอลาสก้าอีกด้วย นอกจากวิวภูเขาหิมะสุดยิ่งใหญ่แล้ว ที่นี่ยังมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย ทั้งหมีกริซลี หมีดำ กวางเอลก์ หมาป่า และแกะดัลล์ สัตว์หายากที่พบได้เฉพาะในอลาสก้าและบางพื้นที่ของแคนาดาเท่านั้น เหมาะสุดๆ สำหรับคนชอบชื่นชมธรรมชาติป่าเขาแบบจัดเต็ม สำหรับการเข้าชมอุทยาน จะต้องนั่งบัสของอุทยานฯ เท่านั้น เพราะทางอุทยานไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไป ถ้าใครได้มาเที่ยวอลาสก้าหน้าร้อน ก็จะเจอความเขียวชอุ่ม สดชื่นแบบเต็มแมกซ์ แต่ถ้าอยากสัมผัสความหนาวและภูเขาขาวโพลนก็ยังมาช่วงหน้าหนาวได้ รับรองฟินไม่แพ้กัน
อีกหนึ่งอุทยานแห่งชาติอลาสก้า ที่ห้ามพลาดคือ Glacier Bay National Park สวรรค์ของสายรักธรรมชาติและคนชอบทะเลน้ำแข็ง อยู่ทางตะวันตกของเมืองจูโน ที่นี่ดังเรื่องวิวสวยระดับโลก โดยเฉพาะโมเมนต์ไฮไลต์อย่างการล่องเรือชมธารน้ำแข็งอลาสก้า ชมธารน้ำแข็งแตกตัวลงทะเลต่อหน้า ทั้งอลังการ ตื่นเต้น และน่าทึ่งสุดๆ แถมถ้าวันไหนโชคดี อาจได้เห็นวาฬหลังค่อมโผล่มาทักทายอีกด้วย แต่เสน่ห์ของ Glacier Bay ไม่ได้มีแค่เธารน้ำแข็งเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งให้เลือกเยอะมาก ทั้งเดินป่า ตั้งแคมป์ ปีนเขา พายคายัค ล่องแก่ง ตกปลา หรือดูนกก็ได้ฟีลไปอีกแบบ เรียกว่ามาที่เดียวครบทั้งธรรมชาติสวยๆ และความสนุกแบบจัดเต็ม สมกับเป็นหนึ่งในที่เที่ยวอลาสก้าติดทะเล ที่ควรมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต
ถ้ากำลังหาที่เที่ยวอลาสก้าที่ได้ฟีลทั้งทะเลและธารน้ำแข็งในทริปเดียว ต้องยกให้ Kenai Fjords National Park เลย! อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้เมืองซีวอร์ด เมืองท่าริมทะเลยอดฮิตของอลาสก้า จุดเด่นคือ ทุ่งน้ำแข็งฮาร์ดิง (Harding Icefield) หนึ่งในทุ่งน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และภูมิประเทศแบบฟยอร์ดที่เกิดจากธารน้ำแข็งกัดเซาะ จนกลายเป็นผนังเขาสูงชันตัดกับน้ำทะเลสีเข้ม วิวอลังการที่ต้องมาเห็นเองถึงจะรู้ว่าของจริงสวยแค่ไหน! ช่วงที่เหมาะที่สุดในการมาเที่ยวคือหน้าร้อน เพราะจะได้ล่องเรือชมธารน้ำแข็งที่ไหลลงมาบรรจบกับทะเล ระหว่างทางยังมีโอกาสเจอวาฬเพชฌฆาต วาฬหลังค่อม นกพัฟฟิน และนากทะเลน่ารัก ๆ ให้ถ่ายรูปเพลินๆ อีกด้วย และใครที่เป็นสายเดินป่าก็ไม่ผิดหวัง เพราะช่วงนี้หิมะเริ่มละลาย เดินได้สะดวก และต้องห้ามพลาดเส้นทาง Exit Glacier เพราะจะได้เห็นธารน้ำแข็งแบบใกล้ชิด พร้อมวิวสวยๆ ให้เก็บภาพตลอดทาง ไม่ว่าจะมาเที่ยวคนเดียว มากับเพื่อน หรือพาครอบครัวมาสำรวจธรรมชาติ ที่นี่คือหนึ่งในที่เที่ยวอลาสก้าที่ครบทั้งวิว กิจกรรม และและความประทับใจแบบจัดเต็มเลบ
แฟร์แบงค์ส เมืองใหญ่ใจกลางอลาสก้าที่ติดโผที่เที่ยวอลาสก้ายอดฮิต เพราะนี่คือพิกัดสุดเพอร์เฟกต์สำหรับการมาเที่ยวอลาสก้าเพื่อดูแสงเหนือ (Aurora Borealis) โดยเฉพาะช่วงปลายกันยายนไปจนถึงมีนาคม ยิ่งมาหน้าหนาวยิ่งฟิน นอกจากได้ชมแสงเหนือสวยๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมสุดพิเศษอย่างขี่สุนัขลากเลื่อน หรือแช่น้ำพุร้อนกลางหิมะ บอกเลยว่าทั้งสนุก ทั้งโรแมนติกในทริปเดียว ส่วนใครมาหน้าร้อนก็บันเทิงไม่แพ้กัน เพราะแฟร์แบงค์สเต็มไปด้วยเทศกาลวัฒนธรรม กิจกรรมกลางแจ้ง และปรากฏการณ์วันพระอาทิตย์เที่ยงคืน (Midnight Sun) ที่ให้ได้สัมผัสแสงสว่างได้นานกว่าที่ไหนๆ เรียกได้ว่าที่นี่คือคำตอบของคำถาม “อลาสก้า เที่ยวไหนดี?” ที่ครบทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมในเมืองเดียวเลย
อุทยานแห่งชาติและเขตอนุรักษ์แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ใหญ่จนหลายประเทศรวมกันยังสู้ไม่ได้! ที่นี่เป็นสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวอลาสก้าสำหรับคนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติและชอบความท้าทายเลย เพราะเต็มไปด้วยภูเขาสูง ธารน้ำแข็งยักษ์ และหมู่บ้านประวัติศาสตร์กลางหุบเขา สามารถเดินป่าอลาสก้าไปยังจุดชมวิว หรือจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมวิวเหนือธารน้ำแข็งสูงสุดอลังการก็ได้ นอกจากนี้ ยังเป็นที่เที่ยวธรรมชาติอลาสก้า ที่ยังคงความบริสุทธิ์แทบไม่มีการพัฒนา จึงเหมาะมากๆ กับนักเดินทางที่อยากสัมผัสอลาสก้าในแบบดิบๆ และยังคงความสงบแบบสุดๆ
Seward ที่เที่ยวในอลาสก้าที่เป็นเมืองท่าน่ารักๆ ริมทะเล และเต็มไปด้วยเสน่ห์ของชุมชนชาวประมง ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นประตูสู่ Kenai Fjords National Park และยังมี Alaska SeaLife Center พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เดินเพลินทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แถมยังเป็นต้นทางของรถไฟ Alaska Railroad ที่วิ่งยาวไปถึง Anchorage และ Fairbanks บอกเลยว่า แค่การเดินทางไปก็สนุกแล้ว เพราะเส้นทางหลวง Seward Highway จะพาเราลัดเลาะเลียบชายฝั่ง ผ่านวิวภูเขา ทะเล และป่าเขียวขจีตลอดทาง บางวันอาจมีเซอร์ไพรส์จากกวางมูสหรือหมีกริซลีโผล่มาให้เห็นแบบใกล้ๆ ด้วยนะ และพอเข้าหน้าร้อน เมืองนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ มีกิจกรรมให้เลือกเพียบ ทั้ง ล่องเรือชมปลาวาฬอลาสก้า หรือจะลองไปตกปลาอลาสก้า ก็ฟีลดีไปอีกแบบ ใครชอบเมืองเล็กๆ วิวสวย กิจกรรมครบและบรรยากาศอบอุ่นสไตล์ชายฝั่ง บอกเลยว่า Seward เป็นอีกพิกัดที่ต้องแวะมาให้ได้สักครั้งในชีวิต
ถ้าใครมีแพลนมาเที่ยวอลาสก้าหน้าหนาว หรือแค่อยากหนีความวุ่นวายไปหาที่ชิลๆ พักใจ แนะนำให้แวะ น้ำพุร้อนเชนา (Chena Hot Springs) เลยจ้า ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเมือง Fairbanks ที่เที่ยวที่ขึ้นชื่อเรื่องแสงเหนือ ไฮไลต์คือบ่อน้ำแร่กลางแจ้งอุ่นๆ ประมาณ 41 องศาเซลเซียส อยู่ท่ามกลางวิวหิมะล้อมรอบ ได้ฟีลอุ่นสบายตัดกับอากาศหนาวที่บอกเลยว่าฟินจนไม่อยากลุก นอกจากเรื่องความผ่อนคลาย ที่นี่ยังเป็นจุดชมแสงเหนือที่สวยมากอีกแห่งของอลาสก้า แถมมีกิจกรรมให้ทำตลอดทั้งปี ทั้งเที่ยว Aurora Ice Museum พิพิธภัณฑ์น้ำแข็งสุดว้าว หรือจะลองขี่สุนัขลากเลื่อนอลาสก้า ก็สนุกไม่แพ้กัน ที่สำคัญยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ เรียกว่ามาที่เดียวได้ทั้งความชิล ความตื่นเต้น และภาพสวยๆ กลับบ้านครบเลย
อลาสก้า เที่ยวไหนดี? ขอพาแวะมาที่เมืองเล็กๆ ริมทะเลที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และบรรยากาศย้อนยุค เดินเล่นเพลินๆ ก็เจอทั้งอาคารไม้หลากสี ร้านขายของที่ระลึก และคาเฟ่น่านั่ง อดีตที่นี่เคยรุ่งเรืองจากการขุดทอง จึงยังมีร่องรอยเรื่องราวในหลายมุมของเมืองให้ได้สัมผัส ส่วนไฮไลต์ก็ต้องยกให้การนั่ง White Pass & Yukon Route Railway รถไฟสายตำนาน ที่พาเราไต่เขาผ่านวิวฟยอร์ด น้ำตก และหุบเขาสุดอลังแบบ 360 องศา พอถึงหน้าร้อน เมืองนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเป็นจุดแวะยอดฮิตของเรือสำราญ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเดินชมเมือง ถ่ายรูป และช้อปปิ้งกันคึกครื้น ไม่ว่ามุมไหนก็ได้ฟีลย้อนเวลากลับไปในช่วงปี 1890 พร้อมวิวธรรมชาติอลังการเป็นฉากหลังแบบลงตัวสุดๆ
หนึ่งในธารน้ำแข็งอลาสก้า ที่เดินทางง่ายสุดๆ ที่นี่อยู่ในเขต Kenai Fjords National Park ขับรถจากเมือง Seward แค่ไม่กี่นาทีก็ถึง จุดเด่นคือเส้นทางเดินเทรลที่พาเข้าไปใกล้ผิวน้ำแข็งได้แบบปลอดภัย เหมาะมากสำหรับใครที่อยากสัมผัสน้ำแข็งอายุกว่าพันปีแบบใกล้ๆ จะมาชื่นชม หรือเก็บภาพก็ฟินได้เต็มที่ ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นทั้งที่เที่ยวอลาสก้าสำหรับครอบครัว และสวรรค์ของสายถ่ายภาพเลยก็ว่าได้ เพราะสีฟ้าใสๆ ของน้ำแข็งตัดกับภูเขาสีเข้มด้านหลัง คือวิวที่สวยและดีงามสุดๆ ยิ่งช่วงปลายฤดูร้อน ที่อากาศกำลังดี น้ำแข็งยังขาวสะอาด คือเดินเพลิน ถ่ายรูปเพลิน รับรองว่าได้ภาพสวย ๆ กลับไปเพียบ
ถ้าใครเป็นสายลุยและอยากได้จุดถ่ายรูปอลาสก้าแบบไม่ซ้ำใคร ต้องปักหมุด Mendenhall Ice Cave เลย อุโมงค์น้ำแข็งสุดว้าวที่เกิดจากการละลายและกัดเซาะของธารน้ำแข็งเมนเดนฮอลล์ จนกลายเป็นอุโมงค์ยาวเกือบ 19 กิโลเมตร ด้านในมีแสงสีฟ้าอ่อนๆ ส่องลอดเข้ามา ทำให้บรรยากาศสวยจับใจสุดๆ ส่วนเรื่องการไป ต้องบอกว่ามีความท้าทายหน่อยๆ เพราะเส้นทางค่อนข้างลำบากและต้องใช้ความระมัดระวัง แต่ถ้าพร้อมลุย บอกเลยว่าคุ้ม! เพราะคุณจะได้ภาพและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในที่เที่ยวอลาสก้าที่สวยที่สุดที่ควรไปสักครั้งในชีวิต
Tracy Arm Fjord หนึ่งในฟยอร์ดที่สวยที่สุดของรัฐอลาสก้า ยาวกว่า 48 กิโลเมตร เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งจนกลายเป็นร่องลึกกลางหุบเขา พอน้ำแข็งละลายก็กลายเป็นผืนน้ำสีฟ้าใสที่สวยจนหยุดมองไม่ได้! มาถึงทั้งที กิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือการล่องเรือเข้าไปใกล้ธารน้ำแข็งใหญ่แบบชิดๆ บอกเลยว่าได้ว้าวและเก็บภาพกันแบบจุใจ ระหว่างทางยังได้ชมผาหินสูงชัน น้ำตกที่ไหลลงมาจากยอดเขา และธารน้ำแข็งเล็กใหญ่หลายจุด ถ้ามาในช่วงหน้าร้อนก็ยิ่งพิเศษ เพราะมีโอกาสได้เจอแมวน้ำ วาฬเพชฌฆาต หมีกริซลี่ กวาง และหมาป่าอีกด้วย ที่นี่ถือเป็นจุดถ่ายรูปในฝันของนักเดินทางจากทั่วโลก ไม่ว่าจะมาทัวร์วันเดียว หรือเป็นส่วนหนึ่งของทริปเรือสำราญ ก็รับรองว่าจะได้ทั้งวิวสวยตะลึงและบรรยากาศสุดประทับใจที่ไม่มีที่ไหนเหมือนแน่นอน
ปิดท้ายทริปเที่ยวอลาสก้ากันที่ Homer เมืองชายฝั่งบรรยากาศสบายๆ ที่มีไฮไลต์เด็ดอย่าง Kachemak Bay อ่าวที่ขึ้นชื่อว่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลหลากชนิดให้ได้ตามหาแบบใกล้ชิด ใครอยากซึมซับธรรมชาติให้เต็มอิ่ม แนะนำให้เช่าเรือเล็กหรือใช้บริการ Water Taxi แบบส่วนตัว ล่องชิลๆ ชมวิวชายฝั่งสุดอลัง พร้อมลุ้นเจอวาฬหลังค่อมและวาฬเพชฌฆาต แต่ถ้ายังไม่จุใจ จัดทริปหลายวันไปเลย มีกิจกรรมให้ทำเพียบ ทั้งพายคายัค แพดเดิลบอร์ด ตกปลา หรือแวะเกาะเล็กๆ จากเรือยอชต์ส่วนตัว ส่วนสายกิจกรรมกลางแจ้งบอกเลยว่าห้ามพลาด Paddleboard หรือ Sea Kayak เพราะจะได้สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้สุดๆ พายผ่านเกาะเงียบๆ และไปลุ้นเจอนกพัฟฟิน นากทะเล และสัตว์น่ารักอีกเพียบ เรียกว่าปิดทริปอลาสก้าได้ฟีลครบทั้งความชิลและความแอดเวนเจอร์ในที่เดียวเลย
ก่อนจะออกเดินทางไปเที่ยวอลาสก้า ให้ฟินสุดๆ เรื่องที่พักถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! ที่นี่มีที่พักให้เลือกครบทุกสไตล์ ตั้งแต่ที่พักติดธรรมชาติ วิวภูเขาสุดอลัง, โรงแรมหรูใจกลางเมือง ที่เดินทางสะดวก ไปจนถึง ที่พักบรรยากาศอบอุ่นราคาสบายกระเป๋า วันนี้เราเลยคัด 3 ที่พักยอดนิยมในอลาสก้า มาให้เลือกกัน ตามไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนบ้าง!
อัลเยสกา รีสอร์ท (Alyeska Resort) รีสอร์ทหรูที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเทือกเขา Chugach วิวรอบๆ คือภูเขาและป่าสน บรรยากาศสงบสุดๆ มาหน้าร้อนก็ได้ฟีลธรรมชาติสีเขียวสด มาหน้าหนาวก็ลุยสกีจากหน้าโรงแรมได้เลย ไฮไลต์ของรีสอร์ทคือการนั่ง กระเช้า Aerial Tramway ขึ้นไปดูวิวพาโนรามาของหุบเขาแบบเต็มตา ห้องพักตกแต่งอบอุ่น มีสปา สระว่ายน้ำอุ่น และห้องอาหารวิวสวย เหมาะทั้งคู่รัก ครอบครัว หรือใครที่อยากพักใกล้ที่เที่ยวธรรมชาติอลาสก้าเลย!
Embassy Suites by Hilton Anchorage โรงแรมหรูใจกลาง Anchorage ที่รวมความสะดวกสบายกับบริการระดับพรีเมียมไว้ครบ ห้องพักเป็นห้องสวีทกว้างๆ มีมุมนั่งเล่นและครัวเล็ก เหมาะกับครอบครัวหรือคนที่อยู่ยาวๆ มีฟิตเนส สระว่ายน้ำในร่ม และอาหารเช้า เดินทางง่าย ขับรถแป๊บเดียวถึงที่เที่ยวใน Anchorage อย่าง Alaska Native Heritage Center และพิพิธภัณฑ์ Anchorage
เวสต์มาร์คอินน์ สแคกเวย์ (Holland America Skagway Inn) ที่นี่เป็นที่พักสไตล์โฮมมี่ในอาคารเก่าแก่ยุคตื่นทอง ฟีลอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านแต่ก็ครบครันเรื่องความสะดวก ห้องตกแต่งเรียบง่ายน่าพัก มีอาหารเช้าเสิร์ฟทุกวัน ทำเลก็ดีมาก อยู่ใกล้ย่านประวัติศาสตร์ของ Skagway เดินไปช้อปที่ร้านค้า แวะพิพิธภัณฑ์ หรือขึ้นรถไฟ White Pass & Yukon Route ก็ง่ายสุด ๆ เหมาะกับคนที่อยากได้ที่พักราคาน่ารัก แถมยังได้ซึมซับบรรยากาศและกลิ่นอายประวัติศาสตร์อลาสก้าเต็มๆ
วิธีเดินทางไปอลาสก้าจากประเทศไทยจะต้องต่อเครื่องบินอย่างน้อย 1–2 ครั้ง เนื่องจากยังไม่มีเที่ยวบินตรง โดยเส้นทางหลักนิยมเดินทางผ่านเมืองใหญ่ในสหรัฐฯ หรือแคนาดา เช่น ซีแอตเทิล (Seattle), แวนคูเวอร์ (Vancouver) หรือซานฟรานซิสโก (San Francisco) ก่อนบินต่อไปยังเมืองหลักในอลาสก้า เช่น Anchorage หรือ Fairbanks
ด้วยพื้นที่กว้างใหญ่และภูมิประเทศที่หลากหลาย การเดินทางภายในอลาสก้า มีหลายวิธีให้เลือก ขึ้นอยู่กับเส้นทางและสไตล์การเที่ยวของแต่ละคนเลย
อลาสก้ามีเสน่ห์ต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล คำตอบของคำถามนี้ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆ อยากเห็นอะไร และอยากทำกิจกรรมแบบไหนมากที่สุด ไปดูอากาศแต่ละฤดูกันเลย
สรุปง่ายๆ ถ้าอยากทำกิจกรรมให้ครบและเดินทางสะดวกที่สุด แนะนำให้ไปช่วง ฤดูร้อน (มิ.ย.–ส.ค.) เพราะอากาศดี เส้นทางเปิดครบทุกโซน แต่ถ้าเน้นดูแสงเหนือและอยากประหยัดค่าที่พัก ช่วง ปลายก.ย.–มี.ค. คือเวลาที่เหมาะสุด ส่วนใครชอบบรรยากาศโรแมนติกกับวิวใบไม้เปลี่ยนสี แนะนำให้มาช่วง ก.ย. รับรองได้ภาพสวยและฟีลอบอุ่นกลับไปเต็มๆ
บอกเลยว่ามาเที่ยวอลาสก้า ทีเดียว ได้ฟีลครบทุกแบบ ไม่ว่าจะมาหน้าร้อนก็สนุกกับสารพัดกิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนหน้าหนาวก็ได้ฟินกับแสงเหนือสุดอลัง ที่นี่รวมทุกอย่างไว้หมด ทั้งธรรมชาติยิ่งใหญ่ วัฒนธรรมท้องถิ่นน่าสนใจ และกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่หาที่อื่นไม่ได้ ใครกำลังเล็งทริปนี้อยู่ บอกเลยว่าแพลนล่วงหน้าไว้ให้ดี จองที่พักกับกิจกรรมก่อน คุ้มชัวร์ แถมได้ทริปที่น่าจดจำสุดๆ
บอกเลยว่ามาเที่ยวอลาสก้า ทีเดียว ได้ฟีลครบทุกแบบ ไม่ว่าจะมาหน้าร้อนก็สนุกกับสารพัดกิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนหน้าหนาวก็ได้ฟินกับแสงเหนือสุดอลัง ที่นี่รวมทุกอย่างไว้หมด ทั้งธรรมชาติยิ่งใหญ่ วัฒนธรรมท้องถิ่นน่าสนใจ และกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่หาที่อื่นไม่ได้ ใครกำลังเล็งทริปนี้อยู่ บอกเลยว่าแพลนล่วงหน้าไว้ให้ดี จองที่พักกับกิจกรรมก่อน คุ้มชัวร์ แถมได้ทริปที่น่าจดจำสุดๆ ถ้าใครที่หลงรักการดูแสงเหนือ แล้วอยากไปตามล่าปรากฏการณ์นี้ที่อื่นบ้าง ลองแวะไปดู 10 สถานที่สุดอลังสำหรับชมแสงเหนือ ที่เราแนะนำ หรือถ้าอยากต่อทริปจากอลาสก้าไปสัมผัสธรรมชาติและเมืองน่ารักๆ ในประเทศเพื่อนบ้าน ก็ไปดู 20 ที่เที่ยวยอดฮิตในแคนาดา ได้เลย หลายเมืองเดินทางต่อไม่ยากด้วย ส่วนใครอยากเพิ่มสีสันให้ทริป ด้วยการแวะเที่ยวเมืองใหญ่ในสหรัฐฯ ก่อนหรือหลังมาอลาสก้า ก็จัดไปเลยกับ 15 ที่เที่ยวซานฟราน พร้อมลิสต์ที่กินและที่พักยอดนิยม การไปเที่ยวอลาสก้าอาจจะไกลหน่อย แต่ถ้าได้มาสักครั้ง เชื่อเถอะว่า จะอยากกลับมาอีกแน่นอน!