Traveloka TH
30 Apr 2024 - 1 min read
เมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่น หลายคนอาจนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตทั้งหลาย แต่หนึ่งในสถานที่ที่พลาดไม่ได้และต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งนั่นคือ “โตเกียวดิสนีย์แลนด์” (Tokyo Disneyland) สวนสนุกที่ยกขบวนเรื่องราวแฟนตาซี ทั้งเทพนิยายและดินแดนผจญภัย ซึ่งถูกรังสรรค์โดยวอลท์ ดิสนีย์ มาตั้งในประเทศญี่ปุ่น พร้อมพาคุณเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการที่สัมผัสได้ด้วยตาตัวเอง
ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำเกี่ยวกับดิสนีย์แลนด์โตเกียวว่ามีอะไรใหม่ ๆ อัปเดตปี 2024 บ้าง พร้อมวิธีเดินทาง ข้อมูลธีมแลนด์สวนสนุก รวมถึงที่พักสวย ๆ เรียกได้ว่าอ่านบทความนี้จบ ก็สามารถกดจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นกับแอป Traveloka พร้อมบินลัดฟ้าสู่โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ดินแดนแห่งความฝันกันได้เลย
โตเกียวดิสนีย์แลนด์มีธีมแลนด์ทั้งหมด 7 ธีม และมีการตกแต่งรวมถึงขบวนพาเหรดตามฤดูกาล สามารถเข้าได้ 2 ฝั่ง คือ ฝั่ง Disneyland และ Disney Sea หากเดินเข้ามาจากฝั่งดิสนีย์แลนด์จะเจอกับปราสาทสุดอลังการ ให้ความรู้สึกถึงเทพนิยาย โลกแห่งเจ้าหญิง ส่วนฝั่งดิสนีย์ ซี จะเน้นตกแต่งในธีมผจญภัยกับเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์มีที่มาอย่างไร เราลองมาดูประวัติคร่าว ๆ กันได้เลย
โตเกี่ยวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) เป็นสวนสนุกดิสนีย์แห่งแรกที่สร้างนอกประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อ 15 เมษายน ค.ศ. 1983 ก่อสร้างโดยบริษัท Walt Disney Imagineering ซึ่งมีการออกแบบสวนสนุกให้เหมือนกับดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย และ Magic Land ที่ฟลอริดา ทั้งนี้ ดิสนีย์แลนด์โตเกียวได้รับการดำเนินงานโดยบริษัท Oriental Land Company ซึ่งมีลิขสิทธิ์จากวอลท์ดิสนีย์นั่นเอง
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ตั้งอยู่ที่เมืองอุระยะซุ จังหวัดชิบะ (Chiba) ถ้าหากใครจองที่พักญี่ปุ่นในเมืองโตเกียวแล้ว แต่อยากไปโตเกียวดิสนีย์แลนด์ด้วย ก็สามารถแพลนไว้ในทริปได้เลย เนื่องจากจังหวัดชิบะนั้นติดขอบเมืองโตเกียวทำให้เดินทางได้สะดวก หรือหากใครที่ต้องการสัมผัสชีวิตเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกจักรวาลดิสนีย์ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ก็สามารถเข้าพักที่โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท (Tokyo Disney Resort) ซึ่งจะมีการจัดธีมห้องพักในแต่ละโซนที่แตกต่างกันให้คุณได้เลือกอีกด้วย
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ เปิดให้เที่ยวชมทุกวันตลอดทั้งปี โดยวันจันทร์-วันศุกร์ จะเปิดให้บริการเวลา 09.00-22.00 น. ในส่วนของวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-22.00 น.
สำหรับราคาบัตรโตเกียวดิสนีย์แลนด์ มีดังนี้
บัตร 1-Day Passport สำหรับเข้าชม Disneyland และ Disney Sea ใน 1 วัน
นอกจากนี้ยังมีบัตร 2-Day Passport, 3-Day Passport, 4-Day Passport, After 6PM Passport, Starlight Passport และ Fastpass โดยสามารถตรวจสอบราคาและจองตั๋ว Disneyland Tokyo ล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ https://www.tokyodisneyresort.jp/en/tdl/
หรือสามารถซื้อตั๋วโตเกียวดิสนีย์แลนด์ล่วงหน้า พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมายกับแอป Traveloka ง่าย สะดวก ซื้อผ่านแอปและเดินเข้าสวนสนุกได้โดยไม่ต้องต่อแถวรอรับบัตร
การเดินทางไป Tokyo Disneyland นั้นสามารถไปได้หลายวิธี ด้วยการใช้บริการขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟ, แท็กซี่, รถบัส หรือเลือกเช่ารถขับเองก็ได้เช่นกัน Traveloka จึงได้รวบรวมข้อมูลการเดินทางด้วยวิธีต่าง ๆ มาไว้แล้ว ดังนี้
การเดินทางด้วยรถไฟไปสวนสนุกโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้น จะเป็นการเดินทางโดยรถไฟบนดิน (JR) ซึ่งต้องลงสถานี JR Maihama Station และใช้เวลาเดินเข้าสวนสนุกเพียง 5 นาที
หากเดินทางจากสถานีโตเกียวไปสถานี JR Maihama Station จะใช้เวลาประมาณ 15 นาที แม้ไม่ต้องเปลี่ยนสถานี แต่ควรเผื่อเวลาทั้งขาไปและกลับด้วย เนื่องจากช่วงดึกรถไฟญี่ปุ่นขบวนจะแน่นเล็กน้อย แต่หากคุณพักอยู่ในเขตอื่น ๆ เช่น ชินจูกุ หรือชินากาวะ และมีแพลนเดินทางไปโตเกียวดิสนีย์แลนด์ด้วยรถไฟนั้น จำเป็นต้องไปเปลี่ยนสายที่สถานีโตเกียวก่อน
สายรถไฟที่ใช้นั่งมา Disneyland โตเกียว : JR Keiyo หรือ JR Musashino มีค่าโดยสาร 220 เยน
การเดินทางด้วยรถบัสมีจำนวนผู้ใช้งานไม่หนาแน่นเท่ากับรถไฟ เนื่องจากเป็นการซื้อตั๋วตามเลขที่นั่ง แต่มีข้อเสียก็คือ หากที่นั่งเต็มแล้วจะต้องรอรถรอบถัดไปเท่านั้น หากไม่อยากเสียเวลารอรถบัสคันใหม่ แนะนำให้จองตั๋วรถบัสล่วงหน้าก่อนเดินทางมาไปเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์
หากเดินทางจากโตเกียว ต้องไปขึ้นรถบัสที่จุดจอดรถสถานี JR Tokyo ทางออก Yaesu South Exit ป้ายรถบัสหมายเลข 5 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที โดยปลายทางรถบัสจะจอดตามป้ายหมายเลขรถ บริเวณหน้าโตเกียวดิสนีย์แลนด์ สำหรับค่าโดยสารเที่ยวเดียวจะมีราคาแบ่งเป็นผู้ใหญ่ 720 เยน และเด็ก 360 เยน
เดินทางไปโตเกียวดิสนีย์แลนด์ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเผื่อเวลา ไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คน และเสียเวลาจากรอบรถบัสที่นั่งเต็มนั่นก็คือ การเช่ารถกับแอป Traveloka เนื่องจากสามารถเลือกเวลารับรถเองได้ มีรุ่นและขนาดรถที่เหมาะกับจำนวนสัมภาระของผู้ร่วมทริป ไม่ว่าจะขับเองหรือเช่ารถพร้อมคนขับก็สะดวกสบาย โดยระยะเวลาเช่ามีตั้งแต่ 4 ชั่วโมงจนถึง 14 วันเลยทีเดียว
เที่ยว Tokyo Disneyland ก็ต้องเก็บให้ครบทุกโซน โดยจะมีทั้งหมด 7 ธีมให้ได้เดินเล่นอย่างจุใจ เรียกได้ว่าเหมือนไปเที่ยวรอบโลกแต่ใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ประกอบด้วยธีมอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย!
เริ่มต้นกันด้วยธีม World Bazaar สวนของโตเกียวดิสนีย์แลนด์ ซึ่งจะใช้การตกแต่งในสไตล์ Victorian จำลองถนนสายหลักของอเมริกาปี ค.ศ. 1950 โดยในโซนนี้จะมีร้านค้าและร้านอาหารเยอะที่สุด หากต้องการรับประทานอาหารที่นี่ อาจมีบางร้านที่ต้องจองล่วงหน้าและการจองจะใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก
ถ้าต้องการซื้อของฝาก หรือไอเทมที่ต้องใช้เมื่อไปสวนสนุก ร้านที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Grand Emporium ก็อยู่ในโซนนี้เช่นกัน โดยจะรวมสินค้าทุกคอลเลคชันในแต่ละโซนของสวนสนุกมาไว้ที่นี่ เช่น ตุ๊กตา, ที่คาดผมคาแรคเตอร์, กระเป๋าผ้า, เสื้อยืด และอื่น ๆ อีกมากมาย
ธีมของ Adventureland จะออกแนวสำรวจเดินเข้าป่า ผจญภัยกับสัตว์ป่าและโจรสลัดแห่งทะเลแคริบเบียน ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนในฮาวาย ในโซนนี้ยังมีร้านค้าประจำโซนอย่าง Adventure Bazaar ที่จะขายสินค้าแนวผจญภัยอีกด้วย
จากชื่อธีมก็แทบจะนึกภาพออกด้วยคีย์เวิร์ด Western โซนนี้จะพาคุณย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 19 พร้อมกลิ่นอายของอเมริกันตะวันตกที่ทำให้คุณนึกถึงหนังคาวบอย ม้า และบ้านไม้สไตล์อเมริกันได้ทันที พร้อมสัมผัสความน่าทึ่งจากโซนจำลอง Rivers Of America ทั้งที่ยังอยู่ในญี่ปุ่น โดย Westernland นี้เป็น Frontierland ของโตเกียวดิสนีย์แลนด์อีกด้วย
Critter Country เป็นโซนที่ค่อนข้างเล็กแต่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากมีการตกแต่งที่น่ารักในธีม Indian Village และเต็มไปด้วยสรรพสัตว์จาก Red Mountain โซนนี้มีเครื่องเล่น Splash Mountain ที่นอกจากจะน่าเล่นแล้ว รอบ ๆ เครื่องเล่นยังตกแต่งออกมาได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว
Alt text Fantasyland โตเกียวดิสนีย์แลนด์
Fantasyland จะเป็นโซนที่เต็มไปด้วยความฝันและจินตนาการของเด็ก ๆ เนื่องจากอยู่ในโซนของปราสาทโตเกียวดิสนีย์แลนด์ ที่มีการตกแต่งแบบเทพนิยาย ทำให้คุณมีโอกาสได้เจอสโนไวท์ เจ้าหญิงเบลล์ หรือปีเตอร์แพนในบริเวณนี้อีกด้วย นอกจากนี้ก็มีเครื่องเล่นเบา ๆ ที่เหมาะกับเด็กให้เล่นเต็มไปหมด หากใครมาเป็นครอบครัว หรืออยากได้รูปสวย ๆ จะต้องถูกใจธีม Fantasyland อย่างแน่นอน
Toontown จะเป็นโซนจำลองบ้านมิคกี้ เมาส์ (Mickey Mouse) ซึ่งใครที่ชื่นชอบตัวละครนี้จะต้องถูกใจแน่นอน เพราะที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในบ้านของมิคกี้ เมาส์จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทนสี รูปทรงของบ้าน และรถที่ตกแต่งได้อย่างน่ารัก อีกทั้งสามารถพบปะมาสคอตตัวละครจากเรื่องมิคกี้ เมาส์เดินเล่นอยู่บนถนนได้อีกด้วย ทำให้รู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียว
Tomorrowland จะเป็นโซนที่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าสู่โลกอนาคต ด้วยการตกแต่งธีมในรูปแบบไซไฟ (Sci-Fi) และอวกาศ ซึ่งจะมีกิจกรรมจากภาพยนตร์มากมายให้เล่นภายในโซนนี้ด้วย ใครชอบหนังแนว Futuristic Sci-Fi ไม่ควรพลาดโซนนี้เลย!
โตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นมีพื้นที่กว้างขวาง มีหลากหลายโซนให้เลือก ตลอดจนกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปมุมต่าง ๆ หรือสัมผัสประสบการณ์เครื่องเล่นสุดหวาดเสียว แต่การต่อแถวรอเครื่องเล่นอาจใช้เวลาค่อนข้างนาน ทำให้คุณไม่สามารถเล่นให้ครบทั้งหมดได้ในวันเดียว ดังนั้น เราขอแนะนำเครื่องเล่นที่ไม่ควรพลาดหากไปโตเกียวดิสนีย์แลนด์ เพื่อให้คุณสามารถเดินเล่นในโซนที่ต้องการได้แบบเพลิน ๆ และสนุกกับการเล่นเครื่องเล่นไปพร้อม ๆ กัน
เครื่องเล่น ‘Enchanted Tale of Beauty and The Beast’ จะอยู่ในโซน Fantasytown และเพิ่งเปิดใหม่ในปี 2020 นี้เอง หากใครเป็นแฟนตัวยงของเจ้าหญิงเบลล์และอสูรจากเรื่อง Beauty And The Beast จะต้องถูกใจอย่างแน่นอน เพราะภายในเครื่องเล่นได้จำลองให้คุณนั่งอยู่ในถ้วยชาที่จะพาเข้าไปในปราสาท เพื่อชมเรื่องราวของโฉมงามและเจ้าชายอสูรตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เพียงเท่านั้น การตกแต่งทั้งปราสาท, ตัวละคร, เทคนิคแสง, สี และเสียงของเครื่องเล่นนี้จัดเต็มแบบไม่มีจุดให้เสียดาย ถือว่าควรค่าแก่การต่อคิวรอมาก ๆ
‘Space Mountain’ เป็นเครื่องเล่นที่อยู่ในโซน Tomorrowland ซึ่งจะจำลองสถานีอวกาศ ให้นั่งในรถไฟรูปทรงยานอวกาศ พาตะลุยเข้าสู่โลกแห่งดาราศาสตร์ ดวงดาว และกาแล็กซี เครื่องเล่นนี้ให้ความรู้สึกหวาดเสียว เพราะคุณจะต้องนั่งรถไฟในความมืดมาก ๆ โดยมีเพียงแสงของดาวระยิบระยับอยู่รอบตัวเท่านั้น
สาวกหมีสีเหลืองใส่เสื้อสีแดงห้ามพลาดเครื่องเล่นอย่าง ‘Pooh’s Hunny Hunt’ ที่เป็นการจำลองโถน้ำผึ้งของหมีพูห์ที่จะพาคุณเข้าสู่การผจญภัยในป่าร้อยเอเคอร์ พร้อมชมเรื่องราวของพูห์และเหล่าผองเพื่อน เหมาะกับเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ก็สามารถเล่นเพื่อย้อนสู่การ์ตูนในวัยเด็กได้เช่นกัน
เครื่องเล่นนี้จะเป็นการล่องเรือเข้าสู่เมืองโจรสลัด โดยมีหุ่นตัวละครที่ตกแต่งออกมาเหมือนคนจริง ๆ มาแสดงให้ผู้ชมดู ซึ่งฉากต่าง ๆ จะอิงมาจากภาพยนตร์ ‘Pirates Of The Caribbean’ ใครที่ชอบหนังเรื่องนี้หรือสนใจเรื่องโจรสลัด ไม่ควรพลาด และถ้าอยากสัมผัสความรู้สึกของเรือโจรสลัดแบบจัดเต็ม ในโซนก็จะมีร้าน Pirate Treasure ที่ขายเสื้อผ้าแนวโจรสลัดให้ได้สะสมกันอีกด้วย
อีกหนึ่งเครื่องเล่นที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือ ‘Splash Mountain’ ซึ่งอยู่ในธีม Critter Country เครื่องเล่นนี้จะอิงจากแอนิเมชัน ‘Song Of The South’ โดยจะเป็นการจำลองการนั่งท่อนซุงล่องแม่น้ำ และรับชมเรื่องราวผ่านตัวละครหลักอย่าง Br’er Rabbit ซึ่งคุณจะได้สัมผัสความหวาดเสียวจากการล่องแม่น้ำสุดคดเคี้ยว โดยต้องหลบศัตรูอย่าง Br’er Fox หลังจากนั้นจะขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของเครื่องเล่นก่อนจะถูกปล่อยลงมา เรียกได้ว่าน่าสนุกและหวาดเสียวไม่น้อยสำหรับใครที่ชอบเครื่องเล่นที่มีความตื่นเต้นผาดโผน