เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่อยากไปเที่ยวประเทศอิตาลีต้องมีที่เที่ยวแห่งนี้เป็นเป้าหมายสำคัญอย่างแน่นอน ซึ่งสถานที่เที่ยวสุดฮิตที่มักจะเป็นจุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกนั่นก็คือ Cinque Terre หรือ ชิงเคว เทเร เมืองเก่าแก่ของประเทศอิตาลีที่มีอายุยาวนานกว่า 1,300 ปี โดยจุดเด่นของเมืองนี้คืออาคารบ้านเรือนที่ถูกทาด้วยสีสันฉูดฉาด และตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันติดริมทะเล นอกจากนี้ เสน่ห์ของที่นี่คือความเป็นอยู่ดั้งเดิมของคนในพื้นที่ เพราะที่นี่ไม่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ แต่มีเพียงร้านค้าเล็ก ๆ ของคนท้องถิ่นเท่านั้น

หากไม่อยากพลาดสถานที่เที่ยวสุดวิเศษแห่งนี้ คุณสามารถจองตั๋วเครื่องบินไปอิตาลีพร้อมโปรโมชั่นมากมายได้ที่แอป Traveloka แอปพลิเคชันดี ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะช่วยให้การจองตั๋วเครื่องบินของคุณไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป และถ้าตั๋วเครื่องบินของคุณพร้อมแล้ว มาเริ่มทำความรู้จัก Cinque Terre ก่อนออกทริปกันเลย!

Cinque Terre เมืองเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานกว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่ในแคว้นลิกูเรีย (Liguria) ประเทศอิตาลี เมื่องแห่งนี้ประกอบไปด้วย 5 หมู่บ้าน ได้แก่ Corniglia, Monterosso, Manarola, Riomaggiore และ Vernazza โดยแต่ละหมู่บ้านจะมีความสวยงาม และจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แม้จะไม่ใช่เมืองที่ทันสมัย หรือเต็มไปด้วยเทคโนโลยีแบบที่อื่นๆ แต่ในทุก ๆ เมืองก็ยังมีโรงแรมอิตาลีสวย ๆ ให้คุณสามารถเลือกได้เลยว่าอยากพักผ่อนและชื่นชมทิวทัศน์แบบไหน บอกได้เลยว่ามาเที่ยว Cinque Terre ประเทศอิตาลีครั้งนี้ ประทับใจแน่นอน!

Cinque Terre อ่านว่า ชิงเคว เทเร โดยที่ Cinque (ชิงเคว) แปลว่า 5 ส่วน คำว่า Terre (เทเร) แปลว่า แผ่นดิน เมื่อรวมกันแล้วแปลว่า 5 แผ่นดิน ซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะการแบ่งหมู่บ้านออกเป็น 5 แห่งที่ตั้งอยู่ในเมืองแห่งนี้นั่นเอง

เมือง Cinque Terre ถูกพูดถึงตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 11 โดยมีหมู่บ้านมอนเตรอสโซ (Monterosso) และแวร์นาซซา (Vernazza) ก่อตั้งขึ้นเป็นสองหมู่บ้านแรก ส่วนหมู่บ้านอื่น ๆ ถูกสร้างขึ้นต่อมาในภายหลัง เวลาต่อมาช่วงศตวรรษที่ 16 ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ได้สร้างป้อมปราการ และหอคอยเพื่อป้องกันการโจมตีจากผู้บุกรุก

ต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1970 หลังจากมีเส้นทางรถไฟทำให้ Cinque Terre เกิดการเติบโตด้านการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ทำให้ที่นี่มีจุดเด่นเป็นอาคารบ้านเรือนที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 11 และถูกทาด้วยสีสันฉูดฉาด ตั้งอยู่บนผาสูงชัน ติดริมทะเลในสภาพแวดล้อมที่สุดแสนโรแมนติก รวมถึงยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1997 ทำให้ Cinque Terre ได้รับการมองว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกหนึ่งเมืองของประเทศอิตาลีที่ทุกคนไม่ควรพลาด

เมือง Cinque Terre ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นลิกูเรีย (Liguria) ทางตะวันตกของจังหวัดสเปเซีย (La Spezia) เป็นพื้นที่ติดชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี และมีพื้นที่เป็นภูเขาสูงชัน ทำให้อีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองแห่งนี้คือการทำเกษตรกรรมแบบขั้นบันได โดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับปลูกองุ่น, มะกอก, เลม่อน และยังมีการเลี้ยงผึ้งอีกด้วย จากสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ของเมืองชิงเคว เทเร ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ประจำเมือง Cinque Terre อื่น ๆ นอกเหนือจากอาหารทะเล ได้แก่ ไวน์ น้ำมันมะกอก หรือน้ำผึ้ง เป็นต้น

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/jmeBjNxKG8pftPZT8

สำหรับการเยี่ยมชม Cinque Terre สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ในฤดูต่าง ๆ การทำกิจกรรมก็จะแตกต่างกันออกไป สำหรับฤดูที่นักท่องเที่ยวมักนิยมไป คือช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนกันยายน ซึ่งเดือนสิงหาคมจะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวมากที่สุด

ในส่วนของฤดูหนาวที่เมืองแห่งนี้จะมีฝนตกร่วมด้วย ซึ่งจะอยู่ระหว่างเดือนตุลาคม-เดือนเมษายน ช่วงนี้ที่เมือง Cinque Terre จะมีการจัดเทศกาลคริสต์มาสขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ถ้าใครอยากลองมาสัมผัสบรรยากาศวันคริสต์มาส อย่าพลาดที่จะจองตั๋วเครื่องบินมาเที่ยวอิตาลีในช่วงเดือนนี้นะ!

ส่วนช่วงที่ฝนตกหนักมากที่สุดจะเป็นเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่ไม่เหมาะนักกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเล่นน้ำทะเล เดินป่า หรือการพายเรือแคนู โดยคุณสามารถดูข้อมูลกิจกรรมเพิ่มเติมของเมือง Cinque Terre ได้ที่ Traveloka เลย : Cinque Terre

การไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ในเมือง Cinque Terre มีการเดินทางให้คุณได้เลือกหลากหลายวิธี ซึ่งที่ Traveloka ได้รวบรวมวิธีการเดินทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว และการเดินทางที่คนส่วนใหญ่ใช้บริการมาไว้ให้คุณ ดังนี้

คุณสามารถเดินทางด้วยรถบัสสาย Explora 5 Terre เพื่อไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ตั้งแต่ Riomaggiore, Manarola, Volastra, San Bernardino, Corniglia, Vernazza, Monterosso และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Cinque Terre

คุณสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟ ซึ่งเป็นการเดินทางที่เร็วและประหยัด โดยจะต้องลงที่สถานี La Spezia Centrale ซึ่งคุณสามารถจองตั๋วรถไฟได้ล่วงหน้าจะเว็บไซต์ขายตั๋วรถไฟต่าง ๆ เพื่อประหยัดเวลาในการต่อคิวและประหยัดงบได้ เนื่องจากการจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าจะได้ตั๋วในราคาที่ถูกกว่านั่นเอง

เมื่อมาถึงที่สถานี La Spezia Centrale จะมีรถไฟสายเฉพาะที่เดินทางไปยังเมือง Cinque Terre โดยเวลาที่ใช้วิ่งผ่านแต่ละหมู่บ้านจะอยู่ที่ประมาณ 3 นาที และ 25 นาที หากวิ่งจากหมู่บ้าน Riomaggiore ไปจนถึง Monterosso

คุณสามารถเดินทางได้ด้วยเรือเพื่อนั่งชมบรรยากาศระหว่างการเดินทางไปยังเมือง Cinque Terre โดยเริ่มขึ้นที่ท่าเรือ La Spezia ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจากตัวท่าเรือไปยังหมู่บ้าน Riomaggiore และประมาณ 45 นาที จากหมู่บ้าน Manarola ไปยังหมู่บ้าน Monterosso

ถึงเวลาทำความรู้จักกับ 5 หมู่บ้านที่สำคัญใน Cinque Terre และเสน่ห์ของหมู่บ้านริมทะเลบนผาสูงชันที่แตกต่างกัน นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่กดจองตั๋วเครื่องบินมาแล้ว ต้องรู้สึกประทับใจจนไม่มีวันลืม แต่ละหมู่บ้านจะเสน่ห์อะไรบ้างให้เราได้ค้นหา ตามมาดูกันเลย!

หมู่บ้านที่เล็กที่สุดจากทั้ง 5 หมู่บ้าน Corniglia เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนริมหน้าผาสูง และไม่ติดริมชายฝั่งทะเล ทำให้เสน่ห์ของหมู่บ้านนี้คือการที่คุณจะสามารถมองลงไปยังหมู่บ้านอื่น ๆ ได้อย่างสุดลูกหูลูกตา อีกทั้งเมื่อมองย้อนกลับมาจากทะเลก็สามารถเห็นหมู่บ้านนี้ได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ที่หมู่บ้าน Corniglia ยังขึ้นชื่อเรื่องไร่องุ่น และไอศกรีมเจลาโต Miele Di Corniglia ที่ทำจากน้ำผึ้งธรรมชาติอีกด้วย

สำหรับเสน่ห์ของหมู่บ้าน Manarola คือหมู่บ้านที่มีสีสันสดใสและหลากสีมากที่สุด เหมือนหลุดออกมจากหนังของเวส แอนเดอร์สัน ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากมาย เพราะสีสันสดใสของตัวอาคารบ้านเรือนที่ตัดกับน้ำทะเล ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศริมทะเล เราขอแนะนำให้จองโรงแรมในหมู่บ้านแห่งนี้ ขอบอกเลยว่า คุ้มค่าแน่นอน!

แลนด์มาร์กยอดฮิตที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวจากที่ไหนก็ต้องแวะมาเที่ยวหมู่บ้านแห่งนี้ Monterosso เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมาก ๆ ของเมือง Cinque Terre โดยที่นี่นักท่องเที่ยวมักจะมาทำกิจกรรมกลางแจ้งกัน เช่น นอนอาบแดด, เล่นน้ำทะเล, พายเรือแคนู และเดินป่า นอกจากนี้หมู่บ้าน Monterosso ยังมีชุมชนเก่าแก่ที่ก่อตั้งเป็นชุมชนแรก ๆ จากทั้งหมด 5 หมู่บ้านอีกด้วย

เมื่อคุณเดินลงจากเนินเขาลงมาเรื่อย ๆ จะพบเข้ากับหมู่บ้าน Riomaggiore ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย ให้คุณสามารถเลือกใช้บริการได้อย่างเพลิดเพลิน รวมถึงตัวอาคารบ้านเรือนของหมู่บ้านนี้ ซึ่งทาด้วยสีสันสดใสเข้ากันได้ดีกับนักดนตรีที่เปิดหมวกเล่นดนตรีสด ๆ สร้างบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกได้เป็นอย่างดี

หมู่บ้านสุดท้ายที่จะแนะนำให้รู้จัก นั่นคือ Vernazza ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นราชินีแห่ง Cinque Terre เพราะเป็นหมู่บ้านที่โรแมนติกที่สุด และนักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุด จุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาดของหมู่บ้านนี้คือป้อมโบราณที่ใกล้กับท่าเรือ และโบสถ์ประจำหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมอ่าวนั่นเอง