0

Traveloka TH

03 May 2024 - less than 1 min read

ชวนเที่ยวในแดนจิงโจ้ กับโขดหินอุลูรู (Uluru) มรดกโลกทางธรรมชาติสุดมหัศจรรย์

โขดหินอุลูรู

ประเทศออสเตรเลีย ดินแดนแห่งจิงโจ้และโคอาลาที่รวมความทันสมัยและธรรมชาติไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใครหลายคนอยากมาท่องเที่ยว

โขดหินอุลูรู (Uluru) ก็เป็นหนึ่งในความงดงามด้านธรรมชาติแห่งแดนจิงโจ้ที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยเป็นโขดหินพิเศษที่สามารถเปลี่ยนสีได้ ทั้งเต็มไปด้วยเรื่องเล่าตำนานเก่าแก่ของชาวอะบอริจิน ตลอดจนอายุที่เก่าแก่ยาวนานจนได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี ค.ศ. 2019 สถานที่แห่งนี้กำลังรอให้คุณได้มาเยี่ยมชม และสัมผัสถึงความมหัศจรรย์ด้วยตัวเอง

หากคุณไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติสุดพิเศษของโขดหินอุลูรู รีบกดจองตั๋วเครื่องบินไปออสเตรเลียและจองโรงแรมล่วงหน้ากับแอปพลิเคชัน Traveloka ในราคาพิเศษสุดคุ้ม พร้อมโปรโมชันมากมายก่อนใคร แล้วมาศึกษาที่เที่ยวแห่งนี้ไปพร้อมกัน

ทำความรู้จักโขดหินอุลูรู โขดหินยักษ์ที่เปลี่ยนสีได้

Uluru Ayers Rock

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นโขดหิน แต่ความเป็นจริงแล้ว โขดหินอุลูรู (Uluru) มีลักษณะที่แตกต่างไปจากโขดหินอื่น ๆ เพราะนอกจากจะเป็นโขดหินขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว “อุลูรู” ยังมีลักษณะพิเศษคือ การเปลี่ยนสีเองได้ตามธรรมชาติ โดยช่วงกลางวันโขดหินนี้จะมีสีแดงเพลิงจากการสาดส่องของแสงอาทิตย์อันเจิดจ้า ส่วนช่วงเย็นที่ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า โขดหินยักษ์นี้ก็จะเปลี่ยนเป็นสีม่วง ดูแล้วทั้งงดงามและลึกลับในเวลาเดียวกัน

หากคุณพร้อมที่จะชื่นชมความสวยงามของโขดหินอุลูรูแล้ว เราขอแนะนำให้คุณหาที่พักในช่วงที่มาเยี่ยมเยียนโขดหินขนาดมหึมาไว้ โดยคุณสามารถกดจองโรงแรมออสเตรเลียได้ง่าย ๆ ทันทีผ่านแอปพลิเคชัน Traveloka ในแอปเดียว เพียงเท่านี้คุณก็สามารถปล่อยใจสบาย ๆ รอรับความตื่นตาตื่นใจกับทริปเยี่ยมชมโขดหินอุลูรูได้เลย!

ประวัติโขดหินอุลูรู

เมื่อหมดความกังวลเรื่องตั๋วเครื่องบินและการหาที่พักในออสเตรเลียแล้ว ขั้นต่อไปเราจะพาคุณมารู้จักว่า โขดหินอุลูรูมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจอย่างไร

โขดหินอุลูรู (Uluru) หรือหินแอร์ส (Ayers Rock) คือ หนึ่งในแหล่งธรรมชาติอันงดงาม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย โขดหินอุลูรูนี้เกิดจากหินทรายสีแดงที่มีอายุยาวนานกว่า 550 ล้านปี ความสูงของโขดหินนี้อยู่ที่ 348 เมตร และมีเส้นรอบวงประมาณ 9.4 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นโขดหินขนาดยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนยอดของโขดหินเท่านั้น แท้จริงแล้วโขดหินอุลูรูยังมีส่วนที่จมอยู่ใต้ดินอีกกว่า 2 กิโลเมตรเลยทีเดียว

ที่ตั้งของโขดหินอุลูรู

โขดหินอุลูรู (Uluru) คือที่เที่ยวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายสีแดงในตอนกลางของประเทศออสเตรเลีย และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติอูลูรู-คาตา จูตา (Uluru-Kata Tjuta National Park) ด้วยความที่เป็นโขดหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก หากคุณไปเยี่ยมชมโขดหินอุลูรูแห่งนี้ คุณจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามสุดมหัศจรรย์ได้ในระยะที่ไกลกว่า 100 เมตร ใครที่อยากสัมผัสธรรมชาติแสนงามของดินแดนจิงโจ้ ต้องห้ามพลาด

เราสามารถเยี่ยมชมโขดหินอุลูรูได้ช่วงไหนบ้าง

สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมาเยี่ยมชมโขดหินอุลูรู (Uluru) คุณสามารถจองตั๋วเครื่องบินเดินทางมาได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ซึ่งอยู่ระหว่างช่วงฤดูหนาวและต้นฤดูใบไม้ผลิ นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเยือนตอนกลางของออสเตรเลีย เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่ร้อนจัดจนเกินไป ทำให้คุณสามารถท่องเที่ยวที่โขดหินยักษ์ท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้งได้อย่างมีความสุข

ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวันในการมาชื่นชมความงามของโขดหินอุลูรู คือ ช่วงที่พระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น เพราะคุณจะได้เห็นโขดหินขนาดมหึมานี้เปลี่ยนสีอย่างน่ามหัศจรรย์อยู่ตรงหน้าคุณ ด้วยสีสันที่ตัดกันของสีแดงเพลิงและสีม่วง รับรองได้ว่าคุณจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน

ความเชื่อของชาวอะบอริจินเกี่ยวกับโขดหินอุลูรู มหัศจรรย์ธรรมชาติกว่า 550 ล้านปี

Uluru Aboriginal Belief

ความน่าสนใจของโขดหินอุลูรูไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงามเท่านั้น นอกจากด้านธรรมชาติอันงดงามตระการตาแล้ว ด้านวัฒนธรรมของที่แห่งนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมีความเชื่อของชาวอะบอริจิน เกี่ยวกับตำนานความเป็นมาของโขดหินยักษ์ที่มีอายุกว่า 550 ล้านปีนี้อยู่ด้วย

ตำนานแรกของชาวอะบอริจินกล่าวไว้ว่าโขดหินอุรูลูคือ เส้นทางแห่งความฝันที่บรรพบุรุษของชนเผ่าอานางู (Anangu) ได้สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยจูคูร์ปาหรือยุคแห่งช่วงฝัน ในช่วงที่พื้นพิภพกำลังก่อตัว ซึ่งบริเวณโขดหินนี้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ครึ่งกระต่ายครึ่งจิงโจ้และมนุษย์งูคาร์เป็ต ซึ่งครั้งหนึ่งมนุษย์งูคาร์เป็ตถูกมนุษย์งูพิษจากแดนใต้รุกราน เหล่ามนุษย์ครึ่งกระต่ายครึ่งจิงโจ้จึงเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้มนุษย์งูคาร์เป็ตสามารถปกป้องดินแดนแห่งนี้ไว้ได้

ส่วนอีกหนึ่งตำนานกล่าวไว้ว่า มนุษย์ครึ่งกระต่ายครึ่งจิงโจ้ถูกศัตรูรุกราน โดยปล่อยให้หมาป่าดิงโก้เข้ามากัด แต่มนุษย์ครึ่งกระต่ายครึ่งจิงโจ้สามารถกระโดดได้ไกล จึงหนีเอาชีวิตรอดไปได้ จากตำนานทั้งสองนี้ ชาวอะบอริจินมีความเชื่อว่ามนุษย์งูพิษที่พ่ายแพ้ ถูกสาปให้กลายเป็นโขดหินอุลูรูแห่งนี้ รอยน้ำไหลที่ด้านหนึ่งของโขดหิน คือ รอยเลือดของมนุษย์งูพิษ ส่วนถ้ำที่เป็นฐานของโขดหินอุลูรูก็คือ รอยเท้าที่มนุษย์ครึ่งกระต่ายครึ่งจิงโจ้ได้ทิ้งเอาไว้ตอนหลบหนีนั่นเอง

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร