อิตาลีเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ดินแดนแห่งนี้เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง หนึ่งในนั้นคือ “วิหารแพนธีอัน” (Pantheon) แลนด์มาร์กสำคัญใจกลางเมืองหลวงของประเทศ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใฝ่ฝันอยากสัมผัสความยิ่งใหญ่ของวิหารแพนธีอันด้วยตาตัวเอง Traveloka คือตัวช่วยที่ทำให้ฝันของคุณเป็นจริง โดยสามารถจองตั๋วเครื่องบินไปอิตาลีกับ Traveloka ได้ง่าย ๆ เพียงคลิกเลือกเที่ยวบินที่ตรงกับความต้องการ เปรียบเทียบราคาจากสายการบินชั้นนำต่าง ๆ แล้วเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษได้เลย

วิหารแพนธีอันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโรมที่มีความโดดเด่นสะดุดตา โดยเป็นโดมคอนกรีตขนาดมหึมา ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของความรุ่งเรืองในยุคสมัยโรมันโบราณ มีแนวคิดในการออกแบบและการก่อสร้างล้ำสมัย สะท้อนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ของชาวโรมัน และสถาปัตยกรรมในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี

หากคุณต้องการสัมผัสความมหัศจรรย์ของวิหารแพนธีอัน แนะนำให้จองที่พักอิตาลีในกรุงโรมที่อยู่ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อให้สามารถเดินทางไปเยือนวิหารได้อย่างสะดวกสบาย และในหัวข้อนี้มาทำความรู้จักข้อมูลต่าง ๆ ที่น่ารู้ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางย้อนเวลาไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของวิหารแพนธีอันแห่งนี้กัน

วิหารแพนธีอันมีประวัติว่าสร้างขึ้นในยุคสมัยของจักรพรรดิออกุสตุส (Augustus) ตั้งแต่ช่วง 27-25 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยการนำของแม่ทัพคนสนิทคือ มาร์คุส วิบซานิอุส อะกริบปา (Marcus Vipsanius Agrippa) โดยจุดประสงค์การสร้างในครั้งแรกนั้นไม่ปรากฎชัดเจน แต่ต่อมาในสมัยจักรพรรดิฮาเดรียน (Hadrian) วิหารแห่งนี้ก็ได้รับการพัฒนาเพื่อเป็นสถานที่ในการบูชาเทพเจ้าทั้ง 7 ของกรีก-โรมัน จึงเป็นที่มาของชื่อแพนธีอัน (Pantheon) ซึ่งเป็นภาษากรีกที่แปลว่าเกียรติศักดิ์แห่งทวยเทพนั่นเอง

วิหารแพนธีอันมีที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจัตุรัส Piazza della Rotonda ซึ่งเป็นจัตุรัสใจกลางเมืองในกรุงโรม โดยมีน้ำพุ Fontana del Pantheon เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินของพื้นที่อยู่ตรงกลางจัตุรัสแห่งนี้ แล้วล้อมรอบด้วยเสาในศิลปะแบบอียิปต์

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/PeL6kTuAPsTnDYnn8

วิหารแพนธีอันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีทุกวัน โดยวันจันทร์-วันเสาร์ มีเวลาทำการ 8.30-19.30 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 19.15 น.) วันอาทิตย์มีเวลาทำการ 9.00-18.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 17.45 น.) และวันหยุดนักขัตฤกษ์มีเวลาทำการ 9.00-13.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 12.45 น.) โดยในแต่ละปีจะมีวันปิดทำการคือ วันที่ 1 มกราคม, 1 พฤษภาคม และ 25 ธันวาคม แนะนำให้เผื่อเวลาสำหรับการเข้าคิวโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดต่าง ๆ

การเดินทางไปยังวิหารแพนธีอันด้วยระบบขนส่งสาธารณะในกรุงโรมนั้นเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมาก ๆ เพราะวิหารแพนธีอันตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวใจกลางกรุงโรม ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมาจากพื้นที่ไหนในกรุงโรม ก็สามารถเดินทางมายังวิหารแพนธีอันได้อย่างไม่ลำบาก โดยมีตัวเลือกหลายวิธี ดังนี้

การเดินทางไปยังวิหารแพนธีอันด้วยรถบัสเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายที่สุด รถบัสสายที่ผ่านวิหารได้แก่ สาย 492, 51 และ 117 โดยป้ายรถบัสที่อยู่ใกล้วิหารแพนธีอันที่สุดคือป้าย Corso-Minghetti หลังจากนั้นเดินต่อเพียงแค่ประมาณ 4 นาทีก็จะถึงวิหารแล้ว ในกรุงโรมต้องซื้อตั๋วรถบัสจากร้านสะดวกซื้อ ร้านหนังสือ หรือที่สถานีรถไฟก่อนขึ้นรถ เนื่องจากไม่มีบริการขายตั๋วบนรถ หากมีตั๋วแล้วก็ให้ไปตอกตั๋ว (Validate) ที่เครื่องบนรถก่อนเริ่มเดินทาง

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังวิหารแพนธีอันโดยการนั่งรถไฟใต้ดินสาย A สีส้ม และลงที่สถานีบาร์เบอรินี (Barberini) จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 8 นาทีก็จะถึงวิหาร โดยรถไฟใต้ดินในกรุงโรมนั้นจะมีรอบเวลาเดินรถในทุก ๆ 5-10 นาที ซึ่งตั๋วรถไฟใต้ดินสามารถซื้อได้ที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติในสถานีรถไฟใต้ดินทุกแห่ง ตั๋วเดินทางจะใช้เดินทางได้แบบไม่จำกัดระยะทาง แต่จะจำกัดเวลาไว้ที่ครั้งละไม่เกิน 100 นาที

สำหรับนักท่องเที่ยวที่สะดวกเดินทางด้วยรถราง สามารถเดินทางไปยังวิหารแพนธีอันด้วยวิธีนี้ได้เช่นเดียวกัน โดยให้นั่งรถรางสาย 8 ไปลงที่สถานี Piazza Venezia ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากวิหารแพนธีอันประมาณ 700 เมตร รถรางจะมีระยะเวลาที่ค่อนข้างแน่นอน และควรทำการซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถ อย่างไรก็ตาม เส้นทางของรถรางส่วนใหญ่ในกรุงโรมจะเป็นการเดินทางในโซนรอบนอกของตัวเมือง แต่ก็มีบางสายที่ผ่านในโซนใจกลางเมืองและย่านท่องเที่ยว

วิหารแพนธีอันมีสถาปัตยกรรมอันน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะออคโลคัส (Oculus) ช่องวงกลมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว้างถึงประมาณ 30 ฟุต อยู่ตรงกลางโดมโค้งมนภายในตัวอาคาร ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของดวงตาสวรรค์ที่เชื่อมโยงระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ โดยมีทฤษฎีมากมายที่นักวิทยาศาสตร์พยายามคิดค้นขึ้นมาเพื่ออธิบาย ซึ่งบางแนวคิดก็อธิบายว่าอาจเป็นการใช้แสงอาทิตย์ เพื่อบอกเวลาสำหรับการประกอบพิธีต่าง ๆ

นอกจากนี้ วิหารแพนธีอันยังมีลักษณะพิเศษในรายละเอียดของการก่อสร้าง เช่น การมีรูเล็ก ๆ เพื่อระบายน้ำในช่วงหน้าฝนตก และการใช้วัสดุที่ช่วยถ่ายเทน้ำหนัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้วิหารยังคงทนทาน แข็งแรงมายาวนานจนถึงปัจจุบัน