0

Traveloka TH

30 Apr 2024 - 1 min read

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในป่าใจกลางกรุงโตเกียว

ศาลเจ้าเมจิ

ใครจะไปคิดว่าโตเกียวที่เป็นเมืองแห่งความเร่งรีบในประเทศญี่ปุ่น จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และบรรยากาศแสนสงบอย่าง “ศาลเจ้าเมจิ”(Meiji Jingu) ที่รายล้อมไปด้วยผืนป่าร่มรื่นอยู่กลางเมืองหลวงแสนวุ่นวายแห่งนี้ หากเดินทางมาเที่ยวที่ศาลเจ้าเมจิก็จะได้รับทั้งบรรยากาศดี ๆ อากาศบริสุทธิ์ และยังได้ขอพรจากเทพเจ้าอีกด้วย ถือเป็นหนึ่งในสถานที่น่าสนใจของโตเกียวที่ไม่ควรพลาด

ในปัจจุบันนี้ การเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นก็นับว่าเป็นเรื่องง่ายมาก ๆ เพียงเลือกตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นผ่านแอปพลิเคชัน Traveloka ก็จะได้พบตัวเลือกของเที่ยวบินที่สะดวกในการเดินทาง ถือว่าเป็นแอปที่มีความสะดวกในการใช้บริการเป็นอย่างยิ่ง เพราะแอปเดียวก็มีครบทั้งการจองตั๋วและที่พักพร้อมกัน

ทำความรู้จักศาลเจ้าเมจิ ศูนย์รวมของความศรัทธา

ศาลเจ้าเมจิ ประวัติ

ศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu) เป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของกรุงโตเกียว ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรกับเทพเจ้า รวมถึงที่ศาลเจ้าเมจิมีเครื่องรางนำโชคหลายประเภทที่สามารถเช่าไว้พกติดตัวได้ ซึ่งเครื่องรางของศาลเจ้าเมจิจะมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น

ยิ่งช่วงปีใหม่ ศาลเจ้าเมจิถือเป็นสถานที่ยอดฮิตของการต้อนรับสิ่งดี ๆ เข้าสู่ชีวิต เช่น หากใครมีปัญหาติดขัดในเรื่องอะไรก็ตาม เมื่อไปขอพรแล้ว ปัญหาเหล่านั้นจะสามารถคลี่คลายได้โดยเร็ว หรือหากขอเรื่องทรัพย์สินเงินทองก็มีโอกาสทางการเงินเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

ประวัติศาลเจ้าเมจิ

ศาลเจ้าเมจิมีประวัติมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่ามากกว่า 100 ปีก็ว่าได้ เพราะศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1915 โดยเริ่มแรก ประชาชนได้ตั้งใจสร้างศาลเจ้าเมจิแห่งนี้เป็นที่เคารพและระลึกถึงองค์จักรพรรดิในฐานะของเทพเจ้า

หลังจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงต้องมีการบูรณะที่เรียกได้ว่าแทบจะสร้างใหม่ทั้งหมด เมื่อสร้างใหม่เสร็จแล้ว ศาลเจ้าแห่งนี้ไม่ได้มีสถานะเป็นสถานที่เพื่อระลึกถึงองค์จักรพรรดิเมจิเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่คนส่วนใหญ่นิยมมาขอพร และประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ อีกด้วย

ที่ตั้งของศาลเจ้าเมจิ

ศาลเจ้าเมจิตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว ในพื้นที่ตรงกลางระหว่างชินจูกุ (Shinjuku) กับชิบุยะ (Shibuya) โดยศาลเจ้าเมจิได้ชื่อว่าเป็นป่าในเมือง เพราะสถานที่โดยรอบเต็มไปด้วยความเจริญของตึกสูง แต่ศาลเจ้าแห่งนี้กลับเป็นผืนป่าอันแสนสงบ

เราสามารถเยี่ยมชมศาลเจ้าเมจิได้ช่วงไหนบ้าง

เราสามารถเยี่ยมชมศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu) ได้ทุกวัน ซึ่งเวลาเปิดอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงเวลา 5:00-6:40 น. และเข้าชมได้จนถึงเวลา 16:00-18:30 น. ผู้ที่ต้องการมากราบไหว้ขอพรที่นี่สามารถเข้าชมได้ฟรี หากมีข้อสงสัย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์https://www.meijijingu.or.jp

นอกจากนี้ ใครที่อยากมาชมความงามของดอกไอริสบานสะพรั่ง แนะนำให้มาที่สวน Meiji Shrine Inner Garden ในช่วงฤดูร้อนช่วงต้นเดือนมิถุนายน หรือจะเป็นฤดูอื่น ๆ ก็มีวิวที่แตกต่างกันออกไป คุ้มค่ากับการมาเยือน

การเดินทางไปยังศาลเจ้าเมจิมีวิธีไหนบ้าง

การเดินทางไปศาลเจ้าเมจิสามารถเดินทางได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน หากมีที่พักญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางได้มากขึ้น เพราะมีสถานีรถไฟที่สามารถเดินทางมายังศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu) ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางด้วยวิธีอื่นได้ด้วย มาดูกันว่าเดินทางไปยังศาลเจ้าเมจิได้ในรูปแบบไหนบ้าง

1. การเดินทางด้วยรถไฟ

การเดินทางไปศาลเจ้าเมจิด้วยรถไฟสามารถเดินทางได้ 2 วิธี หลายคนคงอยากรู้ว่าการไปศาลเจ้าเมจิ ลงสถานีไหนถึงใกล้ที่สุด

1.
การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน Tokyo Subway นั่งรถไฟไปได้ 2 สาย ขึ้นอยู่ที่ความสะดวกของแต่ละคน สามารถเลือกนั่งสาย Chiyoda Line หรือ Fukutoshin Line มาลงที่สถานี Meiji-jingumae แล้วไปที่ทางออกหมายเลข 2 จากนั้นเดินต่ออีกไม่กี่นาทีเท่านั้นก็จะถึงทางเข้าศาลเจ้าเมจิเลย
2.
การเดินทางด้วยรถไฟ JR Yamanote Line สามารถมาลงที่สถานี Harajuku ได้เลย หลังจากนั้นเดินต่อจากสถานีอีกไม่ไกลมากก็จะถึงทางเข้าศาลเจ้าเมจิ

2. การเดินทางด้วยรถประจำทาง

การเดินทางด้วยรถประจำทางในกรุงโตเกียวไปยังศาลเจ้าเมจิจะมีอยู่ 5 สายด้วยกันคือ สาย Shina 97, สาย Haya 81, สาย Ike 86, สาย Miyako 01 (T01) และสาย Kuro 77 โดยสามารถขึ้นรถประจำทางได้ตามป้ายในบริเวณใกล้เคียง จากนั้นนั่งมาลงที่สถานี Harajuku หรือสถานี Meiji-jingumae ก็สามารถเดินทางไปยังศาลเจ้าเมจิได้เลย

สำหรับค่าโดยสาร รถประจำทางจะรับชำระเงินด้วยบัตรเติมเงินหรือเงินสด โดยคิดค่าเดินทางตามระยะทาง แต่ส่วนใหญ่แล้ว รถประจำทางที่วิ่งอยู่ในย่านสถานที่ท่องเที่ยวจะคิดค่าโดยสารเท่ากันตลอดสาย ซึ่งก็คือประมาณ 200 เยน

เสาโทริอิ สัญลักษณ์ของศาลเจ้าเมจิที่ไม่เหมือนใคร

ศาลเจ้าเมจิ เดินทาง

เสาโทริอิของศาลเจ้าเมจิจะไม่เหมือนของศาลเจ้าที่อื่น ๆ เพราะเสาโทริอิที่นี่เป็นสีของไม้แท้ ๆ ไม่มีการทาสีแดงที่มักเห็นได้จากเสาโทริอิทั่วไป นอกจากนี้ยังเป็นเสาไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ความใหญ่โตของเสานั้นทำให้สามารถมองเห็นได้แต่ไกล เมื่อเห็นเสาโทริอิต้นนี้ก็จะรู้ได้ทันทีว่าได้เดินทางมาใกล้ถึงศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu) แล้วนั่นเอง

ภายในศาลเจ้าเมจิมีอะไรบ้าง? ที่ต้องเที่ยวให้ได้

ภายในศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu) มีอีก 2 สถานที่ให้เที่ยวชม บอกเลยว่าถ้าไม่ได้เข้าชมแปลว่ายังมาไม่ถึงศาลเจ้าเมจิ เพราะนอกจากการมาเพื่อขอพรกันแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังมีสวนดอกไม้ ปลาสวยงาม และพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ให้เที่ยวชมอีกด้วย

Meiji Shrine Inner Garden

“Meiji Shrine Inner Garden” คือสวนขนาดใหญ่ของศาลเจ้าเมจิที่มีการสร้างไว้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในครั้งแรก สวนแห่งนี้มีทั้งบ่อปลาสวยงาม และมีสวนดอกไม้ไว้ให้เหล่าผู้ที่มาเที่ยวสถานที่แห่งนี้ได้รับบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย เพิ่มความสดชื่นเมื่อเข้าชม โดยสวนแห่งนี้จะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูร้อน หรือก็คือประมาณช่วงต้นเดือนมิถุนายน เพราะเป็นช่วงที่ดอกไอริสเบ่งบาน จึงยิ่งเพิ่มความสวยงามให้กับที่แห่งนี้ ซึ่งหากต้องการเยี่ยมชมที่นี่จะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 500 เยน

Meiji Jingu Museum

“Meiji Jingu Museum” เป็นพิพิธภัณฑ์ในศาลเจ้าเมจิ สร้างขึ้นมาเพื่ออนุรักษ์ พร้อมจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับจักรพรรดิเมจิและราชินีโชเก็น เหมาะแก่การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมแนวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวัตถุในสมัยนั้น สถานที่แห่งนี้จะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 1,000 เยน

กิจกรรมต่าง ๆ ในศาลเจ้าเมจิ ที่น่าสนใจ

หากว่าใครสนใจอยากมาเที่ยวชมกิจกรรมไหนเป็นพิเศษ สามารถเลือกช่วงเวลาในการมาเที่ยวที่ศาลเจ้าเมจิให้ตรงกับวันและเดือนนั้นได้เลย ทั้งนี้ การวางแพลนในการเดินทางจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น หากเรารู้ล่วงหน้าว่าสถานที่แห่งนี้มีการจัดกิจกรรมอะไรบ้างในแต่ละเดือน ดังนี้

โดเฮียวอิริ

โดเฮียวอิริ เป็นพิธีที่จัดขึ้นก่อนการแข่งขันซูโม่ ซึ่งจะมีซูโม่ระดับสูงสุดที่เรียกว่าระดับโยโคซึนะเข้าร่วมด้วย พิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมของชินโตที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนที่ถวายซูโม่แก่วัด ซึ่งปกติแล้วพิธีกรรมนี้หาชมได้ยากมาก แต่มีจัดให้ชมได้ที่ศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu) พิธีกรรมนี้จะมีในช่วงวันที่ 5-7 เดือนมกราคมของทุกปี

โอนิคคุไซ

โอนิคคุไซ เป็นพิธีกรรมที่จัดขึ้นเพื่อถวายอาหารแด่เทพที่ศาลเจ้าเมจิโดยพิธีกรรมนี้จะจัดขึ้นทุกวันอยู่ 2 ช่วงเวลาคือ ในช่วงเวลา 08:00 น. และ 14:00 น. กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่เห็นได้ตลอดทั้งปี ซึ่งการถวายอาหารแด่เทพเจ้าถือเป็นความเชื่อของคนญี่ปุ่นมาช้านาน

พิธีนินเกียวคันชะไซ

พิธีนินเกียวคันชะไซของศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu) จัดขึ้นในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการทำบุญให้แก่ตุ๊กตา ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจและแนะนำให้หลายคนเข้ามาดูกัน เพราะจะได้เห็นถึงความเชื่อของคนญี่ปุ่นที่มีต่อตุ๊กตา นับเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับชาวต่างชาติอย่างมาก

คิเก็งไซ

คิเก็งไซ ถือเป็นเทศกาลใหญ่ที่จัดขึ้นที่ศาลเจ้าเมจิ เพราะกิจกรรมนี้เป็นการจัดงานฉลองการสถาปนาประเทศที่ศาลเจ้าเมจินั่นเอง ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเดินขบวนประมาณ 5,000 คน และมีผู้ชมงานนี้อีกจำนวนมาก กิจกรรมนี้จะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 11 เดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี

โจยะไซ

โจยะไซ เป็นกิจกรรมของศาลเจ้าเมจิที่จะมีการตีระฆังในช่วงค่ำคืนก่อนวันขึ้นปีใหม่ทุกสิ้นปี พิธีนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการบอกประชาชนให้รู้ตัวว่า วันเวลาคืนวันแห่งปีเก่ากำลังจะผ่านพ้นไป อีกไม่นานจะเดินเข้าสู่ปีใหม่ และยังเป็นเหมือนการเตรียมตัวต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่ช้า

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร