“รถไฟฟ้า” ถือเป็นหนึ่งในระบบขนส่งมวลชนที่มีความสำคัญลำดับต้น ๆ ในเขตเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งหลายคนก็คุ้นเคยและใช้งานเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน ไปเรียน ไปเที่ยว ไปเดินห้าง ไปออกกำลังกาย หรือแม้แต่ไปดูหนัง รถไฟฟ้าจึงกลายเป็นทางเลือกที่สะดวก รวดเร็ว และช่วยประหยัดเวลาได้มากทีเดียว
ในปัจจุบันมีรถไฟฟ้าหลากหลายสายให้บริการ ทั้ง BTS, MRT และรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ ซึ่งแต่ละสายก็มีชื่อเรียก สี และเส้นทางที่แตกต่างกันออกไป คนที่ใช้งานเป็นประจำอาจรู้ทางอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้ขึ้นรถไฟฟ้า เช่น นักท่องเที่ยว ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด อาจมีคำถามว่า จะขึ้นจากตรงไหน ไปสถานที่ที่ต้องการได้หรือเปล่า ต้องต่อรถยังไง ซื้อตั๋วยังไง ค่ารถเท่าไหร่ หรือมีอะไรน่าสนใจอยู่ใกล้สถานีบ้างไหม
บทความนี้ Traveloka ขอรวมทุกข้อมูลที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ไว้ให้แบบจึ้ง ๆ ตั้งแต่จำนวนสายรถไฟฟ้า เส้นทางเดินรถ สถานีสำคัญ จุดต่อรถ ค่าโดยสาร ไปจนถึงวิธีใช้งานบัตรโดยสารต่าง ๆ ข้อมูลอัปเดตล่าสุด ครบ จบ ใช้ได้จริง พร้อมให้คุณวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้นแน่นอน
ค้นหาโรงแรมใกล้รถไฟฟ้าในกรุงเทพ คลิกเลย !
ที่มาของรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ก่อนจะมีรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ วิ่งพาดผ่านกรุงเทพฯ แบบทุกวันนี้ ต้องบอกว่า เมืองหลวงของไทยเคยขึ้นชื่อเรื่อง “รถติด” อย่างมาก โดยเฉพาะในยุคช่วงปี พ.ศ.2500-2520 ที่ประชากรและจำนวนรถยนต์เพิ่มขึ้น แต่ถนนกลับไม่พอรองรับ จนรัฐบาลเริ่มมองหาทางออกที่ยั่งยืนในการแก้ปัญหาการจราจร และวางแผนสร้างระบบขนส่งมวลชนทางรางขึ้นเป็นครั้งแรก หลายแผนถูกวางไว้ และหลายโครงการก็เจอกับอุปสรรคมากมาย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ การส่งมอบพื้นที่ และความล่าช้าในการก่อสร้าง บางโครงการต้องถูกยกเลิกกลางทาง ทำให้โครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง
แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญจริง ๆ เกิดขึ้นช่วงพ.ศ.2530-2535 เมื่อกรุงเทพมหานครเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าอย่างจริงจัง และเริ่มก่อสร้างระบบขนส่งทางรางสายแรก ก่อนจะเปิดให้บริการ “รถไฟฟ้าบีทีเอส” อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2542 ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการเดินทางในกรุงเทพฯ แบบไม่ต้องติดแหง็กอยู่บนถนนอีกต่อไป
ขณะเดียวกัน ฝั่งของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ก็ได้เริ่มดำเนินแผนการสร้าง “รถไฟฟ้าใต้ดิน” ภายใต้ชื่อโครงการรถไฟฟ้ามหานคร ก่อนจะเปิดให้บริการจริงในปี พ.ศ. 2547 กับ “MRT สายเฉลิมรัชมงคล” ที่เป็นสายสีน้ำเงิน และเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของประเทศไทย
นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ กรุงเทพฯ และพื้นที่ปริมณฑลได้กลายเป็นเมืองที่มีระบบรถไฟฟ้าครอบคลุมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมี รถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว 10 สาย ครอบคลุมกว่า 190 สถานี ระยะทางรวมกว่า 279 กิโลเมตร และยังอยู่ภายใต้แผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางราง (M-Map) ที่จะขยายเพิ่มเป็น 14 สายในอนาคต เพื่อให้การเดินทางของทุกคน สะดวก คล่องตัว และลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนตัวให้น้อยลง
รถไฟฟ้า BTS MRT ในกรุงเทพฯ มีกี่สาย
แผนที่เส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ปัจจุบันในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีรถไฟฟ้า BTS MRT และสายอื่น ๆ ครอบคลุมแล้วทั้งหมด 10 สาย จำนวน 190 สถานี ระยะทางรวม 279 กิโลเมตร ส่วนใครอยากรู้ว่า 10 สายที่เปิดแล้วในปัจจุบัน คืออะไรบ้าง มีเส้นทางยังไง เราสรุปให้ครบแบบเห็นภาพชัด ๆ แล้วตรงนี้เลย
รถไฟฟ้าสายสุขุมวิท (สีเขียวอ่อน) เส้นทางคูคต-เคหะฯ
รถไฟฟ้าสายสีลม (สีเขียวอ่อน) เส้นทางสนามกีฬาแห่งชาติ-บางหว้า
รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เส้นทางท่าพระ-หลักสอง
รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (AERA1 City) เส้นทางสุวรรณภูมิ-พญาไท
รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง เส้นทางคลองบางไผ่-เตาปูน
รถไฟฟ้าสายสีทอง เส้นทางกรุงธนบุรี-คลองสาน
รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต
รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ตลิ่งชัน
รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง เส้นทางลาดพร้าว-สำโรง
รถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู เส้นทางศูนย์ราชการนนทบุรี-มีนบุรี และเส้นทางย่อยเมืองทองธานี
ข้อมูลรถไฟฟ้าแต่ละสายอย่างละเอียด
หลังจากอ่านข้อมูลสรุปของสายรถไฟฟ้าในกรุงเทพไปแล้ว หลายคนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะยังนึกภาพไม่ออกใช่ไหมว่า แล้วแต่ละสายเดินทางจากไหนไปไหนบ้าง มีสถานีอะไรบ้าง ใกล้สถานที่สำคัญอะไรบ้าง Traveloka จะมาลงลึกรายละเอียดให้ฟังกันในแต่ละสายว่า เส้นทางจากไหนไปไหน ใกล้อะไรบ้าง ค่าโดยสารเท่าไหร่ ระยะทางเท่าไหร่ มาดูกันเลย
รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว
แผนที่รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว
เส้นทาง : รถไฟฟ้า BTS มี 2 เส้นทาง คือ
สายสุขุมวิท (สายสีเขียวอ่อน) จากสถานีคูคต (N24) จังหวัดปทุมธานี ถึงสถานีเคหะฯ (E23) จังหวัดสมุทรปราการ รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย N และ E โดยนับเริ่มต้นจากสยาม ไปจนถึงสถานีปลายทางของแต่ละฝั่ง จำนวนสถานีทั้งหมด 47 สถานี (รวมสถานีสยาม)
สายสีลม (สายสีเขียวเข้ม) จากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ (W1) ถึง สถานีบางหว้า (S12) ในเขตกรุงเทพมหานคร รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย W และ S โดยนับเริ่มต้นจากสยาม ไปจนถึงสถานีปลายทางของแต่ละฝั่ง จำนวนสถานีทั้งหมด 13 สถานี (ไม่รวมสถานีสยาม)
ค่าโดยสาร : เริ่มต้น 15 บาท สูงสุดที่ 62 บาท โดยแบ่งส่วนการเก็บค่าโดยสาร ดังนี้
โซน 1 : เดินทางในช่วงสถานีหมอชิต (N8) - สถานีอ่อนนุช (E9) และสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ (W1) - สถานีวงเวียนใหญ่ (S8) ค่าโดยสาร เริ่มต้น 17 บาท สูงสุด 47 บาท
โซน 2 : เดินทางในส่วนต่อขยาย สถานีห้าแยกลาดพร้าว (N9) - สถานีคูคต (N24), สถานีบางจาก (E10) - สถานีเคหะฯ (E23) และสถานีโพธิ์นิมิตร (S9) - สถานีบางหว้า (S12) ค่าโดยสาร 15 บาท ตลอดสาย
วิธีการซื้อบัตรโดยสาร : บัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS จะมี 3 รูปแบบ คือ
บัตรโดยสารเที่ยวเดียว ราคาเริ่มต้น 17 บาท-สูงสุด 62 บาท ใช้สำหรับเดินทางเข้า-ออก ได้ 1 เที่ยว สามารถซื้อได้ที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร และเครื่องจำหน่ายบัตรโดยสาร สามารถชำระเงินได้ด้วยเงินสด, QR Code, Alipay, และ LINE Pay และสามารถซื้อบัตรโดยสารเพื่อเดินทางไปยังสายสีชมพู และสายสีเหลือง ได้โดยตรง โดยราคาของแต่ละสายจะถูกบวกเพิ่มจากค่าโดยสารของสายสีเขียว
บัตรโดยสารแบบเติมเงิน หรือเรียกว่า Rabbit Card (แรบบิท การ์ด) จะเป็นบัตรเติมเงินที่สามารถซื้อได้ในทุกสถานี จะมีทั้งรูปแบบเติมเงิน (ค่าโดยสารราคาปกติ) และเติมเที่ยวเดินทาง (ค่าโดยสารเป็นแพ็กเกจ ราคาจะแตกต่างกันออกไป) โดยบัตรแรบบิทนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย ได้แก่
บัตรโดยสารแบบบุคคลทั่วไป (บัตรสีส้ม) สำหรับบุคคลอายุ 23-60 ปี อัตราค่าโดยสารปกติ
บัตรโดยสารสำหรับนักเรียน/นักศึกษา (บัตรสีเขียว) สำหรับนักเรียนนักศึกษาอายุต่ำกว่า 23 ปี ได้รับส่วนลดค่าโดยสารส่วนต่อขยาย เหลือ 10 บาท และมีแพ็กเกจราคาพิเศษสำหรับผู้ถือบัตร
บัตรโดยสารสำหรับผู้สูงอายุ (บัตรสีชมพู) สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป มีส่วนลดค่าโดยสาร 50% สำหรับโซน 1 และค่าโดยสารส่วนต่อขยายเพียง 7 บาท
บัตรโดยสารแบบ 1 วัน ราคา 150 บาท ใช้สำหรับเดินทางเข้า-ออกสถานีในสายสีเขียวได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวใน 1 วัน โดยจะสามารถใช้ได้ถึง 24.00 หรือจนถึงรถไฟขบวนสุดท้ายในวันที่ซื้อเท่านั้น เหมาะกับคนที่เดินทางหรือเที่ยวตามเส้นทาง BTS ที่โดยสารสถานีต่าง ๆ ตามเส้นทางหลายครั้งใน 1 วัน
ค้นหาโรงแรมใกล้ BTS สายสีเขียว ได้ที่นี่
ความพิเศษของรถไฟฟ้า BTS
เป็นรถไฟฟ้าที่มีเส้นทางยกระดับตลอดเส้นทาง และมีระยะทางรวมยาวที่สุดในประเทศไทย
เชื่อมต่อ 3 จังหวัด ตั้งแต่ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร ไปจนถึงสมุทรปราการ
ผ่านย่านสำคัญจำนวนมากตลอดเส้นทาง เช่น ลำลูกกา, สะพานใหม่, บางเขน, เกษตร, หมอชิต, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สยาม, สุขุมวิท, บางนา, สำโรง, ปากน้ำ, สีลม, สาทร, วงเวียนใหญ่, ตลาดพลู และ บางหว้า
ผ่านจุดเชื่อมต่อการเดินทางที่สำคัญหลายจุด เช่น หมอชิต (สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต 2, จุดต่อรถเมล์/รถตู้ไปลาดพร้าว, บางเขน, ดอนเมือง, รังสิต, นนทบุรี, บางใหญ่, บางบัวทอง, ม.ธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต), เมืองทองธานี), อนุสาวรีย์ชัย (จุดต่อรถเมล์ไปหลายจุดสำคัญในกรุงเทพมหานคร), เอกมัย (สถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย), บางนา (จุดต่อรถโดยสารไปภาคตะวันออก)
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS กับรถไฟฟ้าสายอื่น
แน่นอนว่าเมื่อรถไฟฟ้ามีหลายสาย ก็ย่อมจะมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน โดยจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS กับรถไฟฟ้าสายอื่นนั้น มีดังนี้
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน จะมีทางเชื่อมที่สามารถเดินหากันได้อย่างสะดวก แต่จะต้องซื้อบัตรโดยสารแยกของแต่ละสายต่างหาก
สถานีห้าแยกลาดพร้าว (N9) เชื่อมต่อกับ สถานีพหลโยธิน
สถานีหมอชิต (N8) เชื่อมต่อกับ สถานีสวนจตุจักร
สถานีอโศก (E4) เชื่อมต่อกับ สถานีสุขุมวิท
สถานีศาลาแดง (S2) เชื่อมต่อกับ สถานีสีลม
สถานีบางหว้า (S12) เชื่อมต่อกับ สถานีบางหว้า
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ จะมีความพิเศษคือ ไม่ต้องแตะบัตรโดยสารออกจากระบบ สามารถเดินทางเชื่อมกันได้ทันที
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า Airport Rail Link ที่สถานีพญาไท (N2) จะมีทางเชื่อมที่สามารถเดินหากันได้ แต่จะต้องซื้อบัตรโดยสารแยกต่างหาก
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง ที่สถานีสำโรง (E15) จะมีทางเชื่อมที่สามารถเดินหากัน และใช้บัตรโดยสารใบเดียวกันได้ แต่จะต้องสอดบัตรออกที่สถานีสำโรงก่อน และแตะบัตรเข้าอีกครั้งที่สถานีสำโรง (สายสีเหลือง) เพื่อเดินทางต่อ
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีทอง ที่สถานีกรุงธนบุรี จะมีทางเชื่อมต่อกันโดยตรง และสามารถใช้บัตร Rabbit เดินทางร่วมกันได้
รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน
แผนที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง
เส้นทาง : จากสถานีท่าพระ (BL01) - สถานีหลักสอง (BL38) รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย BL และตามด้วยจำนวนสถานี โดยนับเริ่มจากสถานีท่าพระที่ 01 ไปสิ้นสุดสถานีหลักสองที่ 38 จำนวนสถานีทั้งหมด 38 สถานีแผนที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง
ค่าโดยสาร : เริ่มต้นที่ 17 บาท สูงสุดที่ 45 บาท โดยคำนวณค่าโดยสารเป็นอัตราขั้นบันได คำนวณเริ่มต้นที่ 1 สถานี สูงสุด 12 สถานี หากเดินทางเกิน 12 สถานีขึ้นไป ใช้อัตราค่าโดยสารสูงสุด
วิธีการซื้อบัตรโดยสาร : บัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน มี 3 ประเภท ได้แก่
เหรียญโดยสารเที่ยวเดียว จะมีลักษณะเป็นเหรียญสีดำทรงกลม ใช้สำหรับแตะเข้าสถานี และหยอดก่อนออกจากสถานี เดินทางได้ 1 เที่ยว สามารถซื้อได้ที่ห้องออกเหรียญโดยสาร และเครื่องอัตโนมัติ ชำระได้เป็นเงินสดในทุกสถานี และ QR Code ที่ห้องออกเหรียญโดยสารทุกสถานี และเครื่องอัตโนมัติบางเครื่องในบางสถานี สามารถสังเกตสัญลักษณ์ได้จากเครื่องว่าสามารถจ่ายผ่าน QR Code ได้หรือไม่
บัตรโดยสารแบบเติมเงิน เป็นบัตรโดยสารที่สามารถเติมเงินได้ และใช้ชำระค่าโดยสารผ่านการแตะเข้า-ออกได้ในทุกสถานี บัตรโดยสารแบบเติมเงินของ MRT จะมี 3 รูปแบบ ดังนี้
บัตรโดยสารสำหรับบุคคลทั่วไป (สีน้ำเงิน) จะเป็นบัตรโดยสารสำหรับผู้ที่มีอายุ 23-60 ปี อัตราค่าโดยสารปกติ และสามารถเติมเที่ยวเดินทางได้ (หากมีโปรโมชั่นรองรับในขณะนั้น)
บัตรโดยสารสำหรับนักเรียน/นักศึกษา (สีชมพู) จะเป็นบัตรโดยสารสำหรับนักเรียน/นักศึกษา อายุไม่เกิน 23 ปี จะได้รับส่วนลดค่าโดยสาร 10% ในทุกการเดินทาง
บัตรโดยสารสำหรับผู้สูงอายุ (สีเหลือง) จะเป็นบัตรโดยสารสำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับส่วนลดค่าโดยสาร 50% ในทุกการเดินทาง
บัตรโดยสารแบบ EMV เป็นบัตรโดยสารที่ใช้บัตรเครดิต/บัตรเดบิต ในการแตะเข้า-ออกสถานี โดยจะหักค่าโดยสารจากวงเงินคงเหลือในบัตร หรือ ยอดเงินคงเหลือในบัญชี ปัจจุบันรองรับบัตรเครดิต Visa/Mastercard ทุกธนาคาร และบัตรเดบิต Visa/Mastercard จากธนาคารกรุงไทย/ยูโอบีเท่านั้น หากมีบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตตามที่กำหนดแล้ว ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋ว สามารถใช้บัตรแตะเข้าระบบได้ทันที
บัตรโดยสาร หากเดินทางข้ามสายตามที่กำหนด จะได้รับส่วนลดดังนี้
สายสีน้ำเงิน - สายสีม่วง (บัตรเติมเงิน-บัตร EMV-เหรียญโดยสาร) จะได้รับส่วนลดค่าแรกเข้า 14 บาท
สายสีน้ำเงิน - สายสีเหลือง (บัตร EMV) จะได้รับส่วนลดค่าแรกเข้า 14 บาท
ความพิเศษของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน
เป็นรถไฟฟ้าที่มีเส้นทางทั้งแบบใต้ดิน และแบบยกระดับเหนือพื้นดิน สายแรกในกรุงเทพมหานคร
เป็นรถไฟฟ้าที่มีเส้นทางเป็นวงกลมรอบเขตเมืองชั้นในของกรุงเทพมหานคร โดยจะเริ่มต้นที่สถานีท่าพระ ผ่านถนนจรัญสนิทวงศ์ วนเข้าฝั่งพระนคร ผ่านบางซื่อ สวนจตุจักร รัชดาภิเษก สุขุมวิท พระราม 4 สีลม เยาวราช และผ่านท่าพระอีกครั้ง ก่อนจะมุ่งสู่ปลายทางหลักสอง ทำให้สามารถเลือกเดินทางไปยังสถานีปลายทางได้ทั้ง 2 ทิศทาง โดยเปลี่ยนขบวนรถที่ท่าพระ แม้จะหลงแต่ก็ยังมีตัวเลือกให้เดินทาง
ผ่านย่านสำคัญและเมืองเก่าหลายจุด เช่น ห้วยขวาง, พระราม 9, อโศก, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง), เยาวราช, เกาะรัตนโกสินทร์, ปากคลองตลาด
เป็นรถไฟฟ้าสายเดียวในปัจจุบันที่มีเส้นทางผ่านเกาะรัตนโกสินทร์ (ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ผ่านด้วย ได้แก่ สายสีส้ม และสายสีม่วง ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง)
ค้นหาที่พักใกล้ MRT สายสีน้ำเงิน ได้ทีนี่
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน กับรถไฟฟ้าสายอื่น
รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ดังนี้
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว จะมีทางเชื่อมที่สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้สะดวก แต่จะต้องซื้อบัตรโดยสารแยกต่างหาก โดยมีจุดเชื่อมต่อ 5 สถานี ดังนี้
สถานีสวนจตุจักร (BL13) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิต
สถานีพหลโยธิน (BL14) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว
สถานีสุขุมวิท (BL22) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก
สถานีสีลม (BL26) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดง
สถานีบางหว้า (BL34) เชื่อมต่อกับ BTS สถานีบางหว้า
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ที่สถานีเตาปูน (BL10) โดยชานชาลาสายสีน้ำเงินจะอยู่ที่ชั้น 3 และชานชาลาสายสีม่วงจะอยู่ที่ชั้น 4 สามารถใช้บัตรโดยสารใบเดียวกันเดินทางได้ทันที ในอนาคตจะมีอีก 1 จุดเชื่อมต่อ ที่สถานีสามยอด (BL30) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถไฟไทย ที่สถานีบางซื่อ (BL11) สามารถเดินเชื่อมต่อไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ได้ทั้งสายที่ไปรังสิต และสายที่ไปตลิ่งชัน รวมไปถึงรถไฟไทยสายเหนือ สายอีสาน และสายใต้ ที่ไปต่างจังหวัดได้ด้วย
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง ที่สถานีลาดพร้าว (BL15) เชื่อมต่อกับสายสีเหลือง ที่สถานีลาดพร้าว สามารถใช้บัตรโดยสารร่วมกันได้เฉพาะบัตรโดยสารแบบ EMV เท่านั้น
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า Airport Rail Link ที่สถานีเพชรบุรี (BL21) โดยมีทางเชื่อมจากทางออกสถานีระดับพื้นดิน ไปยังสถานี Airport Rail Link มักกะสัน แต่จะต้องซื้อบัตรโดยสารแยกต่างหาก
รถไฟฟ้า Airport Rail Link (AERA1 City)
แผนที่รถไฟฟ้า Airport Rail Link (AERA1 City)
เส้นทาง : จากสถานีสุวรรณภูมิ (A1) ที่อยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ - สถานีพญาไท (A8) รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย A และตามด้วยจำนวนสถานี โดยนับเริ่มจากสถานีสุวรรณภูมิที่ 1 ไปสิ้นสุดสถานีพญาไทที่ 8 จำนวนสถานีทั้งหมด 8 สถานี
ค่าโดยสาร : เริ่มต้น 15 บาท (สำหรับการเดินทาง 1 สถานี) สูงสุดที่ 45 บาท โดยราคาจะเพิ่มขึ้น 5 บาท ทุก ๆ การเดินทางที่เพิ่มขึ้น 1 สถานี
วิธีการซื้อบัตรโดยสาร : บัตรโดยสารของ Airport Rail Link จะมีทั้งหมด 2 รูปแบบ ดังนี้
เหรียญโดยสารเที่ยวเดียว จะมีลักษณะเป็นเหรียญทรงกลม ใช้สำหรับเดินทางเที่ยวเดียว อัตราค่าโดยสารปกติ จำหน่ายที่ห้องออกบัตรโดยสาร และเครื่องออกบัตรโดยสาร โดยรับชำระด้วยเงินสดเท่านั้น (ธนบัตร, เหรียญ)
บัตรโดยสารแบบเติมเงิน AERA1 Smart Pass
บัตรโดยสารสำหรับบุคคลทั่วไป จะเป็นบัตรเติมเงินสำหรับบุคคลอายุ 23-60 ปี อัตราค่าโดยสารปกติ
บัตรโดยสารสำหรับนักเรียน/นักศึกษา สำหรับนักเรียน/นักศึกษาอายุต่ำกว่า 23 ปี มีส่วนลดค่าโดยสาร 20%
บัตรโดยสารสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีส่วนลดค่าโดยสาร 50%
ความพิเศษของรถไฟฟ้า Airport Rail Link (AERA1 City)
เป็นรถไฟฟ้าสายเดียวที่เชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิ กับ ตัวเมืองกรุงเทพชั้นในโดยตรง
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาทีจากสนามบิน-ตัวเมือง
จากสนามบินสามารถเดินเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าได้โดยตรงแบบไม่ต้องออกจากอาคาร
ค้นหาโรงแรมใกล้ Airport Rail Link ได้ที่นี่
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า Airport Rail Link (AERA1 City) กับรถไฟฟ้าสายอื่น
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ที่สถานีพญาไท (A8) โดยมีทางเชื่อมกับสถานีโดยตรง
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ที่สถานีมักกะสัน (A6) โดยมีทางเชื่อมไปยังสถานีเพชรบุรี ของ MRT สายสีน้ำเงินโดยตรง
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง ที่สถานีหัวหมาก (A4) โดยจะต้องเดินเชื่อมต่อระหว่างสถานีในระดับพื้นดิน เชื่อมกับทางออกของสถานีหัวหมาก (สายสีเหลือง)
รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง
แผนที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง
เส้นทาง : จากสถานีคลองบางไผ่ (PP01) - สถานีเตาปูน (PP16) รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย PP และตามด้วยจำนวนสถานี โดยนับเริ่มจากสถานีคลองบางไผ่ที่ 01 ไปสิ้นสุดสถานีเตาปูนที่ 16 จำนวนสถานีทั้งหมด 16 สถานี
ค่าโดยสาร : เริ่มต้น 14 บาท สูงสุดที่ 20 บาท
วิธีการซื้อบัตรโดยสาร : บัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง มี 3 ประเภท ได้แก่
เหรียญโดยสารเที่ยวเดียว จะมีลักษณะเป็นเหรียญสีม่วง/สีดำทรงกลม ใช้สำหรับแตะเข้าสถานี และหยอดก่อนออกจากสถานี เดินทางได้ 1 เที่ยว สามารถซื้อได้ที่ห้องออกเหรียญโดยสาร และเครื่องอัตโนมัติ ชำระได้เป็นเงินสดในทุกสถานี และ QR Code ที่ห้องออกเหรียญโดยสารทุกสถานี และเครื่องอัตโนมัติบางเครื่องในบางสถานี สามารถสังเกตุสัญลักษณ์ได้จากเครื่องว่าสามารถจ่ายผ่าน QR Code ได้หรือไม่
บัตรโดยสารแบบเติมเงิน เป็นบัตรโดยสารที่สามารถเติมเงินได้ และใช้ชำระค่าโดยสารผ่านการแตะเข้า-ออกได้ในทุกสถานี บัตรโดยสารแบบเติมเงินของ MRT จะมี 3 รูปแบบ ดังนี้
บัตรโดยสารสำหรับบุคคลทั่วไป (สีน้ำเงิน) จะเป็นบัตรโดยสารสำหรับผู้ที่มีอายุ 23-60 ปี อัตราค่าโดยสารปกติ และสามารถเติมเที่ยวเดินทางได้ (หากมีโปรโมชั่นรองรับในขณะนั้น)
บัตรโดยสารสำหรับนักเรียน/นักศึกษา (สีชมพู) จะเป็นบัตรโดยสารสำหรับนักเรียน/นักศึกษา อายุไม่เกิน 23 ปี จะได้รับส่วนลดค่าโดยสาร 10% โดยจะมีอัตราค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 20 บาท
บัตรโดยสารสำหรับผู้สูงอายุ (สีเหลือง) จะเป็นบัตรโดยสารสำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับส่วนลดค่าโดยสาร 50% ในทุกการเดินทาง โดยจะมีอัตราค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 20 บาท
บัตรโดยสารแบบ EMV เป็นบัตรโดยสารที่ใช้บัตรเครดิต/บัตรเดบิต ในการแตะเข้า-ออกสถานี โดยจะหักค่าโดยสารจากวงเงินคงเหลือในบัตร หรือ ยอดเงินคงเหลือในบัญชี ปัจจุบันรองรับบัตรเครดิต Visa/Mastercard ทุกธนาคาร และบัตรเดบิต Visa/Mastercard จากธนาคารกรุงไทย/ยูโอบีเท่านั้น หากมีบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตตามที่กำหนดแล้ว ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋ว สามารถใช้บัตรแตะเข้าระบบได้ทันที
บัตรโดยสาร หากเดินทางข้ามสายตามที่กำหนด จะได้รับส่วนลดดังนี้
สายสีม่วง - สายสีน้ำเงิน (บัตรเติมเงิน-บัตร EMV-เหรียญโดยสาร) จะได้รับส่วนลดค่าแรกเข้า 14 บาท
สายสีม่วง - สายสีแดง (บัตร EMV) จะคิดอัตราค่าโดยสารรวมกัน 2 สาย สูงสุดที่ 20 บาท โดยจะต้องเชื่อมต่อกันที่สถานีบางซ่อน (PP15) เท่านั้น
สายสีม่วง - สายสีชมพู (บัตร EMV) จะได้รับส่วนลดค่าแรกเข้า 15 บาท เมื่อเดินทางไปสายสีชมพู
ความพิเศษของรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง
เป็นรถไฟฟ้าสายแรกของจังหวัดนนทบุรี และเป็นเส้นทางที่สถานีส่วนใหญ่อยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร (อยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี 13 สถานี และอยู่ในเขตกรุงเทพฯ 3 สถานี)
กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างส่วนต่อขยาย จากเตาปูน - ครุใน (พระประแดง) ซึ่งจะมีเส้นทางใต้ดิน ผ่านสถานที่สำคัญจำนวนมาก เช่น รัฐสภา กรมชลประทาน หอสมุดแห่งชาติ ถนนข้าวสาร อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานพระพุทธยอดฟ้า วงเวียนใหญ่ กรมแพทย์ทหารเรือ
ปัจจุบันเป็น 1 ใน 2 สายที่เข้าร่วมนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจากรัฐบาล
ค้นหาโรงแรมใกล้ MRT สายสีม่วงได้ที่นี่
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง กับรถไฟฟ้าสายอื่น
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PP11) โดยมีทางเชื่อมระหว่างสถานี สามารถใช้บัตรโดยสารร่วมกันได้แค่บัตร EMV เท่านั้น
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน ที่สถานีบางซ่อน (PP15) โดยมีทางเชื่อมระหว่างสถานี สามารถใช้บัตรโดยสารร่วมกันได้แค่บัตร EMV เท่านั้น
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ที่สถานีเตาปูน (PP16) โดยชานชาลาของสายสีม่วงจะอยู่ที่ชั้น 4 ของสถานี และสามารถเชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินได้ทันทีที่ชั้น 3 โดยไม่ต้องแตะบัตรออกจากสถานี
รถไฟฟ้าสายสีทอง
เส้นทาง : จากสถานีกรุงธนบุรี (G1) - สถานีคลองสาน (G3) รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย G และตามด้วยจำนวนสถานี โดยนับเริ่มจากสถานีกรุงธนบุรีที่ 1 ไปสิ้นสุดสถานีคลองสานที่ 3 จำนวนสถานีทั้งหมด 3 สถานี
ค่าโดยสาร : 16 บาทตลอดสาย และผู้สูงอายุที่ 8 บาทตลอดสาย
วิธีการซื้อบัตรโดยสาร : บัตรโดยสารรถไฟฟ้าสายสีทอง จะมี 2 รูปแบบ คือ
บัตรโดยสารเที่ยวเดียว ใช้สำหรับเดินทางเข้า-ออก ได้ 1 เที่ยว สามารถซื้อได้ที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร และเครื่องจำหน่ายบัตรโดยสาร สามารถชำระเงินได้ด้วยเงินสด, QR Code, Alipay, และ LINE Pay
บัตรโดยสารแบบเติมเงิน หรือเรียกว่า Rabbit Card (แรบบิท การ์ด) จะเป็นบัตรเติมเงินที่สามารถซื้อได้ในทุกสถานี จะมีทั้งรูปแบบเติมเงิน (ค่าโดยสารราคาปกติ) และเติมเที่ยวเดินทาง (ค่าโดยสารเป็นแพ็กเกจ ราคาจะแตกต่างกันออกไป) โดยบัตรแรบบิทนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย ได้แก่
บัตรโดยสารแบบบุคคลทั่วไป (บัตรสีส้ม) สำหรับบุคคลอายุ 23-60 ปี อัตราค่าโดยสารปกติ
บัตรโดยสารสำหรับนักเรียน/นักศึกษา (บัตรสีเขียว) สำหรับนักเรียนนักศึกษาอายุต่ำกว่า 23 ปี อัตราค่าโดยสารปกติ
บัตรโดยสารสำหรับผู้สูงอายุ (บัตรสีชมพู) สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป มีส่วนลดค่าโดยสาร 50% เหลือ 8 บาท
ค่าโดยสารจะไม่มีส่วนลดใด ๆ หากเดินทางเชื่อมกับระบบรถไฟฟ้า BTS
ความพิเศษของรถไฟฟ้าสายสีทอง
เป็นรถไฟฟ้าสายแรกในไทยที่ใช้ระบบไร้คนขับ (Automated People Mover)
เป็นรถไฟฟ้าที่สามารถเชื่อมต่อไอคอนสยามได้โดยตรง ทำให้ผู้โดยสารสามารถหลีกเลี่ยงการจราจรบนถนนเจริญนครได้
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีทอง กับรถไฟฟ้าสายอื่น
ปัจจุบันมีจุดเชื่อมต่อเดียว คือ ที่สถานีกรุงธนบุรี (G1) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม (สายสีลม) ที่สถานีกรุงธนบุรี
[ค้นหาโรงแรมใกล้สายสีทองได้ที่นี่]
ค้นหาโรงแรมใกล้รถไฟฟ้าสายสีทอง ได้ที่นี่
รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง
แผนที่รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง
เส้นทาง : มีทั้งหมด 2 เส้นทาง ได้แก่
สายสีแดงเข้ม จากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ (RN01) - สถานีรังสิต (RN10) รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย RN และตามด้วยจำนวนสถานี โดยนับเริ่มจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ที่ 01 ไปสิ้นสุดสถานีรังสิตที่ 10 จำนวนสถานีทั้งหมด 10 สถานี
สายสีแดงอ่อน จากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ (RW01) - สถานีตลิ่งชัน (RN06) รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย RN และตามด้วยจำนวนสถานี โดยนับเริ่มจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ที่ 01 ไปสิ้นสุดสถานีตลิ่งชันที่ 06 จำนวนสถานีที่เปิดให้บริการปัจจุบัน 4 สถานี และสถานีในอนาคตอีก 2 สถานี
ค่าโดยสาร : ค่าโดยสารเริ่มต้น 12 บาท (สำหรับการเข้า-ออก สถานีเดียวกัน) และสูงสุดที่ 20 บาท
วิธีการซื้อบัตรโดยสาร : บัตรโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดง จะมีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่
เหรียญโดยสารแบบเที่ยวเดียว จะมีลักษณะเป็นเหรียญสีแดง ใช้สำหรับแตะเข้าสถานี และหยอดออกจากสถานี เป็นเหรียญสำหรับใช้เดินทางเที่ยวเดียว สามารถซื้อได้ที่ห้องออกเหรียญโดยสาร และตู้ออกเหรียญโดยสารอัตโนมัติ สามารถชำระได้ด้วยเงินสด หรือชำระผ่าน QR Code ที่ห้องออกบัตรโดยสาร
บัตรโดยสารแบบเติมเงิน จะเป็นบัตรโดยสารสำหรับเติมเงินเท่านั้น แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
บัตรเติมเงินสำหรับบุคคลทั่วไป เป็นบัตรสำหรับบุคคลอายุ 23-60 ปี สามารถเติมเงินเพื่อใช้โดยสารได้ อัตราค่าโดยสารเป็นราคาปกติ
บัตรเติมเงินสำหรับนักเรียน/นักศึกษา เป็นบัตรสำหรับนักเรียน/นักศึกษา อายุต่ำกว่า 23 ปี มีส่วนลดค่าโดยสาร 10% สำหรับค่าโดยสารที่ต่ำกว่า 20 บาท และเก็บค่าโดยสารเต็มอัตราเมื่อถึงจำนวน 20 บาทแล้ว
บัตรเติมเงินสำหรับผู้สูงอายุ เป็นบัตรเติมเงินสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป มีส่วนลดค่าโดยสาร 50% สำหรับทุกการเดินทาง
บัตรโดยสารแบบเติมเที่ยว จะเป็นบัตรโดยสารสำหรับเติมเที่ยวเดินทางเท่านั้น ไม่สามารถเติมเงินได้ โดยจะมีแพ็กเกจคือ 30 เที่ยว ราคา 600 บาท (เฉลี่ย 20 บาท/เที่ยว) โดยจะหักเที่ยวเดินทาง 1 เที่ยว ต่อการเดินทาง 1 ครั้ง
บัตรโดยสารแบบ EMV เป็นบัตรโดยสารที่ใช้บัตรเครดิต/บัตรเดบิต ในการแตะเข้า-ออกสถานี โดยจะหักค่าโดยสารจากวงเงินคงเหลือในบัตร โดยสายสีแดงจะรองรับบัตรเครดิต/เดบิตทุกธนาคาร ที่เป็น Visa/Mastercard/JCB/UnionPay และคิดอัตราค่าโดยสารแบบบุคคลทั่วไป
บัตรโดยสาร หากเดินทางข้ามสายตามที่กำหนด จะได้รับส่วนลดดังนี้
สายสีแดง - สายสีม่วง (บัตร EMV) จะคิดอัตราค่าโดยสารรวมกัน 2 สาย สูงสุดที่ 20 บาท โดยจะต้องเชื่อมต่อกันที่สถานีบางซ่อน (RW01) เท่านั้น และต้องใช้บัตร EMV ใบเดียวกันในการเข้า-ออกทั้ง 2 ระบบ
ความพิเศษของรถไฟฟ้าสายสีแดง
เป็นรถไฟฟ้าที่ให้บริการด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ความเร็วสูงสุดช่วงสถานีดอนเมือง-หลักหก)
สามารถเชื่อมต่อสถานีบางซื่อ-รังสิต ด้วยระยะเวลาเพียง 23 นาที
สามารถเชื่อมต่อสถานีบางซื่อ-ตลิ่งชัน ด้วยระยะเวลาเพียง 15 นาที
เป็นรถไฟฟ้าสายเดียวที่เชื่อมต่อกับสนามบินดอนเมือง ใช้เวลาเดินทาง 17 นาที
ปัจจุบันเป็น 1 ใน 2 สายที่เข้าร่วมนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจากรัฐบาล
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีแดง กับรถไฟฟ้าสายอื่น
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู ที่สถานีหลักสี่ (RN06) มีทางเชื่อมต่อกันระหว่างสถานีโดยตรง แต่บัตรโดยสารจะใช้ร่วมกันได้เพียงบัตร EMV เท่านั้น
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (RN01, RW01) มีทางเชื่อมต่อกันโดยตรงภายในอาคารสถานีกลาง แต่บัตรโดยสารจะใช้ร่วมกันได้เพียงบัตร EMV ตามที่กำหนดเท่านั้น (บัตรเครดิต Visa/Mastercard และบัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย/UOB)
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ที่สถานีบางซ่อน (RW01) มีทางเชื่อมต่อกันโดยตรง สามารถใช้บัตรโดยสารร่วมกันได้เฉพาะ EMV (บัตรเครดิต Visa/Mastercard และบัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย/UOB) และสามารถใช้สิทธิ์ค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทร่วมกันได้
ค้นหาที่พักใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง ได้ที่นี่
รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง
แผนที่เส้นทางรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง
เส้นทาง : จากสถานีลาดพร้าว (YL01) - สถานีสำโรง (YL23) รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย YL และตามด้วยจำนวนสถานี โดยนับเริ่มจากสถานีลาดพร้าวที่ 01 ไปสิ้นสุดสถานีสำโรงที่ 23 จำนวนสถานีทั้งหมด 23 สถานี
ค่าโดยสาร : ค่าโดยสารเริ่มต้น 15 บาท (สำหรับการเข้า-ออก สถานีเดียวกัน) และสูงสุดที่ 45 บาท
วิธีการซื้อบัตรโดยสาร : บัตรโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จะมีด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้
บัตรโดยสารแบบเที่ยวเดียว เป็นบัตรโดยสารรูปแบบเดียวกับรถไฟฟ้า BTS และสามารถใช้ร่วมกันได้ โดยสามารถซื้อได้ที่ห้องออกบัตรโดยสาร และเครื่องจำหน่ายบัตรโดยสาร สามารถชำระได้ทั้งเงินสด, QR Code, Alipay และ LINE Pay และสามารถซื้อจากสถานีในสายสีเขียวเพื่อเดินทางมาในสายสีเหลืองได้ โดยเปลี่ยนสายที่สถานีสำโรง อัตราค่าโดยสารเป็นราคาปกติ
บัตรโดยสารแบบเติมเงิน จะใช้เป็นบัตร Rabbit Card ที่มีทั้งรูปแบบการเติมเงิน เพื่อใช้ชำระค่าโดยสารในอัตราปกติ และแบบเติมเที่ยว ที่จะมีแพ็คเกจ 250 บาท เดินทางได้ 10 เที่ยว และใช้งานได้ภายใน 7 วันนับจากวันที่เติมเที่ยวเข้าบัตร โดยบัตรสำหรับบุคคลทั่วไปและนักเรียน/นักศึกษา จะใช้อัตราค่าโดยสารเดียวกัน ส่วนบัตร Rabbit Card สำหรับผู้สูงอายุ จะมีส่วนลด 50% ในทุกการเดินทาง
บัตรโดยสาร EMV จะสามารถใช้บัตร EMV ทั้งบัตรเครดิต/เดบิตได้ทุกธนาคาร ที่เป็นบัตร Visa/Mastercard/JCB/UnionPay โดยจะใช้อัตราค่าโดยสารตามปกติ
บัตรโดยสาร จะสามารถเดินทางข้ามสายได้ ตามเงื่อนไขดังนี้
บัตรโดยสารแบบเที่ยวเดียวและ Rabbit Card จะสามารถเดินทางข้ามไปยังสายสีเขียว และสายสีชมพูได้ โดยจะคิดอัตราค่าโดยสารตามปกติรวมกัน ไม่มีส่วนลด และต้องเปลี่ยนสายที่สถานีสำโรง เพื่อเชื่อมต่อกับสายสีเขียว หรือเดินทางไปยังวัดพระศรีมหาธาตุ สำหรับสายสีชมพูเท่านั้น เช่น เดินทางจากสถานีสยาม (สายสีเขียว) ไปยังสถานีหัวหมาก (สายสีเหลือง) จะต้องเสียค่าโดยสาร จากสยาม-สำโรง (62 บาท) และสำโรง-หัวหมาก (45 บาท) รวม 107 บาท
บัตรโดยสารแบบ EMV จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี ดังนี้
บัตรเครดิต Visa/Mastercard ทุกธนาคาร และบัตรเดบิตรธนาคารกรุงไทย/UOB จะสามารถใช้เดินทางระหว่างสายสีเหลืองและสายสีน้ำเงินได้เท่านั้น และได้รับส่วนลดค่าแรกเข้า สำหรับทั้ง 2 สาย และยังสามารถเดินทางต่อเนื่องจากสายสีน้ำเงินไปยังสายสีม่วง โดยได้รับส่วนลดค่าแรกเข้าเพิ่มอีก 14 บาท รวมสูงสุด 29 บาท แต่จะไม่สามารถเดินทางข้ามไปสายสีเขียวได้
บัตรเครดิตและบัตรเดบิต JCB/UnionPay ทุกธนาคาร สามารถใช้เดินทางในสายสีเหลืองได้ทุกสถานี แต่จะไม่สามารถเดินทางข้ามสายไปยังสายสีเขียวและสายสีน้ำเงินได้
ค้นหาที่พักใกล้ MRT สายสีเหลือง ได้ที่นี่
ความพิเศษของรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง
เป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลสายแรกของประเทศไทย และใช้ระบบไร้คนขับเป็นสายแรก ๆ
เป็นรถไฟฟ้าสายแรก ที่วิ่งบนถนนลาดพร้าวเกือบตลอดทั้งเส้น (ยกเว้นช่วงต้นลาดพร้าวที่จะมี MRT สายสีน้ำเงินให้บริการอยู่)
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง กับรถไฟฟ้าสายอื่น
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่สถานีลาดพร้าว (YL01) ใช้ทางเชื่อมผ่านอาคารจอดแล้วจร และสามารถใช้บัตรโดยสาร EMV ร่วมกันได้เท่านั้น
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า AERA 1 City (Airport Rail Link) ที่สถานีหัวหมาก (YL11) โดยจะต้องเชื่อมต่อระหว่างสถานีในระดับพื้นดิน
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ที่สถานีสำโรง (YL23) โดยสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้โดยตรง แต่ต้องออกจากระบบสายสีเหลือง และแตะเข้าระบบ BTS สายสีเขียวอีกครั้ง สามารถใช้บัตรโดยสารร่วมกันได้เฉพาะบัตรเที่ยวเดียว และ Rabbit Card เท่านั้น
รถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู
แผนที่รถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู
เส้นทาง : มี 1 เส้นทางหลัก และ 1 เส้นทางย่อย ได้แก่
เส้นทางหลัก ศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) - มีนบุรี (PK30) รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย PK และตามด้วยจำนวนสถานี โดยนับเริ่มจากสถานีศูนย์ราชการนนทบุรีที่ 01 ไปสิ้นสุดสถานีมีนบุรีที่ 30 จำนวนสถานีทั้งหมด 30 สถานี
เส้นทางย่อย เมืองทองธานี (PK10) - ทะเลสาบเมืองทองธานี (MT02) รหัสสถานีจะขึ้นต้นด้วย MT และมีจำนวน 2 สถานี คือ สถานีอิมแพค เมืองทองธานี (MT01) และ ทะเลสาบเมืองทองธานี (MT02)
ค่าโดยสาร : ค่าโดยสารเริ่มต้น 15 บาท (สำหรับการเข้า-ออก สถานีเดียวกัน) และสูงสุดที่ 45 บาท
วิธีการซื้อบัตรโดยสาร : บัตรโดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพู จะมีด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้
บัตรโดยสารแบบเที่ยวเดียว เป็นบัตรโดยสารรูปแบบเดียวกับรถไฟฟ้า BTS และสามารถใช้ร่วมกันได้ โดยสามารถซื้อได้ที่ห้องออกบัตรโดยสาร และเครื่องจำหน่ายบัตรโดยสาร สามารถชำระได้ทั้งเงินสด, QR Code, Alipay และ LINE Pay และสามารถซื้อจากสถานีในสายสีเขียวเพื่อเดินทางมาในสายสีชมพูได้ โดยเปลี่ยนสายที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ อัตราค่าโดยสารเป็นราคาปกติ
บัตรโดยสารแบบเติมเงิน จะใช้เป็นบัตร Rabbit Card ที่มีทั้งรูปแบบการเติมเงิน เพื่อใช้ชำระค่าโดยสารในอัตราปกติ และแบบเติมเที่ยว ที่จะมีแพ็คเกจ 250 บาท เดินทางได้ 10 เที่ยว และใช้งานได้ภายใน 7 วันนับจากวันที่เติมเที่ยวเข้าบัตร โดยบัตรสำหรับบุคคลทั่วไปและนักเรียน/นักศึกษา จะใช้อัตราค่าโดยสารเดียวกัน ส่วนบัตร Rabbit Card สำหรับผู้สูงอายุ จะมีส่วนลด 50% ในทุกการเดินทาง
บัตรโดยสาร EMV จะสามารถใช้บัตร EMV ทั้งบัตรเครดิต/เดบิตได้ทุกธนาคาร ที่เป็นบัตร Visa/Mastercard/JCB/UnionPay โดยจะใช้อัตราค่าโดยสารตามปกติ
บัตรโดยสาร จะสามารถเดินทางข้ามสายได้ ตามเงื่อนไขดังนี้
บัตรโดยสารแบบเที่ยวเดียวและ Rabbit Card จะสามารถเดินทางข้ามไปยังสายสีเขียว และสายสีเหลืองได้ โดยจะคิดอัตราค่าโดยสารตามปกติรวมกัน ไม่มีส่วนลด และต้องเปลี่ยนสายที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ สำหรับสายสีเขียว หรือเดินทางไปยังสถานีสำโรง เพื่อเชื่อมต่อกับสายสีเหลืองเท่านั้น เช่น เดินทางจากสถานีสยาม (สายสีเขียว) ไปยังสถานีมีนบุรี (สายสีชมพู) จะต้องเสียค่าโดยสาร จากสยาม-วัดพระศรีมหาธาตุ (62 บาท) และวัดพระศรีมหาธาตุ-มีนบุรี (45 บาท) รวม 107 บาท
บัตรโดยสารแบบ EMV จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี ดังนี้
บัตรเครดิต Visa/Mastercard ทุกธนาคาร และบัตรเดบิตรธนาคารกรุงไทย/UOB จะสามารถใช้เดินทางระหว่างสายสีชมพูและสายสีม่วงได้เท่านั้น และได้รับส่วนลดค่าแรกเข้า สำหรับทั้ง 2 สาย และยังสามารถเดินทางต่อเนื่องจากสายสีม่วงไปยังสายสีน้ำเงินได้ โดยได้รับส่วนลดค่าแรกเข้าเพิ่มอีก 15 บาท รวมสูงสุด 29 บาท แต่จะไม่สามารถเดินทางข้ามไปสายสีเขียวได้
บัตรเครดิตและบัตรเดบิต JCB/UnionPay ทุกธนาคาร สามารถใช้เดินทางในสายสีชมพูได้ทุกสถานี แต่จะไม่สามารถเดินทางข้ามสายไปยังสายสีม่วงและสายสีเขียวได้
ความพิเศษของรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู
เป็นรถไฟฟ้าสายแรก และครอบคลุมตลอดเส้นทางถนนแจ้งวัฒนะ และถนนรามอินทรา
เป็นรถไฟฟ้าสายแรกที่เข้าถึงพื้นที่เมืองทองธานี เพื่อรองรับการจัดงานและคอนเสิร์ตต่าง ๆ ภายในพื้นที่
เป็นรถไฟฟ้าสายที่ 2 ในเขตพื้นที่จังหวัดนนทบุรี
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู กับรถไฟฟ้าสายอื่น
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) โดยมีทางเชื่อมที่สามารถเชื่อมต่อกันได้โดยตรง และสามารถใช้บัตรโดยสารแบบ EMV ร่วมกันได้
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ที่สถานีหลักสี่ (PK15) โดยมีทางเชื่อมที่สามารถเชื่อมกันได้เลย แต่จะไม่สามารถใช้บัตรโดยสารร่วมกันได้
จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (PK17) โดยสามารถเชื่อมต่อกันได้โดยไม่ต้องแตะบัตรออกจากสถานี (ยกเว้นผู้ใช้งานบัตร EMV ทุกประเภทที่ต้องแตะบัตรออกจากสถานีสายสีชมพู ก่อนเข้าสู่ BTS สายสีเขียว)
รวมที่พักใกล้ MRT สายสีชมพู ที่นี่เลย
ครบแล้วกับคัมภีร์รถไฟฟ้า 10 สายในกรุงเทพ พร้อมรายละเอียดแบบจัดเต็มที่บอกเลยว่า ใครกำลังจะมาเที่ยวกรุงเทพอยู่นั้น จะไม่หลงและเดินทางด้วยรถไฟฟ้ากันได้แบบจึ้ง ๆ แน่นอน ส่วนถ้าใครยังไม่มีไอเดียว่ามากรุงเทพแล้วจะไปเที่ยวที่ไหนดี มาดูบทความที่เที่ยวกรุงเทพ และที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ กันได้เลยที่ Traveloka Explore วันนี้ไปก่อนจ้า บ้ายบาย