ต้องการจองที่พักในญี่ปุ่น? ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม 5 ดาว โรงแรม 3 ดาว หรือ โฮสเทลในญี่ปุ่น ต้องเลือกจองโรงแรมกับ Traveloka ผู้ให้บริการจองออนไลน์แสนสะดวก จองจ่าย ผ่อนจ่ายได้! มาพร้อมกับ ที่พักญี่ปุ่น ส่วนลดสูงสุด 80% สามารถกดดูได้ที่โปรโมชั่นโรงแรม
ญี่ปุ่น ดินแดนปลาดิบที่อยู่ในใจใครหลายคนในนี้ ญี่ปุ่นมีเมืองยอดฮิตมากมายที่มีผู้ท่องเที่ยวเดินทางนิยมไป ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงอย่าง โตเกียว, หรือเมืองอื่นๆอย่าง โอซาก้า, เกียวโต, เฮียวโงะ, นารา, ฟุกุโอกะ และอีกมากมาย ญี่ปุ่นขึ้นชื่อหลายเรื่อง โดยเฉพาะกิจกรรมสกีที่ญี่ปุ่น ท่องเที่ยวถ่ายรูปกับต้นซากุระแสนสวย หรือช็อปปิ้ง ทานอาหารสุดแสนอร่อย ปลาที่สดใหม่ทุกวันตามร้านอาหารเกือบทุกร้าน อีกทั้งที่พักในประเทศญี่ปุ่นที่มีดีไซน์สวย ยูนีค และมีทั้งราคาถูกและแพง เป็นหนึ่งประเทศที่น่าไปเที่ยวทั้งปีเลย
จำนวนที่พักทั้งหมด | 28,137 แห่ง |
ภูมิภาคยอดนิยม | โอกินาวะ, ฮอกไกโด |
โรงแรมยอดนิยม | Swissôtel Nankai Osaka, Shangri-La Tokyo |
ที่พักยอดนิยมที่มักถูกจองโดยนักท่องเที่ยว คือ Swissôtel Nankai Osaka, Shangri-La Tokyo, The Capitol Hotel Tokyu, Keio Plaza Hotel Tokyo, Hilton Tokyo, Ascott Marunouchi Tokyo, Oakwood Premier Tokyo, Holiday Inn OSAKA NAMBA, Hotel Gracery Shinjuku, Hotel Nikko Osaka
ปัจจุบัน มีโรงแรมจำนวน 28,137 ที่คุณสามารถจองได้ที่ ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกๆ ที่หลายคนใฝ่ฝันถึงการไปเยือน เพราะญี่ปุ่นมีความหลากหลายทางด้านที่เที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งที่เที่ยวญี่ปุ่นเชิงธรรมชาติ ที่เที่ยวญี่ปุ่นภายในเมือง ทั้งยังเป็นสวรรค์ของคนที่ชอบช้อปปิ้ง และเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ชอบกินทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารญี่ปุ่นเลิศรส มีเมนูให้เลือกเยอะตั้งแต่สตรีทฟู้ด ไปจนถึงอาหารญี่ปุ่นสดใหม่อย่าง ซาชิมิ และข้าวปั้นหน้าปลาต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นที่ญี่ปุ่นยังมีร้านอาหารโอมากาเสะ หรือร้านอาหารติดดาวมิชลินเยอะไม่แพ้กัน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบางคนจึงไปเที่ยวญี่ปุ่นหลายรอบแบบไม่มีเบื่อ เพราะญี่ปุ่นมีอะไรให้น่าค้นหามากมาย โดยญี่ปุ่นถือว่าเป็นรัฐเอกราช มีลักษณะเป็นหมู่เกาะตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออก จากเมืองไทยใช้เวลาเดินทางไปญี่ปุ่นไม่นาน ใช้เวลาบินประมาณ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น คนส่วนใหญ่เลยมักจะใช้เวลาในช่วงวันหยุดด้วยการบินไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเป็นจำนวนมาก ถ้าหากคุณยังไม่เคยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ขอแนะนำให้ลองหาเวลาไปเที่ยวกันสักครั้ง แล้วคุณจะต้องตกหลุมรักญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่มีความน่าสนใจแต่เพียงเท่านั้น แต่ที่ญี่ปุ่นยังมีกิจกรรมให้คุณได้ทำเพียบทีเดียวเชียวหล่ะ
ด้วยประเทศที่เป็นหมู่เกาะขนาดใหญ่ ประเทศญี่ปุ่น จึงได้แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 47 เขตการปกครอง (Prefectures) โดยแยกได้ทั้งหมด 8 ภูมิภาค ได้แก่:
ฮอกไกโด
ที่เป็นเกาะขนาดใหญ่ ที่โดดเด่นเรื่องภูเขาไฟ น้ำพุร้อน สกีรีสอร์ท โดยฮอกไกโดตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศ จึงมีอากาศหนาวเย็น และมี
- เมืองซัปโปโระ: เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้
โทโฮะกุ ภูมิภาคที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยที่นี่เป็นแหล่งของน้ำพุร้อนจำนวนมาก และมีเมืองเซ็นได เป็นเมืองใหญ่ของภูมิภาคนี้
- คันโต เป็นดินแดนพื้นที่ราบลุ่มที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ทำให้ภูมิภาคแห่งนี้มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นมากที่สุด และยังเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอย่าง โตเกียว อีกด้วย
- ชูบุ เป็นภูมิภาคที่ตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศ ประกอบไปด้วย 9 จังหวัด และมีภูเขาไฟฟูจิ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาค
- คันไซ อีกหนึ่งภูมิภาคที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น ด้วยความโดดเด่นทางด้านศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่ โดยมีเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่นในยุคแรกๆ คือ นารา และเกียวโต อีกทั้ง โอซาก้า ที่เป็นเมืองใหญ่และมีความสำคัญในภูมิภาคนี้
- ชูโงะกุ ภูมิภาคที่เป็นเกาะเล็กๆ กระจายตัวอยู่ โดยมีเกาะฮิโระชิมะ ที่เป็นที่รู้จัก จากการทิ้งระเบิดปรมาณูในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
- ชิโกะกุ เกาะที่เล็กที่สุดในบรรดาสี่เกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น และประกอบไปด้วย 4 จังหวัด คือ คิวชู คิวชูคือเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น โดยมี เมืองฟุกุโอะกะเป็นเมืองใหญ่ และ โอกินะวะ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของญี่ปุ่น
หรืออีกหนึ่งชื่อที่เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ วัดอาซากุสะ เพราะที่จริงแล้วเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ เลยทำให้คนส่วนใหญ่เรียกวัดนี้ว่าเป็นวัดอาซากุสะนั่นเอง เป็นที่เที่ยวเช็คอินของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองโตเกียว จุดถ่ายรูปยอดฮิตของวัดนี้ก็คือ เสาประตูสีแดงขนาดใหญ่ และโคมไฟยักษ์ ซึ่งบนโคมยักษ์นั้นถูกเขียนเป็นอักษรคันจิว่า ประตูสายฟ้า หรือว่าภาษาญี่ปุ่นก็คือ Kaminari-Mon เป็นโคมไฟที่มองเห็นเด่นในระยะไกล มีความหนักมากว่า 700 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อเดินผ่านประตูวัดมาแล้วจะพบกับ นากะมิเสะโดริ หรือก็คือย่านค้าเก่าแก่ของโตเกียวแห่งหนึ่ง ก่อนที่เข้าไปด้านในจะมีสถานที่สำหรับชำระร่างกาย เมื่อเข้าไปข้างในคนส่วนใหญ่มักจะมาขอพร และอาบควันธูปเพื่อความเป็นศิริมงคล ถ้าได้มีโอกาสไปเที่ยวโตเกียวแล้วอยากไปเช็คอินสถานที่สุดฮิต ให้ปักหมุดไว้ที่วัดเซ็นโซจิ
เดินทางมาเยือนโอซาก้าแล้วอยากปักหมุดสักสถานที่หนึ่งที่กล่าวกันว่าถ้าไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึงโอซาก้า ต้องมาที่ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) กันเลย เนื่องจากจะเป็นแลนด์มาร์คอันดับหนึ่ง ถือว่าเป็นหนึ่งในสามของปราสาทที่มีชื่อเสียงมากของญี่ปุ่น ยังเป็นปราสาทที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้า รายล้อมไปด้วยสวนสวย ที่เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยสีชมพูของต้นบ๊วยงดงาม เป็นหนึ่งในจุดชมดอกบ๊วยบานที่สวยมากที่สุดในญี่ปุ่น ปราสาทโอซาก้าเก่าแก่เพราะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 16 ก่อนที่จะถูกบูรณะมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ได้เกิดความเสียหายมากมายมาก่อนหน้านั้น แต่ในทุกวันนี้ปราสาทโอซาก้าก็อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก ภายในปราสาทมีทั้งหมด 8 ชั้น ในแต่ละชั้นจะมีส่วนที่น่าสนใจแตกต่างกันไป มีทั้งส่วนพื้นที่นิทรรศกาล และจุดชมวิว มาเที่ยวโอซาก้าแล้วอย่าลืมแวะมาที่ปราสาทโอซาก้ากัน
เป็นที่รู้จักกันในนามศาลเจ้าเสาโทริอิพันต้นของเกียวโต เพราะว่าด้านในของศาลเจ้าแห่งนี้จะมีโทริอิตั้งเรียงรายมากกว่าหนึ่งหมื่นต้นเลยทีเดียว ซึ่งจะเห็นเสาโทริอินี้เรียงรายกันเต็มภูเขาอินาริ หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และผู้คนก็เชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน โดยศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าชินโตของเทพอินาริ มีความเก่าแก่ถูกสร้างขึ้นมามากกว่าหนึ่งพันปีมาแล้ว ซึ่งเทพเจ้าอินารีถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการเพาะปลูก มีความเชื่อว่ามีรูปลักษณ์ก็คือจิ้งจอก เพราะจิ้งจอกเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น จุดเด่นอีกอย่างคือโทนสีแดงของวัด และเสาโทริอิ เพราะว่าสื่อถึงความหวัง และความสดใส ส่วนเสาโทริอิที่เห็นเกิดมาจากการสักการะของผู้ที่มาขอพร และสมหวัง รวมถึงผู้ที่เกิดความเลื่อมใสของศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมศาลเจ้าแห่งนี้จึงคราคร่ำไปด้วยผู้คน ทั้งชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยว ที่มักจะมาขอพรให้ประสบความสำเร็จ และสมหวังในสิ่งที่ขอ อีกทั้งยังเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ มีทั้งความสวยงามเหมือนต้องมนต์ขลัง
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ในเมืองหลวงอย่างโตเกียว ที่นี่คือหอคอยสีแดงขนาดใหญ่และมีรูปทรงที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากหอไอเฟล ของกรุงปารีส โตเกียว ทาวเวอร์ นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทอดสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ ด้านในเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมวิวในมุมสูง รวมถึงซื้อของฝากกับร้านค้าต่างๆ ที่มีอยู่ด้านใน โดยโตเกียว ทาวเวอร์เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 20.00 น.
นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวช้อปปิ้ง ตึกทันสมัย และความเป็นวัฒนธรรม ญี่ปุ่นก็มีสวนสนุกระดับโลกที่คุณไม่พลาด นั่นก็คือ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ที่ตั้งอยู่ที่เมืองโอซาก้า ฉะนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการมาเยือนที่นี่ก็อย่าลืมที่จะจองที่พักญี่ปุ่นที่ใกล้กับสวนสนุกไว้ให้ดี แล้วเตรียมเพลิดเพลินไปกับไฮไลท์ของที่นี่อย่าง เครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey เครื่องเล่น Jurassic Park the Ride และ The Amazing Adventures of Spider-Man the Ride 4K3D ที่จะทำให้คุณประทับใจจนลืมไม่ลง ส่วนวันและเวลาเปิดทำการ: วันธรรมดา 9.00 – 20.30 น. และวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ 8.30 – 21.00 น. และราคาค่าเข้าชม สำหรับ Studio Pass ผู้ใหญ่ 7,400 เยน และ เด็ก 4,980 เยน / 2 Day Studio Pass ผู้ใหญ่ 12,450 เยน, เด็ก 8,420 เยน
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและความเป็นวัฒนธรรมที่เก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ ในจังหวัดกิฟุ คือสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณควรไปเยือนให้ได้สักครั้ง โดยที่นี่ได้รับขึ้นเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น จากความโดดเด่นของบ้านโบราณที่สร้างขึ้นด้วยมือ อายุมากกว่า 250 ปี แถมบางหลัง ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ด้วยการเข้าไปพักผ่อนได้อีกด้วย
พาไปชิมราเมงที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ในโตเกียว นั่นแปลว่าร้านราเมงแห่งนี้จะต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดา แถมยังได้ติดดาวมาเป็นเวลาหลายปีมาแล้วด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในร้านราเมงที่ได้รับมิชลินที่น่าสนใจ เพราะว่าภายในร้านจะมีเมนูให้เลือกไม่มากนัก ราเมงจะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 น้ำซุป จะมีซุปงาและพริก ซุปโชยุ และซุปเกลือแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งทั้งน้ำซุป และเส้นนั้นรสชาติกลมกล่อมเข้ากันได้ดี แม้ว่าจะดูธรรมดาในเรื่องของรสชาติถือว่าพิเศษ เพราะตัวเส้นจะถูกลวกมากำลังดี ใจความหลักจะอยู่ที่น้ำซุป ต่อมาคือเครื่องเคียงที่ทำมาจากความพิถีพิถัน ใครชอบกินราเมงต้องมาโดนกันสักหน่อย แต่แนะนำให้มาก่อนเวลาร้านเปิด เพราะต้องมายืนรอต่อคิว
ถือว่าเป็นร้านซูชิในระดับตำนานที่ใครหลายคนอยากลอง ถ้าหากคุณมีโอกาสก็อยากให้ได้ลองมาชิมกันสักครั้งในชีวิต เพราะขึ้นชื่อของทั้งวัตถุดิบที่สดใหม่ ความพรีเมียม และความพิถีพิถันในการทำซูชิมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่แค่ความอร่อยของซูชิเท่านั้นที่คุณจะได้รับ แต่ประสบการณ์ในการกินซูชินี้จะทำให้คุณลืมซูชิที่เคยกินมาก่อน เพราะล้วนแต่มีเทคนิกเฉพาะทั้งการหมักข้าว ปั้นข้าวซูชิ แล่ปลา การรมควันปลา ล้วนแต่ต้องใช้ความชำนาญในการทำ การันตีความคุณภาพได้ด้วยรางวัลมิชลินสามดาวที่ทางร้านได้รับ โดยซูชิทั้งหมดจะถูกเสิร์ฟแบบโอมากาเสะ (Omakase) ทางเชฟจะเป็นผู้เลือกให้ทั้งหมด 20 คำ
จะพาทุกคนไปเปิดประสบการณ์การตระเวนกินภายในโตเกียว ด้วยร้านอาหารข้าวหน้าปลาไหลที่เก่าแก่มาก เปิดมาทั้งหมดระยะเวลามากกว่า 200 ปี ตั้งแต่ในสมัยเอโดะ แถมยังได้ดาวมิชลินสตาร์รับประกันความอร่อย และคุ้มค่า ทำเลที่ตั้งจะอยู่ใกล้กับโตเกียวทาวเวอร์หาได้ไม่ยาก จุดเด่นของร้านนี้จะอยู่ที่ปลาไหลเพียงอย่างเดียว ทางร้านได้ใช้ปลาไหลจากแหล่งน้ำท้องถิ่น ทำให้รสชาติปลาไหลของร้านนี้อร่อย ไม่คาว และเนื้อนุ่มเป็นพิเศษ สำหรับเมนูจะมีให้เลือกระหว่างเมนูอะลาคาร์ท (A La Carte) อีกอย่างก็คือเสิร์ฟแบบเป็นคอร์ส (Course Menu) รับรองว่าคนที่ชอบกินข้าวหน้าปลาไหลจะต้องฟิน เพราะมีปลาไหลให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะกินกับข้าวสวยร้อนๆ หรือว่ากินเปล่าก็อร่อยไม่แพ้กัน ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ต้องมาเยือนถ้าหากว่าคุณมาเที่ยวที่โตเกียว
นอกจากรถบัส แท็กซี่ และบริการรถส่วนตัวแบบอื่นๆ แล้ว ประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของการเดินทางโดยรถไฟ ที่มีความสะดวกและรวดเร็ว
- รถไฟชิงกันเซ็ง รถไฟความเร็วสูงในประเทศญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางจากโตเกียวไปโอซาก้า และโอซาก้ากลับโตเกียว ซึ่งทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟชิงกันเซ็งนี้ได้ โดยซื้อ JR PASS (Japan Rail Pass) บัตรเหมาจ่ายค่าโดยสารรถไฟที่ออกโดยบริษัทการรถไฟ JR หรือ Japan Railway เนื่องจากช่วยอำนวยความสะดวกทั้งในเรื่องของการขึ้นรถไฟสาย JR รวมไปถึงยังเป็นราคาเหมาที่ถูกกว่าอีกด้วย
- รถไฟบนดิน JR เป็นรถไฟที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั้งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในโตเกียวมีสาย Yamonote Line เป็นสายหลักที่วิ่งรอบเมือง และมีเส้นทางออกไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วภูมิภาค รวมถึงรถไฟชินกันเซ็ง
- รถไฟใต้ดิน Tokyo Metro และ Toei ให้บริการครอบคลุมเส้นทางในโตเกียว โดยมีความซับซ้อนมากที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวก็สามารถซื้อบัตรเหมาได้ตามต้องการทั้งแบบ One-day Ticket, 48-Hour Ticket และ 72-Hour Ticket
ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าคุณสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ที่นี่จึงมีสนามบินรองรับการมาถึงของนักท่องเที่ยวมากมาย ทั้งสนามบินที่รองรับเที่ยวบินเที่ยวบินระหว่างประเทศ ในภูมิภาค และระดับท้องถิ่น โดยมี 6 สนามบินที่เป็นที่คุ้นเคยของนักท่องเที่ยว:
- ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ (KIX) สำหรับผู้ที่ต้องการมาเยือนเมืองโอซาก้า เกียวโต หรือเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคคันไซ
- ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ (NRT) สำหรับผู้ที่ต้องการมาเยือนเมืองโตเกียว และอื่นๆ โดยมีรถไฟสองขบวน เคเซ (Keisei) และ เจอาร์ (JR) อีกทั้งบริการแท็กซี่และรถบัส เพื่อรับส่งนักท่องเที่ยวสไปยังที่พักญี่ปุ่นต่างๆ
- ท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว ฮาเนะดะ (HND) อีกหนึ่งสนามบินที่ให้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการมาเยือนโตเกียว แต่สนามบินแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเน้นเที่ยวบินภายในประเทศเช่นกัน
- ท่าอากาศยานฟุกุโอะกะ (FUK) สำหรับผู้ที่ต้องการมาเยือนเมืองฟุกุโอะกะ และเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคคิวชู
- ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ หรือ นาโกยา (NGO) อีกหนึ่งสนามบินที่มีความสำคัญ โดยใช้เดินทางระหว่างประเทศมีสายการบินต่างๆ รองรับ อาทิ คาเธ่ย์แปซิฟิค, เอเชียนาแอร์ไลน์, ไชนาอีสเทิร์นแอร์ไลน์ และ แอร์ไชนา เป็นต้น
- ท่าอากาศยานชินชิโตะเซะ หรือ ซัปโปโร (CTS) สำหรับผู้ที่ต้องการมาเยือนภูมิภาคฮอกไกโด
ชมซากุระบานทั่วญี่ปุ่น
อันที่จริงแล้วทั่วญี่ปุ่นตามเมืองต่างๆ จะมีจุดชมดอกซากุระบานกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งช่วงหน้าชมดอกซากุระบานจะมีนักท่องเที่ยวมากมายที่เดินทางมาเพื่อชมดอกซากุระนี้ หากคุณก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากเดินทางมาชมดอกซากุระบาน แนะนำให้ศึกษาช่วงเวลา และสถานที่ให้ดี เพราะในพื้นที่แต่ละแห่งจะมีช่วงที่ซากุระจะบานแตกต่างกันออกไป เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนปลายเดือนกุมภาพันธ์ อาจจะไปจบที่ช่วงมีนาคมก็ได้ อาจจะขึ้นอยู่กับภูมิภาค สภาพอากาศ และสายพันธุ์ของต้นซากุระนั้นๆ ส่วนใหญ่แล้วจุดชมดอกซากุระจะอยู่ที่สวนสาธารณะ หรือตามจุดสถานที่ท่องเที่ยว อยากให้ลองเช็คปฎิทินซากุระในแต่ละปี เพราะถ้าหากคุณบินไปเที่ยวญี่ปุ่นช้า ก็อาจจะอดเห็นช่วงพีคของต้นซากุระที่จะเบ่งบานแค่ปีละครั้ง
ตะลุยเที่ยวสวนสนุกในญี่ปุ่น
ไฮไลท์เด่นอีกอย่างของการไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คือการตระลุยเที่ยวสวนสนุกต่างๆ เพราะในญี่ปุ่นเองนอกจากโตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) และยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ (Universal Studio Japan) ที่ตั้งอยู่ในเมืองโอซาก้าแล้ว ยังมีสวนสนุกกระจายตัวอยู่เต็มไปหมด นับว่าเป็นที่เที่ยวญี่ปุ่นที่เหมาะกับทุกคนภายในครอบครัว ภายในสวนสนุกจะมีทั้งเครื่องเล่นหวาดเสียว รถไฟเหาะ บ้านผีสิง หรือแม้แต่เครื่องเล่นสำหรับเด็กก็มีครบเลยทีเดียว รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเที่ยวสวนสนุกในญี่ปุ่นอย่างแน่นอน เพราะในสวนสนุกแต่ละแห่งจะมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ยกต้วอย่างสวนสนุกในญี่ปุ่น ได้แก่ ฟูจิคิว ไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) สวนสนุกฮิรากาตะ ปาร์ค โอซาก้า (Hirakata Park Osaka) และ สวนสนุกคิจิมะโคเก็นปาร์ค (Kijima Kogen Park Beppu) เป็นต้น ไม่ว่าจะชอบนั่งรถไฟเหาะ หรือต้องการความตื่นเต้นแบบแปลกใหม่ก็ไม่ผิดหวังแน่นอน
ใส่ชุดกิโมโนถ่ายรูปตามที่เที่ยวต่างๆ
หนึ่งในกิจกรรมอยากแนะนำให้คุณได้ลองทำเมื่อมาเยือนญี่ปุ่นกันสักครั้ง คือการได้ลองสวมชุดกิโมโน หรือว่าถ้าเป็นคุณผู้ชายก็คือชุดยูกาตะ ซึ่งภายในญี่ปุ่นเองก็มีร้านมากมายที่เปิดให้เช่า และให้คุณได้ลองสวมชุดกิโมโนนี้ โดยราคาจะขึ้นอยู่กับลวดลาย และประเภทของชุด ยิ่งไปกว่านั้นร้านเหล่านี้จะสอนให้คุณได้รู้จักกับการสวมใส่ชุดกิโมโนที่ถูกต้อง และมีบริการแต่งหน้าทำผมให้ด้วย สำหรับย่านที่คนส่วนใหญ่มักจะใส่ชุดกิโมโนไปเพื่อถ่ายรูป ได้แก่ ย่านอาซากุสะ (Asakusa) ในโตเกียว ย่านกิออน (Gion) ในเกียวโต ย่านคานาซาวะ (Kanazawa) และตามย่านท่องเที่ยวทั่วไปในญี่ปุ่น ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีหากคุณได้ลองใส่ชุดกิโมโน เดินไปตามถนน หรือถ่ายรูปร่วมกับสถานที่ท่องเที่ยวด้วยชุดนี้ดูสักครั้ง
เรียนชงชาดั้งเดิมของญี่ปุ่น
เป็นกิจกรรมยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวทั่วไปมักจะลองทำเมื่อไปเยือนญี่ปุ่น ก็คือการเข้าคอร์สเรียนชงชา ซึ่งจะมีให้เลือกหลายรูปแบบมาก บางคอร์สจะเป็นคอร์สสำหรับการชงชา และพาคุณไปดื่มชาตามร้านดัง สามารถเลือกได้หลากหลายรูปแบบ ส่วนคอร์สที่เป็นที่นิยมมากที่สุดนั้นคือการชงชาเขียวตามขนบธรรมเนียมของญี่ปุ่น มีชื่อเรียกว่าซะโด (Sado) หรือชะโด (Chado) คือพิธีการเตรียมชา และการดื่มชา ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสองฝั่งอีกเช่นกัน เป็นฝั่งผู้ที่เตรียมชา และฝั่งแขกที่เป็นผู้รับชา โดยเริ่มต้นพิธีนี้จะเปิดด้วยการกินขนม จากนั้นคือการรับถ้วยชามา แต่จะมีขั้นตอนพิธีการมากมาย และมีข้อห้ามที่ไม่ควรทำ อย่างเช่น การดื่มชาจากด้านหน้าของถ้วยชา สำหรับรายละเอียดอื่นๆ อีกนั้นมีอีกมาก แต่ถ้าคุณอยากรู้โดยละเอียดต้องลองมาเรียนชงชาที่ญี่ปุ่นกันดูสักครั้ง
ลองนอนเรียวกัง
ที่พักญี่ปุ่นแล้วแท้จริงมีให้เลือกหลายประเภท แต่สิ่งที่เราอยากให้คุณได้ลองคือการไปนอนเรียวกังที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะมีเรียวกังหลายแห่งมากที่น่าสนใจ ทั้งเรียวกังระดับห้าดาวมีการผสมผสานระหว่างตะวันตก และตะวันออกเข้าด้วยกัน หรือจะเป็นเรียวกังดั้งเดิมขนานแท้ ให้คุณได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่น รวมถึงเปิดประสบการณ์ใหม่ในการพักผ่อน เพราะเรียวกังจะมาในรูปแบบของบ้านญี่ปุ่นโบราณ ที่มีการปูฟูกนอนบนเสื่อทาทามิ บางแห่งเป็นเรียวกังเก่าแก่มีอายุมากกว่า 100 ปี หรือบางแห่งก็จะมีไฮไลท์โดยการที่มีออนเซนธรรมชาติ ส่วนใหญ่แล้วเรียวกังนั้นจะพบได้ตามสถานที่ทั่วไปในญี่ปุ่น เฉพาะอย่างยิ่งตามเมืองที่มีบ่อออนเซน แนะนำให้ลองจองเรียวกังสักหนึ่งแห่ง แล้วลองนอนแบบคนญี่ปุ่นดู รับรองว่าแล้วคุณจะต้องติดใจ เพราะแต่ละเรียวกังก็จะมีออนเซนให้แช่ในแบบที่แตกต่างกันออกไป
ทุกฤดูกาลในญี่ปุ่นมีเสน่ห์เสมอ โดยเฉพาะช่วงซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี ถือเป็นช่วงเวลายอดฮิตที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมา ฉะนั้น หากคุณต้องการที่พักญี่ปุ่นในราคาถูก ก็ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้มีตัวเลือกที่พักมากพอให้คุณเข้าพักได้ ควรศึกษาเส้นทางรถไฟในญี่ปุ่นและวางแผนการเดินทางไว้ให้ดี โดยอาจโหลดแอปพลิเคชั่นรถไฟใต้ดิน ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องของการเดินทางได้มาก รวมถึงการซื้อ Pass ต่างๆ หรือบัตรเติมเงิน ก็จะช่วยประหยัดเวลามากขึ้น