20 ที่เที่ยวญี่ปุ่น สายลุยต้องมา สายแอดเวนเจอร์ต้องลอง

Traveloka TH
13 Feb 2019 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 9 นาที

‘ญี่ปุ่น’ ประเทศที่ไม่ว่าจะมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนกี่ครั้งก็สามารถสร้างความประทับใจให้เราได้เสมอ ทั้งวัฒนธรรม อาหารและการช้อปปิ้ง วันนี้ Traveloka จะพาเพื่อนๆ ไปเปิดประสบการณ์ สร้างความประทับใจครั้งใหม่ ไปเติมความสดชื่นให้กับร่างกายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นทางธรรมชาติ งานนี้ใครที่ชอบเที่ยวแนวผจญภัย แนวเอาท์ดอร์ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

จองบัตรเข้าชมที่เที่ยวในญี่ปุ่น กับ Traveloka คลิกที่นี่

1. Oirase National Park, Aomori

ทริปเล็กๆ เอาใจคนรักการปีนเขา ขี่จักรยาน ด้วยการเดินทางมาที่อุทยานแห่งชาติ Oirase National Park ภายในอุทยานแห่งชาตินี้จะมีลำธาร Oirase Keiryu ไหลผ่านกลางทิวเขาของจังหวัดอาโอโมริ ซึ่งเป็นระยะทางยาวถึง 14 กิโลเมตร! ตลอดเส้นทางของอุทยานแห่งนี้นี้เต็มไปด้วยน้ำตกนับไม่ถ้วน และป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ ถ้าได้แวะมาในช่วงใบไม้ผลิ ป่าไม้ของที่นี่ก็จะเขียวอชุ่ม ก่อนจะเปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาปีนเขาและปั่นจักรยานชมวิวกันในช่วงเดือนเมษายน - พฤศจิกายน

2. Shiretoko National Park, Hokkaido

นอกจากจะโดดเด่นเรื่องเทศกาลหิมะ และสกีรีสอร์ทแล้ว ฮอกไกโดยังเต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามอีกมากมายหลายแห่ง มีเส้นทางเดินป่าให้เลือกหลากหลาย และหนึ่งในนั้นคืออุทยานแห่งชาติ Shiretoko เส้นทางธรรมชาติที่สามารถเดินไปได้เพียงไม่ยาก ส่วนใครที่กำลังมองหาเส้นทางที่ไม่ลำบากมาก แนะนำภูเขา Daisetsu-zan เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและคนทั่วไป แถมยังมีวิวสวยสะกดใจอีกต่างหาก

3. Asahi-dake, Hokkaido

ใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นลุยๆ มันส์ๆ สำหรับการเล่นสกีอยู่ล่ะ เชิญทางนี้เลยจ้า ภูเขา Asahi-dake ตัวเลือกที่ดีสำหรับสายลุยทั้งหลาย เพราะเป็นภูเขาที่มีหิมะสูง และมีเส้นทางสกีที่ไม่ตายตัว ดังนั้นลุ้นกับมันส์ตลอดเวลาแน่นอน! แต่ถ้าหากใครไม่พร้อมจะลองแบบชิลล์ๆ ฮอกไกโดก็มีสกีรีสอร์ทให้เลือกหลากหลายมากเช่นกัน

4. Oze National Park, Gunma

ความจริงแล้วอุทยานแห่งชาติ Oze นั้น กินพื้นที่ของ 4 จังหวัดด้วยกัน ได้แก่ Fukushima Tochigi Gunma และ Niigata โดยที่อุทยานแห่งชาติ Oze แห่งนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบเดินป่ามากๆ ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกมิซุบะโชหรือกะหล่ำสกังค์ สีขาวครีมกำลังบานสะพรั่ง และช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่ลุ่มน้ำขัง Ozegahara และสระน้ำ Ozenuma ก็จะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะเต็มไปด้วยดอกไม้สวย และมีเส้นทางเดินป่า ต้องผ่านภูเขาหลายลูก

5. Fuji-san, Shizuoka

ปกติแล้วหลายคนๆ อาจจะได้แต่ยืนมองภูเขาไฟฟูจิกันอยู่ในระยะไกลๆ แต่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ลองปีนขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศข้างบนดูบ้าง รับรองว่าฟินพะยะค่ะ! โดยภูเขาไฟฟูจิจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีนเขากันในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม - กลางเดือนกันยายน รับรองว่าทริปนี้จะเป็นความทรงจำสุดประทับใจที่ไม่มีทางลืมเลือนเลยทีเดียว

6. Fuji Five Lakes, Yamanashi

Fuji Five Lakes หรือที่หลายคนเรียกว่า Fuji Goko คือทะเลสาบบริเวณรอบๆ ฐานภูเขาไฟฟูจิที่มีทั้งหมด 5 แห่งด้วยกัน ได้แก่ ทะเทสาบคาวากุจิ ทะเลสาบยามานะกะ ทะเลสาบโมโตซูโกะ ทะเลสาบไซโกะ และทะเลสาบโชจิโกะ ซึ่งทะเลสาบที่เหมาะสำหรับสายลุยอย่างเราๆ ก็คือ ทะเลสาบโมโตซูโกะ ทะเลสาบที่น้ำใสมาก และมีความลึกมากที่สุด ทำให้ที่ทะเลสาบแห่งนี้สามารถเล่นกีฬา กิจกรรมทางน้ำ และตั้งแคมป์ได้ด้วย

7. Okutama, Tokyo

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่นจะมีสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นทางธรรมชาติด้วย ย่าน Okutama อยู่ห่างจากโตเกียวออกไปแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น (ขับรถยนตร์) มาที่นี่ต้องมาล่องแก่งตามกระแสน้ำของแม่น้ำ Tama-gawa แล้วไปสนุกกับการโรยตัวสนุกๆ ปีนเขาไปตามน้ำตกขนาดเล็ก ช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้ดีทีเดียว

8. Kamikochi, Nagano

Kamikochi หรือเทือกเขา Japan Alps คือเส้นทางธรรมชาติที่นักปีนเขา และนักท่องเที่ยวให้คนสนใจมาก-มากที่สุด ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเล 1500 เมตร และยอดเขาที่สูงริบถึง 3000 เมตร รวมถึงธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ปากทางเข้าที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน จึงไม่น่าแปลกใจที่เทือกเขา Kamikochi จะเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยว โดยเทือกเขา Kamikochi จะเปิดให้ทุกคนไปลุย ทดสอบร่างกายกันตั้งแต่ กลางเดือนเมษายน - กลางเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น

9. Sado island, Niigata

ชวนเพื่อนๆ มาสัมผัสแดนสวรรค์ของจังหวัดนางีตะ ที่เกาะซะโด (Sado Island) มาพายเรือ Taria Bune เรืออ่างแห่งซาโดะตามการ์ตูนอนิเมะเรื่องดัง Spirited Away โดยปกติแล้วเรืออ่างที่ว่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เก็บหอยเป๋าฮื้อตามบริเวณชายฝั่ง จากนั้นก็ไปนั่งเรือชมวิวสวยๆ สัมผัสคลื่นลมแรงกันที่ Senkakuwan Bat สวยงามอลังการเกินบรรยาย

10. Tottori Sand Dune, Tottori

เที่ยวเนินทรายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ Tottori Sand Dune ที่จังหวัด Tottori มาที่นี่ก็ต้องขึ้นมาที่ อุมะ โนะ เสะ จุดสูงสุดของเนินทรายที่สามารถเห็นวิวสวยๆ ของทะเลญี่ปุ่นได้ ต้องบอกเลยว่าการมาที่เนินทรายแห่งนี้สวยทุกฤดู ถ้ามาในฤดูร้อนก็จะเห็นไฟเรือหาปลาเป็นประกายอยู่ในทะเล ถ้ามาช่วงใบไม้ร่วงก็จะมีทุ่งดอกไม้สีม่วงขนาดใหญ่ให้ยล ส่วนหน้าหนาว เนินทรายจะถูกปกคลุมด้วยหิมะก็สวยไปอีกแบบ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประติมากรรมทรายขนาดใหญ่ สร้างโดยศิลปินที่ผลัดกันมาสร้างผลงานจากทั่วโลกมาตั้งอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย

11. Moerenuma Park, Hokkaido

ปั่นจักรยานชมวิวสวยๆ ของสวน Moerenuma ที่ซัปโปโร สวนกว้างที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติสวยๆ ดีไซน์ออกมาให้ดูมินิอลสุดๆ และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแนวศิลปะประยุกต์ รับรองว่าฟินทั้งเสพธรรมชาติและงานศิลปะ ยิ่งถ้าชอบถ่ายรูปก็จะยิ่งหลงรักสวน Moerenuma แห่งนี้ ปั่นไป ถ่ายรูปไป ชมงานศิลปะไปคือดีย์

12. Takeda Castle, Hyogo

สัมผัสความสวยสุดแฟนตาซีเหมือนหลุดออกมจากโลกนวนิยายที่ Takeda Castle ปราสาทลอยฟ้าที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลหมอกสวยๆ ของเมืองอาซาโกะ จังหวัดเฮียวโงะ ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้เหลือเพียงแค่ตัวฐาน ที่ตั้งอยู่บนภูเขาบนความสูง 353 เมตรจากระดับน้ำทะเล และเปิดให้เข้าชมในช่วงกลางเดือนมีนาคม - ธันวาคม ซึ่งความสวยงามของปราสาทแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น Machu Picchu แห่งญี่ปุ่นเลยทีเดียว

13. Hitachi Seaside Park, Ibaraki

เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวแบบหวานๆ ใสๆ กันบ้างที่ Hitachi Seaside Park แห่งจังหวัด Ibaraki ต้องบอกเลยว่าที่นี่มีทั้งสวนสนุก สวยดอกไม้และพื้นที่สำหรับปิ้งบาร์บีคิวพร้อม! ไฮไลต์ของที่นี่อยู่ที่สวนสวยที่จะถูกจัดให้แตกต่างกันตามแต่ละฤดูกาล เช่น ถ้ามาเที่ยวช่วงปลายเดือนเมษาจะได้เห็นทุ่งดอกเนโมฟีลาสีฟ้าสดใสบานสะพรั่ง แต่ถ้ามาช่วงตุลาคมจะได้เห็นต้นโคเคียสีแดงไปทั่วบริเวณ

14. Senjogahara, Tochigi

ทุกคนรู้ว่าการมาเยือนจังหวัดโทจิงิ ต้องไปเที่ยวเมืองนิกโกะ แต่จะมีสักกี่คนรู้ว่า คุณต้องแวะไปที่เซ็นโจะกะฮะเร (Senjogahara) ด้วยสิถึงจะครบสูตร! ที่นี่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำกว้างๆ ที่ตั้งอยู่ข้างหลังน้ำตกริวสุ เหมาะสำหรับการไปสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชนิด ที่นี่มีพันธุ์พืชมากถึง 350 ชนิด และมีนกป่านานาพันธุ์ให้เราได้ไปแอบส่อง แอบถ่ายรูปอีกต่างหาก!

15. Road of Laputa, Kumamoto

ใครที่เป็นสาวก Studio Ghibli ต้องเดินทางไปที่ Road of Laputa เส้นทางบนภูเขา Aso ในจังหวัดคุมาโมโต้ มาสัมผัสความสวยงามของแท้ที่ไม่แพ้ในหนังเรื่อง Laputa เลยสักนิด ขับรถลัดเลาะไปตามไหล่เขาที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ ชมทัศนียภาพที่สวยแปลกตา ยิ่งวันไหนที่มีหมอกหน่อยๆ คือฟินมาก ใครที่อยากตามไปต้องระวังหินถล่มในช่วงวันฝนตกและลมแรงให้ดี

16. Mt. Aso, Kumamoto

ฟิตร่างกายให้พร้อม แล้วขึ้นไปถ่ายรูปๆ ที่ปากปล่องภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและตลบอบอวลด้วยควันสีขาวที่ Mt. Aso ในจังหวัดคุมาโมโต้ ภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่สูง 1,592 เมตรจากระดับน้ำทะเล ประกอบด้วย 5 ยอดเขาด้วยกัน แต่เหลือเพียงแค่ปล่องภูเขาไฟ Nakadeke เท่านั้นที่ยังคงครุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา และเป็นเส้นที่นักเดินป่าให้ความนิยมอย่างมากอีกด้วย หากใครที่สนใจไปแนะนำให้เช็กวันเปิด-ปิดให้ดีจะได้ไม่เสียเที่ยว เพราะหากมีระดับก๊าซสูง จะมีอันตรายต่อร่างกายและไม่เปิดให้ขึ้นไปเยือนเด็ดขาด!

17. Mt. Kinpu

ปีนเขาขึ้นไปชมวิวสวยสุดอลังที่ Mt. Kinpu ภูเขาชื่อดังที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาโคอุจิจิที่กินพื้นที่ 2 จังหวัดด้วยกัน ได้แก่ ยามานาชิ และนากาโน่ โดยชื่อของภูเขานี้จะถูกเรียกแตกต่างกัน ถ้าเป็นจังหวัดยามานาชิจะเรียกว่า คิมปุซัน ส่วนนากาโน่เรียกว่า คิมโปซัน โดยที่ภูเขาแห่งนี้ต้องใช้เวลาในการปีนถึง 7 ชั่วโมงกว่าจะเห็นวิวสวยๆ แบบพาโนรามา สวยหยดย้อยชนิดที่เรียกว่าห้ามพลาดเด็ดขาด!

18. Kerama Islands, Okinawa

ปีนเขากันจนสะใจแล้ว มาดำน้ำกันบ้างดีกว่า เดินทางมาที่ หมู่เกาะเคะระเมะ (Kerame Island) ในโอกินาว่า ประกอบด้วยเกาะโทะคะชิกิ เกาะซะมะมิ เกาะอะกะ และเกาะนะกันนุ ซึ่งต้องบอกเลยว่าแต่ละเกาะนั้นอัดแน่นไปด้วยธรรมชาติและชายหาดสวยๆ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำสนุกๆ อย่าง Scuba Diving, Snorkeling และอื่นๆ อีกมากมายรอเราอยู่

19. Ishigaki Island, Okinawa

มาต่อกันที่อีกหนึ่งเกาะสวยสวรรค์สร้างสุดๆ กันที่ เกาะอิชิงากิ (Ishigaki Island) เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยจุดชมวิวสวยๆ และมีแนวปะการังหลายแห่ง รวมถึงหาดทราย และหาดหิน ดังนั้นมาเที่ยวที่เกาะอิชิงากิแห่งนี้คุ้มค่าแน่นอน เพราะสามารถว่ายน้ำได้ ดำน้ำสนอร์คเกิลได้ ดำน้ำแบบสคูบ้าไดฟ์ก็ได้ แถมยังมีเรือท้องกระจกให้ล่องไปตามอ่าวคาบิระได้ด้วย!

20. Miyako Island, Okinawa

และปิดท้ายด้วยการมาดำน้ำกันต่อที่เกาะมิยาโกะ (Miyako Island) เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโอกิน่าว่า โดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นไร่อ้อย มีเมืองสำคัญคือเมืองฮิราร่า (Hirara) เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์เปิดให้บริการ ส่วนความสวยของเกาะมายิโกะนั้นบอกเลยว่าดีงามสุดๆ ท้องทะเลสีฟ้าและหาดทรายสีขาว และสามารถดำน้ำได้ทั้งแบบสคูบ้า และแบบสนอร์คกลิ้งเลยด้วย!

จัดเต็มกันแบบจุกๆ ไปเลยสำหรับทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ กับสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่สายลุยทั้งหลายต้องมาให้ได้! ใครที่ฟิตร่างกายพร้อมแล้วก็เตรียมตัวจองตั๋วเครื่องบินมาเปิดประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นครั้งใหม่กับ Traveloka กันดีกว่า ธรรมชาติสวยๆ ชวนฝันของประเทศญี่ปุ่นรอคุณอยู่!

เช็กราคาและจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยว ญี่ปุ่น กับ Traveloka

บทความแนะนำ

ฉลอง 13 ปี Traveloka ปลดล็อคโปรโรงแรม ลดใหญ่สุดในปีนี้ จองโรงแรมผ่าน Traveloka รับส่วนลดจัดเต็ม

25 Feb 2025 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 13 นาที

15 พิกัดที่เที่ยวเมืองหนาวในต่างประเทศสุดโรแมนติก ชวนให้ไปเช็กอิน

02 Jun 2024 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที

14 ที่เที่ยวหัวหิน เที่ยวได้ฟิน ๆ ทั้งกลางวัน - กลางคืน

02 Jun 2024 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที

แจกพิกัด 15 ที่เที่ยวน้ำตกสวย ๆ ทั่วไทย เติมพลังใจในหน้าฝน

01 Jun 2024 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที

10 ที่เที่ยวเพชรบุรีน่าเช็กอิน ที่ไม่ได้มีแค่ชะอำ

31 May 2024 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที

ชวนเพื่อนด่วน ! รวม 10 ที่เที่ยวสุดเปรี้ยวกับชาวแก๊งค์ มันส์ยกก๊วน

31 May 2024 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร