ทริปนี้เราจะพาไปขับรถชม 6 วิว ในระยะเวลา 6 วันกันที่ประเทศโอมาน อย่าเพิ่งสงสัยว่าโอมานมีอะไร ที่แน่ๆ คือไม่มีนาธานนะจ๊ะ
โอมานเป็นประเทศในแถบตะวันออกกลางที่อยู่ติดกับดูไบ มีสภาพภูมิประเทศหลากหลายทั้งทะเลทราย โอเอซิส ภูเขา หลุมน้ำจากธรรมชาติ และก็ยังมีสิ่งปลูกสร้างอีกมากมายที่น่าสนใจ ทั้งเมืองเก่า เมืองใหม่ มัสยิดเอย ป้อมปราการเอย พอพูดแบบนี้หลายคนคงคิดว่าโอ้ยแพงแน่ๆ แต่เราบอกได้เลยว่าวิวและประสบการณ์ที่ได้มาคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปไม่ถึงสามหมื่นบาทไทย
ขอพูดถึงการเดินทางก่อนแล้วกัน
การเดินทางจากกรุงเทพฯ เราบินโดยสายการบินไทย จุดหมายเราคือเมืองมัสกัตซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศโอมานและจะเป็นจุดเริ่มต้นโร้ดทริปของเราด้วย การเดินทางใช้เวลารวมประมาณ 7 ชม. โดยมีจุดแวะพักที่ปากีสถาน เราจองตั๋วเครื่องบินผ่าน Traveloka จริงๆ มีสายการบินอื่นที่บินตรงด้วยนะ ใครสะดวกอันไหนก็ลองเข้าไปดูที่หน้าเว็บได้เลย
เช็คราคาตั๋วการบินไทยไปโอมาน ที่ Traveloka คลิกที่นี่
การเดินทางภายในประเทศ เราเช่ารถและขับกันเอง ที่เที่ยวที่เราจะไปในแต่ละเมืองนั้นสามารถขับเป็นวงกลมและกลับมาที่เมืองมัสกัตได้เลย ส่วนถนนหนทางที่นี่ก็ขับง่ายมาก วิวระหว่างทางก็งาม ใครที่ไม่แข็งเรื่องเส้นทางก็ไม่มีวันหลง เพราะเขามีถนนหลักเส้นเดียวจ้า
วีซ่าประเทศโอมาน สามารถทำ Visa on arrival ได้เลยสะดวกมากๆ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวผู้หญิงอาจจะต้องเตรียมหลักฐานไปเยอะหน่อยนะ เพราะเขาค่อนข้างจะเข้มงวด กลัวว่าเราจะเข้าไปทำงานผิดกฎหมายที่ประเทศเขา ลืมบอก ว่าสมาชิกของทริปนี้เป็นหญิงล้วน 6 คน แต่เราก็รอดมาได้ค่ะ
ความปลอดภัย บอกเลยว่าคนโอมานใจดีมากๆ ทุกคนชวนคุยอย่างเป็นมิตรแถมยังแนะนำที่เที่ยวใหม่ๆ ให้เราอีกต่างหาก ทริปนี้รถพวกเรายางแตก ตอนแรกเราแตกตื่นมาก แต่คนโอมานแถวนั้นก็มาช่วยพวกเราเปลี่ยนล้อ รุมรถเรากันเกือบสิบคน มีน้ำใจฝุดๆ
เข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวกันดีกว่า
คืนแรกพักกันที่ Eastin residences Muscat เนื่องจากเราถึงมัสกัตในตอนกลางคืน ทำให้เราตัดสินใจเก็บมัสกัตไว้เที่ยววันสุดท้าย เช้าวันถัดไปเราเลยขับรถออกมาจากเมืองเพื่อไปสถานที่ท่องเที่ยวแรกกัน ก่อนจะถึงที่แรกก็เจอวิวข้าง ทางที่สวยมากๆ แล้วโอ้ย ไปดูวิวกัน
ที่แรกที่เราแวะไปคือเขื่อนที่ชื่อว่า Wadi Dayqah Dam เป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโอมานสามารถขับรถเข้าไปเพื่อจอดชมวิวจากสันเขื่อนได้เลย
ออกจากเขื่อนก็ต้องขอแวะเติมน้ำมันสักหน่อย วิวข้างปั๊มยังสวยเลยยย แถมปั๊มที่นี่ก็สะอาดมากๆ
ถัดจากเขื่อนเรามุ่งหน้าไปสถานที่ต่อไปที่ชื่อว่า Bimah Sinkhole เป็นหลุมน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ คนโอมานเชื่อกันว่าเป็นเพราะมีดาวตกลงมาบนโลกทำให้เกิดหลุมนี้ขึ้นมา ที่นี่เขาเปิดให้ลงเล่นน้ำได้นะ แต่พวกเราขอเก็บเนื้อเก็บตัวไว้ไปเล่นน้ำที่โอเอซิสดีกว่า
และแล้วก็มาถึง Wadi Shab รู้จักโอเอซิสจากในการ์ตูนมาตั้งนานพึ่งเคยมาเห็นของจริง ดีงามจนอยากจะเป็นลม ที่นี่เราต้องนั่งเรือข้ามฟากสามนาที เดินเท้าเข้าไปอีกครึ่ง ชม. และที่จะว่ายน้ำเข้าไปในถ้ำ เบ็ดเสร็จใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 4 ชั่วโมง และขับรถต่อไปนอนในเมือง Sur คืนนี้เราพักที่ Al Faisal Hotel Suites
Sur เป็นเมืองที่อยู่ติดกับทะเล เช้าวันนี้เราจึงเริ่มต้นด้วยการปีนเขาขึ้นไปดูวิวเมืองแบบ 360 องศา ดีงามอีกแล้ว ดีขนาดตายตาหลับละ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นวิวที่สวยขนาดนี้ ใครมา Sur แล้วไม่ขึ้นมาบนนี้นะ ถือว่ามาไม่ถึง
นี่คือที่ที่พวกเราปีนป่ายขึ้นไปชมวิวกัน ทางเดินขึ้นไม่ยาก ในส่วนที่ชันหน่อยก็มีบันไดให้เรียบร้อย ดีงามมม คุ้มค่ากับวิวที่ได้เห็น
ลงมาจากเขา เราก็ขับต่อไปยัง Wahiba Sands แต่เนื่องจากมันเป็นทะเลทราย เราเลยต้องไปจอดรถที่ปั๊มและให้คนจากที่พักขับมารับเราเพื่อเข้าไปพักที่ Sama Wasil Camp ที่นี่มีกิจกรรมให้เราเลือกทำหลายอย่าง ทั้งขี่อูฐ ขึ้นเครื่องบิน หรือเล่น Sand board สำหรับคนใสๆ แบบพวกเรานั้น ก็เลือกแค่ปีนขึ้นทะเลทรายไปเพื่อเล่น Sand board แล้วดูพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้นแหละ ไม่อยากจะพิมพ์คำนี้ แต่มันดีงามจริงๆ หลังจากกลับลงมา ก็มีบุฟเฟต์เป็นอาหารเย็น และมีเนื้ออูฐให้เราได้ลองชิม แต่ใครที่ไม่สันทัดกับการกินอูฐไม่ต้องตกใจ มีเนื้อไก่ด้วยจ้า ก่อนนอนก็ไปนั่งปิ้งมาร์ชเมลโล่ ชมจันทร์ชมดาวกันสวยๆ
Day 4 วิวเมืองเก่า: Wahiba Sands – Nizwa Fort
ตื่นเช้ามาเช็คอินกับที่พักสักหน่อย ที่พักเราได้อารมณ์ตะวันออกกลางมากๆ ก่อนจะออกจากทะเลทรายพี่เขาก็พาพวกเราไปชมอูฐ และปิดด้วยการซิ่งรถลงจากเนินทะเลทรายอันสูงใหญ่ที่เรียกว่า Dune bashing โอ้โห หัวใจจะวาย
ภาพที่พักของพวกเราในทะเลทรายจากมุมสูงจ้าา
นี่พี่คนขับรถของพวกเราแอบนั่งชมวิวเพลินๆ และเนินนี้แหละคือเนินที่พี่เขาขับรถพาพวกเราเล่นกิจกรรม Dune bashing… สูงมากจริงๆ
กลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริง จุดหมายถัดไปคือการตะลุยชมเมืองเก่า คือ Nizwa ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่รองลงมาจาก Muscat เราขับรถไปที่ป้อมปราการในเมืองก่อน เรียกว่า Nizwa Fort สวยมาก ไม่เชื่อต้องไปดูรูป แล้วคืนนี้เราจะนอนกันที่ Safari Hotel แต่ก่อนนอนก็ไปทำตัวเป็นชาวเมืองเดินซื้อของกินที่ตลาดกันก่อนแล้วค่อยเข้านอน
Day 5 วิวเมืองเก่าและภูเขา: Bahla Fort – Jebal Sham – Muscat
เช้านี้เรายังตามหาป้อมปราการต่อไป เราขับรถไปที่ Bahla Fort ที่นี่สวยงามอลังการไม่แพ้ Nizwa Fort เลย ที่นี่ถูกจารึกไว้ใน World heritage list ว่าเป็นป้อมที่ใหญ่และเก่าที่สุดในโอมาน เราเจอกลุ่มน้องๆ มาทัศนศึกษากันด้วยนะ
เราออกมาจาก Bahla เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ไปต่อกันที่ภูเขาที่ชื่อว่า Jebal Sham ทางที่ขับขึ้นไปอาจจะคดเคี้ยวนิดนึง ต้องระวังกันดีๆ แต่วิวที่เจอคือคุ้มสุดยอด สวยอย่างกับแกรนด์แคนยอน ดีงาม ดีงามในทุกๆ วัน ฮือ
วันนี้วันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว เมื่อคืนเรากลับเข้ามานอนในมัสกัตกันที่โรงแรมเดิม Eastin residences Muscat วันนี้เราเลยมีเวลาเที่ยวในเมืองกันทั้งวันก่อนที่จะเตรียมตัวกลับในตอนเย็น
เช้ามาต้องรีบตื่นไปเข้ามัสยิดกันก่อนเลย เพราะเขาปิดเร็ว ที่นี่มองไปทางไหนก็เป็นสีครีมและสีชมพู สวยงามอลังการและน่ารักมุ้งมิ้งไปในเวลาเดียวกัน
ออกมาเกือบเที่ยง เราเลยไปหาอาหารกลางวันทานกันที่ร้าน Kargeen Café บังเอิญเจอร้านนี้จากในอินเตอร์เน็ต บรรยากาศดี อาหารอร่อย แถมผ่อนคลายด้วยชิชาผลไม้ อื้อหือ ฟินนนนน
ตกบ่าย เราไปเดินห้างในมัสกัตทำตัวเหมือนคนที่นี่อีกแล้ว ซูเปอร์มาร์เก็ตที่นี่ใหญ่โตมาก เราซื้อขนมและของกินจากที่นี่แหละกลับไปฝากคนที่บ้าน ก่อนจะเดินทางไปสนามบินเพื่อบินกลับไทยด้วยสารการบินไทยเหมือนเดิม
ทั้งหมดทั้งมวนที่เล่ามานี้ อย่างที่บอกไปตอนต้นเราหมดกันไปไม่เกินสามหมื่น ทั้งนี้เพราะค่าครองชีพและค่าตั๋วที่ไม่ได้แพง เมื่อแลกกับวิวที่ได้มา โอมานเลยกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ติดอันดับในใจเราเลย ใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ เราบอกได้เลยว่าที่นี่จะสนองความต้องการของคุณได้ดีเลยแหละ