ค้นหาตั๋วราคาถูก และโปรโมชั่นของรอแยลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunai)

สายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) (รหัส IATA: BI) เป็นสายการบินประจำชาติของบรูไนดารุสซาลาม ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 1974 สายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ให้บริการเที่ยวบินจากบันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan) เมืองหลวงของบรูไนดารุสซาลาม โดยสำนักงานใหญ่และฮับของสายการบินตั้งอยู่ที่สนามบินนานาชาติบรูไน สายการบินแห่งนี้ดำเนินงานโดยรัฐบาลบรูไนดารุสซาลาม โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีบาห์ริน บิน อับดุลลาห์ (Bahrin Bin Abdullah) เป็นประธานกรรมการ ปัจจุบันสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ให้บริการเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ 16 แห่ง ด้วยความมุ่งมั่นในการให้บริการที่ดีที่สุดแก่ผู้โดยสาร สายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย นับตั้งแต่ปี 2542 ถึง 2543 สายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ได้รับรางวัลในฐานะสายการบินชั้นนำที่ให้บริการชั้นเฟิร์สคลาสยอดเยี่ยมของโลก และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย เช่น รางวัลสายการบินชั้นนำที่มีชั้นธุรกิจดีที่สุดของเอเชีย ปี 2554 และรางวัลผู้นำที่นั่งโดยสารชนิดปรับราบที่ดีที่สุดของเอเชีย ในปี 2548 และในปี 2558 สายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ได้รับรางวัลนวัตกรรมสื่อโฆษณายอดเยี่ยม และรางวัลบทความดีเด่นแห่งปีในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ความสำเร็จครั้งนี้ได้ดึงดูดผู้ประกอบการด้านอาหาร การเดินทาง และบล็อกเกอร์งานวิวาห์จำนวนมากให้มาที่บรูไนดารุสซาลาม บล็อกเกอร์เหล่านี้ได้จัดทำบันทึกการเดินทางระหว่างที่อยู่ในประเทศรวมถึงการเดินทางโดยสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ซึ่งเปิดโอกาสใหม่สำหรับสายการบินในการขยายเครือข่ายเที่ยวบิน สายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ไม่เพียงแต่ได้รับรางวัล แต่ยังมอบรางวัลตอบแด่ผู้โดยสารอุปการะคุณด้วยโปรแกรมสะสมคะแนนที่เรียกว่า รอยัลสกายส์ (Royal Skies) สมาชิกรอยัลสกายส์ทุกท่านสามารถรับคะแนนสะสมจากทุกเที่ยวบินของสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับที่แตกต่างกัน คือ บัตรน้ำเงิน (Blue) บัตรเงิน (Silver) และบัตรทอง (Gold) ซึ่งสถานภาพสมาชิกบัตรรอยัลสกายยังคงอยู่ หากมีกิจกรรมอย่างน้อยหนึ่งรายการที่บันทึกไว้ในบัญชีของสมาชิกภายในระยะเวลา 3 ปี สมาชิกยังสามารถรับไมล์สะสมเพิ่มเติมจากการใช้บริการของพันธมิตรของรอยัลสกายส์ เช่น ธนาคาร ร้านอาหาร การเช่ารถยนต์และโรงแรม โดยไมล์สะสมสามารถแลกเป็นตั๋วเครื่องบินฟรี การอัพเกรดที่นั่งชั้นโดยสาร การเพิ่มน้ำหนักสัมภาระพิเศษ รวมถึงการเข้าใช้พื้นที่ของห้องรับรองสกายเลาน์จ (Sky Lounge) อีกด้วย เคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ทุกแห่งเปิดให้บริการ 3 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทางยกเว้นสนามบินในเมืองโคตาคินาบาลู และสุราบายา ซึ่งเคาน์เตอร์เช็คอินเปิดให้บริการก่อนเวลาออกเดินทาง 2 ชั่วโมง ซึ่งโดยปกติเคาน์เตอร์เช็คอินปิดให้บริการ 45 นาที ก่อนเที่ยวบินตามกำหนด แต่ที่สนามบินในเจดดาห์และลอนดอน เคาน์เตอร์เช็คอินปิดให้บริการเร็วขึ้น 15 นาที สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ เคาน์เตอร์เช็คอินในสนามบินเจดดาห์ปิดให้บริการ 2 ชั่วโมง ก่อนกำหนดการเดินทาง ผู้โดยสารที่เดินทางกับสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ได้รับอนุญาตให้นำสัมภาระขึ้นเครื่องและสัมภาระติดตัวไปได้ ผู้โดยสารชั้นประหยัดได้รับอนุญาตให้นำสัมภาระขึ้นเครื่องหนึ่งใบไม่เกิน 7 กิโลกรัม และเช็คอินสัมภาระ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 23 กิโลกรัม ขณะที่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจจะได้รับอนุญาตให้นำสัมภาระ 2 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม กระเป๋าถือหรือกระเป๋าเดินทางที่มีน้ำหนักสูงสุด 5 กิโลกรัม และสัมภาระเช็คอิน น้ำหนักสูงสุด 40 กิโลกรัม ผู้โดยสารทุกชั้นได้รับอนุญาตให้นำอาหารทารกขึ้นเครื่องได้ 5 กิโลกรัม ชณะที่นักเรียนที่เดินทางกับสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ ( Royal Brunei Airlines)จะได้รับอนุญาตเพิ่มน้ำหนักสัมภาระได้อีก 15 กิโลกรัม

แม้สายการบินจะก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 1974 แต่สายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ไม่ได้เปิดให้บริการจนถึงปี 1975 ในขณะนั้นสายการบินมีเครื่องบินโบอิ้ง 737-200 เพียง 2 ลำ เท่านั้น โดยให้บริการเที่ยวบินไปยัง 4 จุดหมายปลายทาง ได้แก่ โคตาคินาบาลู สิงคโปร์ กูชิง และ ฮ่องกง จนกระทั่งในอีกหนึ่งปีต่อมา สายการบินได้เปิดเส้นทางใหม่สู่กรุงมะนิลา สายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ ( Royal Brunei Airlines) ยังได้เปิดตัวเส้นทางบินใหม่สู่กรุงเทพฯ ในปี 2520 ด้วยการซื้อเครื่องบินโบอิ้งใหม่ในปี 2526 และสายการบินได้เพิ่ม 2 เส้นทางบินสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์และเมืองดาร์วิน การได้รับเอกราชจากอังกฤษของบรูไนดารุสซาลามส่งผลกระทบต่อสายการบินอย่างมีนัยสำคัญ จากปี 2523 ถึง 2533 มีการเปิดเส้นทางใหม่มากมาย รวมถึงจาการ์ตา ซึ่งเชื่อมโยงเมืองหลวงทั้ง 5 ของอาเซียนในเวลานั้นอีก 4 เส้นทาง ได้แก่ สิงคโปร์ กรุงเทพฯ กัวลาลัมเปอร์ และมะนิลา ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ ( Royal Brunei Airlines) ก็ขยายเครือข่ายไปยังดูไบและยุโรป ซึ่งรวมถึงแฟรงค์เฟิร์ตและลอนดอน ซึ่งจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนเครื่อง ในปี 2534 ได้มีการเปิดเส้นทางการบินใหม่ไปยังเมืองเพิร์ท และเจดดาห์ด้วย ในช่วงแรกของการให้บริการของสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) มีประสบการณ์ในการดำเนินงานที่ไม่ได้ผลกำไร เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวทางสายการบินจึงได้เริ่มทำการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในปี 2546 โดย มิสเตอร์ปีเตอร์ ฟอสเตอร์ ในฐานะซีอีโอของสายการบินได้ทำการแลกเปลี่ยนโบอิ้ง 767 จำนวน 6 ลำเป็นเครื่องบินลำตัวแคบใหม่ 15 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้าง 8 ลำ เมื่อเครื่องบินลำใหม่มาถึงสายการบินก็เช่าเครื่องบินลำเก่า ส่วนเครื่องบินลำใหม่ถูกนำมาให้บริการในเส้นทางใหม่สู่เมืองโอ๊คแลนด์ของนิวซีแลนด์ ในปี 2546 ในปีเดียวกันสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines)ได้ทำการเปิดตัวโปรแกรมสะสมไมล์ที่เรียกว่า รอยัลสกายส์ (Royal Skies) ในปี 2547 สายการบินเริ่มทำการดัดแปลงเครื่องบินโบอิ้ง 767 ที่นั่งแบบเดิมของชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ Sky Luxe ถูกแทนที่ด้วยที่นั่งแบบ Sky Dreamer มีการติดตั้งจอภาพขนาด 8.4 นิ้ว ในที่นั่งชั้นประหยัดทุกที่นั่ง ในขณะเดียวกันเส้นทางที่ไม่คุ้มทุน ซึ่งรวมถึงไทเป กัลกัตตา และกูชิง ถูกระงับไปในปี 2547 เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามเส้นทางซิดนีย์ก็ถูกเพิ่มเข้ามาในเครือข่าย การเกิดขึ้นของสายการบินต้นทุนต่ำใหม่ๆ นับเป็นความท้าทายใหม่สำหรับสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายนี้สายการบินจึงได้เปิดตัว Blue Sky Fares ซึ่งเป็นบริการจองตั๋วทางอินเทอร์เน็ตราคาประหยัด โดยเสนอราคาตั๋วโดยสารชั้นประหยัดที่ถูกกว่าในจุดหมายปลายทางที่เลือกไว้ ตลอดปี 2543-2554 สายการบินรอยัล บรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ได้เพิ่มเส้นทางการบินใหม่เพื่อดึงดูดผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ทางสายการบินยังให้บริการเที่ยวบินต่อไปยังบางเส้นทางที่ถูกระงับไปก่อนหน้านี้ เช่น กูชิง ในขณะเดียวกันก็ได้เปิดตัวเส้นทางใหม่ เช่น เซี่ยงไฮ้ โฮจิมินห์ และเมลเบิร์น สำหรับโครงการต่อไปนั้นสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ได้มุ่งเน้นไปที่การให้บริการเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางในภูมิภาคและระหว่างประเทศ เพื่อปรับปรุงคุณภาพรวมถึงสถานะทางการเงินในปี 2556 สายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ได้เช่าเครื่องบินโบอิ้งและแอร์บัสใหม่เพิ่มอีก 7 ลำ ในขณะที่ได้ตัดสินใจหยุดเส้นทางการบินไปเมืองโอ๊คแลนด์ เพิร์ธ บริสเบน กูชิงและโฮจิมินห์ นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2517 สายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) ได้แต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดหลายคน ผู้รับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดตั้งแต่ 2554 ถึงมีนาคม 2559 คือ เดอร์มอท แมนเนียน ซึ่งครบวาระ 5 ปี ในเดือนมีนาคม 2559 และผู้ได้รับตำแหน่งต่อคือ คาราม แชนด์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์และวางแผนของสายการบินรอยัลบรูไนแอร์ไลน์(Royal Brunei Airlines) เมื่อเดือนสิงหาคม 2555