จำนวนที่พักทั้งหมด | 82 แห่ง |
เมืองยอดนิยม | ในเมือง, แจระแม |
โรงแรมยอดนิยม | Centara Ubon , Sunee Grand Hotel&Convention Center |
แลนด์มาร์คยอดนิยม | สนามบินนานาชาติอุบลราชธานี (UBP), วัดทุ่งศรีเมือง |
เมืองน่าเที่ยว ใน อำเภอเมืองอุบลราชธานี มี อำเภอเขมราฐ, อำเภอโขงเจียม, อำเภอพิบูลมังสาหาร, อำเภอวารินชำราบ, อำเภอสิรินธร, อำเภอโพธิ์ไทร, อำเภอสว่างวีระวงศ์, อำเภอตระการพืชผล, อำเภอนาตาล
ที่พักยอดนิยมที่มักถูกจองโดยนักท่องเที่ยว คือ Centara Ubon , Sunee Grand Hotel&Convention Center, Arista Hotel Ubon, A+Hotel Ubon Ratchathani, Yuu Hotel Ubon Ratchathani (Adult Only), De Lit , Nartsiri Hotel, Jatuporn Mansion Ubon , Chatsuree Boutique Resort , The Regent Hotel Ubon Ratchathani
ปัจจุบัน มีโรงแรมจำนวน 82 ที่คุณสามารถจองได้ที่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี
อุบลราชธานี ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างซึ่งตั้งอยู่บริเวณ “แอ่งโคราช” สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 68 เมตร โดยมีแม่น้ำโขงเป็นแนวเขตกั้นระหว่างจังหวัดอุบลลราชธานีและลาว อุบลนธานีเป็นจังหวัดที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นจังหวัดแรก เพราะตั้งอยู่บริเวณสุดตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หากใครต้องการที่จะชมพระอาทิตย์แรกแนะนำให้มาเที่ยวที่จังหวัดอุบลราชธานีแห่งนี้ ซึ่งมีที่พักมากมายให้ได้เลือกพักอย่างหลากหลาย ทั้ง โรงแรม รีสอร์ท โฮสเทล การมาเที่ยวที่จังหวัดอุบลราชธานีไม่ได้มีเพียงแค่ชมพระอาทิตย์แรกเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย แต่ที่โดดเด่นคือ เที่ยวในเชิงธรรมชาติ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุบลราชธานี เป็นป่า ทั้งป่าดงดิบ ป่าแดง ป่าผสม อีกทั้งยังมีพื้นที่ติดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล แม่น้ำชี แม่น้ำโขงด้วย ทำให้ที่จังหวัดนี้จึงเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์
ในอดีตอุบลราชธานี เคยมีชื่อว่า “เมืองอุบล” โดยมีผู้ก่อตั้งเมืองนี้ นามว่า พระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าตาและเจ้านางบุศดี และเมื่อปี พ.ศ. 2319 ที่เมืองอุบลเกิดมีน้ำท่วมใหญ่ เจ้าคำผงจึงอพยพผู้คนไปอยู่ที่ดอนห้วยแจระแม (ปัจจุบัน คือบ้านท่าบ่อ) รอจนน้ำลด จากนั้นจึงหาทำเลที่ตั้งเมืองใหม่ที่ตำบลบ้านร้าง เรียกว่า ดงอู่ผึ้งริมฝั่งแม่น้ำมูลซึ่งเป็นที่ตั้งของ “จังหวัดอุบลราชธานี” ในปัจจุบัน โดยตั้งขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2320 พร้อมกับได้สร้างพระอารามหลวงขึ้นเป็นวัดแรก
เนื่องจากพื้นที่เป็นที่ราบสูงและส่วนใหญ่ก็เป็นป่า ต้นไม้ และแม่น้ำ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสดชื่น ในช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคมเป็นช่วงเวลาของความชุ่มฉ่ำแห่งสายฝน จากนั้นก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิจะลดลงในเดือนพฤศจิกายนจนถึงมกราคม ในช่วงที่อุณหภูมิลดลงที่อุบลราชธานีจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ต่างก็มาเพื่อสัมผัสอากาศที่เย็นสบายและได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์อย่างเต็มปอดเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เองทำให้จังหวัดอุบลราชธานีจึงมีที่พักที่ใกล้ชิดธรรมชาติและที่พักติดริมน้ำเป็นจำนวนมาก
โรงแรมศรีอิสาณคือ ที่พักอุบลราชธานีโรงแรม 3 ดาวที่ตั้งอยู่ในเมืองไม่ไกลจากตลาดโต้รุ่ง ใกล้แม่น้ำมูล และใกล้แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อีกมากมาย การเดินทางสะดวกสบาย อีกทั้งยังไม่ไกลจากท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี หากมีงบไม่มากแต่ต้องการบริการที่เปี่ยมล้น ห้องกว้างขวาง สะอาด พักแล้วสบายใจ ต้องการความประทับใจ โรงแรมศรีอิสาณ คือสิ่งที่คุณตามหาอยู่
ทอแสงโขงเจียม รีสอร์ท อากาศดีมากเนื่องจากพื้นที่รอบๆ เต็มไปด้วยต้นไม้และติดแม่น้ำ ตกแต่งรีสอร์ทได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติด้วยการผสมผสานของ 3 ชาติเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้ง ไทย ขอม และบาหลี ซึ่งมีห้องให้เลือกมากถึง 55 ห้อง สูง 3 ชั้น อีกทั้งยังมีวิลล่าอีก 4 หลังเพื่อให้แขกผู้เข้าพักได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย
หากต้องการความร่วมสมัยที่พักอุบลราชธานีก็มีให้เช่นกัน V Hotel Ubon Ratchathani ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองและอยู่ติดริมถนนทำให้การเดินทางสะดวกสบาย ที่สำคัญโรงแรมค่อนข้างมีพื้นที่เยอะดังนั้นหากคุณขับรถมาพักที่นี่ก็รับประกันว่ามีที่จอดรถแน่นอน ส่วนเรื่องความอำนวยความสะดวกมีให้อย่างครบครัน ห้องพักก็กว้างขวาง สะอาด โปร่งโล่ง มีที่พักมากกว่า 70 ห้อง
มีเที่ยวบินจาก
มีรถโดยสารจากกรุงเทพฯไปจังหวัดอุบลลราชธานีทุกวันเป็นจำนวนมาก โดยสามารถขึ้นรถโดยสารได้ที่หมอชิต 2 ส่วนรถโดยสารที่ให้บริการมีทั้ง สมบัติทัวร์, นครชัยแอร์, เชิดชัยทัวร์ เป็นต้น โดยค่าโดยสารเฉลี่ยประมาณ 400-800 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง
ระยะทางจากรุงเทพฯ ไปอุบลราชธานี ประมาณ 600 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมงหน่อยๆ โดยใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งตรงสู่สระบุรีจากนั้นเลี้ยวขวาเพื่อเข้าถนนมิตรภาพ-ปากช่อง (ทางหลวงหมายเลข 2 ) เมื่อถึงสี่คิ้วให้เลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าสู่ถนนปักธงชัย โชคชัย อุบลราชธานี (ทางหลวงหมายเลข 24) ผ่านนางรอง ไปจนถึงปราสาท ให้เลี้ยวซ้ายไปสู่ถนน
จากท่าอากาศยานอุบลราชธานี จะมีรถส่งแทกซี่คอยอยู่บริเวณหน้าอาคาร ซึ่งแทกซี่เป็นมิเตอร์วิ่งตามราคามิเตอร์หากเข้าเมืองค่าใช้จ่ายไม่เกิน 80 บาท แต่หากต้องการความสะดวกสบายก็สามารเช่ารถเดินเองได้ เส้นทางในจังหวัดอุบลราชธานีไม่ซับซ้อนขับรถเที่ยวเองสนุกและปลอดภัย
หรือที่คุ้นเคยกันว่า “น้ำตกลงรู” ที่นี่อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีสายน้ำไหลผ่านหน้าผาที่มีรูขนาดกว้างใหญ่ลงสู้แอ่งน้ำบริเวณรอบๆ มีความอุดมสมบูรณ์ทั้ง โขดหินน้อยใหญ่ ต้นไม้ ดอกไม้หลากหลายพันธุ์ ให้ความสดชื่นชุ่มฉ่ำแก่นักท่องเที่ยว พื้นที่นี้สามารถตั้งแคมป์ได้ และเที่ยวชมความงามของน้ำตกแสงจันทร์ได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่จะได้เห็นน้ำตกสวยที่สุดคือ ช่วงใกล้เที่ยง แสงและน้ำตกจะผสานลงมาผ่านรูเป็นแสงสวยงามซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแสงจันทร์
วันและเวลาเปิดทำการ: ทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม : สำหรับคนไทย เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท / สำหรับชาวต่างชาติ เด็ก 200 บาท ผู้ใหญ่ 400 บาท
หรือ “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” ที่มาของชื่อ “สามพันโบก” คือเป็นร่องหิน แอ่งที่มีรูอยู่จำนวนมากกว่าสามพัน เป็นกลุ่มหินทรายที่ถูกน้ำเซาะมาเป็นเวลาหลายพันปีโดยมีความสูงประมาณ 3-7 เมตร และกว้างเกิน 10 เมตร ความสวยงามของสามพันโบกมีพื้นที่เลียบริมแม่น้ำโขงฝั่งไทย-ลาว ยาวประมาณ 5 กิโลเมตร จุดยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปคือ “ผาหินรูปสะพานโค้ง” “สระมรกต” สระน้ำกลางโบกที่ลึก 3 เมตร น้ำสีเขียวใสสวย ช่วงเดือนที่จะได้เห็นความสวยงามคือ ตุลาคม-พฤษภาคม
วันและเวลาเปิดบริการ : ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ฟรี
หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดเรืองแสง” ในยามค่ำคืนจะสวยงามเป็นพิเศษ จิตกรรมต้นกัลปพฤกษ์ที่ผนังด้านหลังโบสถ์จะค่อยมีแสงสีเขียวขึ้น เมื่อพระอาทิตย์ตกดินแสงเปล่งประกายโดดเด่นท่ามกลางความมืดรอบๆ สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวเมื่อได้มาเยือนวัดแห่งนี้ แต่หากมาในช่วงกลางวันก็สามารถชมความงามของวัดได้เช่นกัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมต้นไม้เรื่องแสงได้อย่างสวยงาม 18.00-20.00 น.
วันและเวลาเปิดบริการ : ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ฟรี
จังหวัดอุบลราชธานีจะมีงานบุญที่ยิ่งใหญ่ทุกปี คือวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา คือ เทศกาลแห่เทียนพรรษา ในงานมีขบวนแห่เทียนซึ่งต้นเทียนจะถูกแกะสลักไว้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมไหลเรือไฟในช่วงเทศกาลออกพรรษา โดยนิยมทำเรือตามรูปทรงที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา จากนั้นก็จะจุดไฟให้ลุกทั่วโครงสร้างที่ได้ทำไว้แล้วลอยที่แม่น้ำ