0

Thamonwan B

19 Aug 2020 - 5 min read

ลุยกระบี่แบบสายกิจกรรม มุดถ้ำ ดำน้ำ ขึ้นเขา แช่ออนเซ็น เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วในทริปเดียว!

เวลาใครบอกว่าจะไปเที่ยว ‘กระบี่’ เชื่อว่าร้อยละเก้าสิบก็ต้องมีภาพชายหาดขาวๆ น้ำทะเลใสๆ และการใส่ชุดว่ายน้ำเก๋ๆ ไปแหวกว่ายหรือดำน้ำดูประการังที่เรียกได้ว่าสวยขึ้นชื่อกันเป็นหลัก แล้วถ้าหากอยากหาอะไรมันๆ มากกว่านั้นทำล่ะ? กระบี่มีอะไรบ้าง? ถ้าคุณเป็นคนรักการทำกิจกรรมแบบไม่ซ้ำซาก และเบื่อมากถ้าต้องไปเที่ยวแบบนั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ นะ ตามเรามาเลย ทริปนี้คือได้พักและได้สนุกไปพร้อมๆ กันในการเดินทางแค่ครั้งเดียวนี่ละ เริ่มจากการมองหาตั๋วเครื่องบินกระบี่ราคาดีจากเว็บไซต์ Traveloka แล้วเพราะว่าครั้งนี้เราจะตระเวนหากิจกรรมทำใช่มั้ยล่ะ การเช่ารถขับเที่ยวเองเลยน่าจะทำให้เดินทางได้ง่ายและทั่วถึงมากขึ้น ซึ่งพอเช็คราคาบริการเช่ารถกับ Traveloka ดู เฮ้ยยย ราคาถือว่าโอเคเลยละ ว่าแล้วก็จองสิจ๊ะ เอาละพร้อมแล้ว สตาร์ทเลย!

รูปจาก https://web.facebook.com/BaanMaYhing/

ลงเครื่องปุ๊บ ท้องก็ร้องปั๊บ คว้ากุญแจรถได้ เราก็ตั้งพิกัดแรกไปที่ท่าเรือเจ้าฟ้าซึ่งอยู่ในตัวเมืองกระบี่ เพื่อมุ่งหน้าไปหาซีฟู้ดสดๆ กินกันที่เกาะกลาง ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองเพียงแค่นั่งเรือไป 15 นาทีเท่านั้น เกาะนี้มีร้านอาหารอยู่สองร้านที่มาในรูปแบบกระชัง นั่นก็คือร้านบ้านมะหญิง และร้านกระชังขนาบน้ำวิวซีฟู้ด ร้านแรกจะเล็กกว่านิดนึงให้บรรยากาศเหมือนมากินบ้านญาติ และมีอาหารแนวฝรั่งอย่างสเต็กหรือสปาเกตตี้ให้สั่งมาชิมกันได้ด้วย ส่วนร้านหลังจะใหญ่หน่อย ออกแนวร้านอาหารจริงจังที่มีเมนูในเลือกกันตาลาย ทั้งสองร้านเสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ไม่ต่างกัน ชอบแนวไหนลองเลือกเอา ส่วนเราเลือกร้านแรกเด้อ อ้อ … ถ้าใครอยากเที่ยวไปในตัว ก็เหมาเรือที่นั่งมาจากฝั่งนั่นละให้เค้าพาวนเที่ยวรอบๆ เกาะกลางได้ด้วยนะ แต่ครั้งนี้เรามากินเฉยๆ เพราะเดี๋ยวต้องไปต่อจ้า เอ้า จัดไป

รูปจาก https://web.facebook.com/LionandShark/

กินคาวแล้วไม่กินหวาน มันไม่ได้!! เราเลยตั้งพิกัดมุ่งหน้าไปหาของหวานแบบเป็นมิตรต่อสุขภาพกันหน่อย ที่ร้าน Lion & Shark ซึ่งเป็นคาเฟ่ลับขนาดกะทัดรัดที่มีทางเข้าเก๋ๆ ด้วยการปีนขึ้นบันไดลิง!! แต่จริงๆ แล้วไม่ปีนก็ได้นะ ทางเข้าปกติเค้าก็มี ร้านนี้มีคอนเซ็ปท์เป็นมิตรกับธรรมชาติและร่างกาย ที่นี่จึงมีกลิ่นอายของความ eco นิดๆ พร้อมเมนูที่ส่วนใหญ่เป็นอาหารซึ่งดีต่อสุขภาพ มานั่งกินสมูธตี้ผลไม้หรือของหวานรสชาติสดชื่นกัน หรือถ้าใครมองหาความอิ่มที่มากกว่านั้นก็ไปต่อได้กับสลัด แซนด์วิช หรือพิซซ่า! ขึ้นอยู่กับว่ากระเพาะคุณไหวมั้ย!

เติมท้องกันจนเต็ม ก็ได้เวลาไปตามหากิจกรรมทำกันบ้างละ จากอ่าวนางซึ่งเราไปแวะคาเฟ่เมื่อตะกี้ นั่งเรือไปประมาณ 15 นาที ก็จะถึงอ่าวไร่เลย์ ซึ่งแบ่งออกเป็นฝั่งตะวันออกและตะวันตกที่เดินถึงกันได้แต่ต้องลุยน้ำหน่อยนะ เพราะมีหน้าผาหินคั่นกลาง หรือหากไม่อยากเดินก็ใช้บริการเรือรับส่งเอาเด้อ เค้ามีอยู่ ถ้าอยากนอนชิลล์ให้ไปฝั่งตะวันตกนะ แต่ถ้าอยากแอดเวนเจอร์หาประสบการณ์ชีวิตกันหน่อยก็ต้องมาที่ฝั่งตะวันออก ตรงนี้มีเส้นทางปีนผากว่า 600 รูปแบบ ยากง่ายต่างกันไป และเราผู้ซึ่งอยากท้าทายตัวเองซักครั้งในชีวิตก็ตัดสินใจเลือกซื้อแพ็คเกจปีนผามาจากเว็บทราเวลโลก้านั่นละ ขอเลือกแบบ 4 ชั่วโมงก่อนนะ แค่ไปลองเช็คฟีลดูก่อน เช็คราคาแล้วก็ไม่ได้แพงโดดกว่าที่อื่น แถมยังมั่นใจละว่าเค้าต้องเลือกของดีมาให้ จ่ายครั้งเดียวรวมหมดทั้งค่าสอน ค่าอุปกรณ์ ผลไม้ เครื่องดื่ม แล้วยังมีรถรับส่งจากตัวเมืองให้ด้วยเด้อ ส่วนเราก็มาแค่ตัวกับหัวใจจ้ะ ที่ไร่เลย์นี่ถือว่าเป็นจุดปีนผาที่สวยที่สุดจุดหนึ่งในโลกเลยนะ แล้วช่วงที่ยังเปิดประเทศกันไม่ได้แบบนี้คือดีมาก ตรงที่คิวจะว่างไม่แน่นหนา ครูก็มีเวลาสอนให้เต็มที่ ถ้าเป็นช่วงปกตินั้นจะเห็นผู้คนนานาชาติมารวมกันอยู่ตรงนี้เต็มไปหมด ไหนๆ ก็มีที่เด็ดๆ อยู่ในบ้านเราละ ขอลองหน่อยน่า ก่อนที่จะแก่กว่านี้แล้วได้แต่แหงนหน้ามอง!!!

รูปจาก https://web.facebook.com/LaeLayGrill/

หลังจากออกแรงกายท้าทายสังขารกันมาอย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ต้องใช้ความเหนื่อยยากนี่ละ เป็นข้ออ้างในการหาของอร่อยกินให้รางวัลชีวิตกันซะหน่อย เล็งไปเล็งมาก็มาเห็นว่าร้าน Lae Lay Grill นี่ละเหมาะมากกกก เพราะนอกจากจะอยู่ในย่านอ่าวนางซึ่งเราไม่ต้องขับรถไกลแล้ว ที่นี่ยังเป็นร้านแบบโอเพ่นแอร์ซึ่งตั้งอยู่บนเขา มองลงมาเห็นวิวมุมสูงของทะเล บ้านเรือน และภูเขาหินปูนแปลกตาที่รายล้อมอยู่ ราคาก็ไม่ได้ถึงกับถูกมากกกหรอกนะ แต่เมื่อเห็นหน้าตาอาหาร วัตถุดิบที่สดใหม่ กับบรรยากาศได้ใจแบบนี้ ก็โออ่ะ แล้วที่ดีคือร้านนี้มีทั้งเมนูไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง เรียกว่ามาที่เดียวได้สั่งกินกันตั้งหลายแบบอ่ะ จัดไป!

คืนนี้เราเลือกขับรถไปนอนที่อ่าวลึก พาโนรามิค พูลวิลล่า ซึ่งอยู่ที่บ้านแหลมสัก ในอำเภออ่าวลึก เพราะสะดวกมากสำหรับกิจกรรมในวันรุ่งขึ้นของเราซึ่งต้องเริ่มกันตั้งแต่เช้ามืด บอกเลยว่าทันทีที่เห็นที่พักคือหายเหนื่อยเพราะสวยม้ากกก เป็นบ้านหลังใหญ่หน้าตาโมเดิร์นมีห้องพัก 3 ห้อง และมีสระว่ายน้ำส่วนกลางใหญ่ใช้ได้เลยนะ แต่ละห้องก็มีความเป็นสัดส่วน มีห้องรับแขก ห้องนอน ห้องน้ำ และครัวเป็นของตัวเอง ครัวที่นี่ถือว่าใช้ได้เลยละ อุ่นอาหารหรือทำกับข้าวแบบไม่โหดมากนักคือได้อยู่ มีตู้เย็น อ่างล้างจาน คือเหมือนบ้านส่วนตัวเลยอ่ะ ราคาก็ถือว่าโอเค ยิ่งถ้าใครมาหลายคนหน่อยแล้วจองครบแบบเหมาหลังนะ บอกเลยว่าดีมากกกกกก เหมือนได้มาพักบ้านตากอากาศส่วนตัวของเพื่อนไฮโซ ตัวบ้านอยู่บนเนินเขาเขียวๆ อากาศสบาย ด้านหน้ามองเห็นวิวมุมสูงแบบกว้างไกลพาโนรามาได้โล่อ่ะ วิวร้อยล้านคุ้มมากแม่!! ดีมาก อยากให้มาลอง

หลังหลับสบายจนไม่อยากไปไหนอีกเลย เราก็ต้องดึงหนังตาตัวเองให้ตื่นขึ้นมาเพราะว่ามีอีกหนึ่งกิจกรรมรออยู่ นั่นคือการลงเรือไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันจากเกาะกลางทะเล!! เพราะยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นจากฝั่งมาบ่อยจนไม่ค่อยเร้าใจแล้วอ่ะ คราวนี้เราเลยเลือกการลงเรือไปที่ผาเขาค้อม ซึ่งเป็นเกาะที่มีส่วนหนึ่งเป็นผาเตี้ยๆ ที่เข้าไปเดินเล่นได้ แล้วไฮไลท์ก็คือการที่เราจะได้มองพระอาทิตย์ขึ้นโดยมีโฟร์กราวนด์เป็นหินงอกหินย้อยแปลกตา แถมวิวตอนนั่งเรือมาก็เริ่ดนะ เพราะฟ้าจะค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนสีอยู่ตรงหน้า อากาศเย็นสบาย และเราได้เห็นทั้งหมดนี้จากกลางทะเล! เป็นความแอดเวนเจอร์แบบไม่ได้เหนื่อยอะไรเท่าไหร่ แต่ได้ฟีลเว่อร์! ถ้าสนใจอันนี้ต้องแจ้งจองไปก่อนล่วงหน้าเด้อ ไม่งั้นได้ไปยืนเบลอๆ เคว้งๆ ที่ท่าเรือแบบเดียวดายไม่รู้นะเอ้า!

ติดต่อลงเรือไปเที่ยวผาเขาค้อมได้ที่ Facebook ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก คลิก ที่นี่

หลังจากขึ้นฝั่งมาหาของกินรองท้องแบบง่ายๆ เราก็ปักหมุดไปหากิจกรรมทำกันต่อ กับการพายเรือคายัคไปชมเขากาโรส หรือที่บางคนให้ฉายาเอาไว้ว่าเป็นหุบผาปีศาจ อย่าเพิ่งขนหัวลุกกันล่ะ เพราะที่มาของชื่อนี้น่ะมาจากหน้าตาของผาที่โดนคลื่นลมกัดเซาะมาเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นสีสันและรูปร่างที่มองคล้ายหัวกะโหลก วิธียอดนิยมคือการนั่งเรือหัวโทงสัญลักษณ์ของกระบี่ออกไปชมทิวทัศน์โดยรอบของหมู่เกาะนี้ แล้วพายแคนูลอดช่องเขาเข้าไปด้านใน ซึ่งเราก็จะได้ชมทิวทัศน์อันเงียบสงบแสนธรรมชาติของเขาหินปูนลัดเลาะไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 200 เมตร จนถึงทางขึ้นของจุดไฮไลท์อีกแห่งอย่างหน้าต่างมนุษย์โบราณหรือถ้ำสองชั้น ซึ่งต้องปีนบันไดลิงขึ้นไปยังบริเวณถ้ำด้านบนอีกนิด แล้วก็จะพบกับจุดชมวิวสุดอันซีนที่ถ่ายรูปออกมาแล้วเก๋ม้ากกกก เป็นการเที่ยวระยะสั้นๆ ที่ใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง แต่สนุกเว่อร์ มาเลยยย เอ้อ จริงๆ แล้วเส้นทางนี้มีทริปให้เลือกหลายแบบเลยนะ ถ้ามีเวลาเหลือๆ อ่ะ จัดหนักเป็น one day trip ไปเลยก็ได้ เลือกเอาที่สะดวกละกัน

สอบถามรายละเอียดการล่องเรือชมเขากาโรส คลิก ที่นี่

ช่วงบ่าย เราเลือกขับรถมาเผาผลาญพลังงานกันต่อ กับการขึ้นเขาหงอนนาค ซึ่งเป็นจุดชมวิวพีคๆ อีกแห่งหนึ่งของกระบี่ ที่นี่อนุญาตให้เดินขึ้นได้ถึงบ่ายสามโมงเท่านั้นนะ เพราะแม้จะมีระยะทางแค่ 3.7 กิโลเมตร แต่ก็ต้องใช้เวลาขึ้น - ลงกันราวๆ 3 - 5 ชั่วโมง แล้วแต่สภาพสังขารของแต่ละคนแหละ ถ้ามาถึงเย็นกว่านั้นจึงอาจจะมืดก่อนเดินถึงยอดด้านบนได้ จะให้ดีควรมาถึงในช่วงบ่ายต้นๆ แล้วค่อยๆ เดินชมนกชมไม้ขึ้นไป ทางส่วนนึงก็เป็นบันไดที่ทางอุทยานทำไว้ให้แล้วจึงเดินไม่ยาก จะให้ดีคือรอชมพระอาทิตย์ตกดินจากด้านบนจะฟินสุด ส่วนขาลงถ้าเป็นตอนเย็นๆ ค่ำๆ จะมีเจ้าหน้าที่พาเดินลงมานะ ไม่ต้องเป็นห่วงไป แต่ถ้าใครไม่ชอบบรรยากาศมืดๆ เท่าไหร่ ก็ถ่ายรูปตรงชะง่อนผาวัดใจแล้วเดินลงก่อนได้เลย แรงขาดีอย่างเดียวไม่พอนะ แรงใจต้องดีด้วยอ่ะ ถึงจะไปยืนตรงจุดนั้นได้ แต่ถ้าไหว จะได้รูปที่ฟินมากกกก พูดเลย!!

ลุยกับกิจกรรมใช้แรงกันมาทั้งวัน เราจึงขับรถมุ่งหน้าเข้าที่พักในตัวเมืองกระบี่กันแบบไม่มีแวะที่ไหน ไม่ไหวละจ้าาาา อยากทิ้งตัวม้ากกกก โรงแรมที่เราเลือกพักคราวนี้คือ Krabi Seabass Hotel โรงแรมไม่ใหญ่แต่ดีไซน์น่ารักเว่อร์ คลุมโทนฟ้าขาวแบบชิลล์ๆ สบายตา ห้องพักก็ตกแต่งแบบน่าเอ็นดูอ่ะ มาแบบไซส์พอดีๆ ที่ไม่กว้างมากจนรู้สึกอ้างว้าง มีสระว่ายน้ำไซส์กลางๆ ให้ว่ายเล่นได้เพลินๆ ที่เริ่ดคือเดินไปถนนคนเดินได้แบบไม่ไกลมาก ราคาต่อคืนก็ไม่ต้องปาดเหงื่อจ่าย ใครไม่ซีเรียสว่าต้องพักแบบได้เห็นทะเลนะ ที่นี่คือโอเคเลย ลองดู

มาถึงกระบี่ทั้งที ยังไงก็ต้องได้มีเที่ยวเกาะเที่ยวทะเลกันบ้างสิ และทริปนี้เราเลือกจองแพ็คเกจทัวร์ 4 เกาะ แบบ one day trip กับ Traveloka เพราะว่าง่ายดีอ่ะ คือขี้เกียจมานั่งตามหาเอาเองให้ปวดหัว เลยจองผ่านทางนี้ดีกว่า คลิกเดียวจบเลย แถมรวมรถรับส่งจากโรงแรมให้ด้วยเลยอ่ะ คือชิลล์มากกก วันนี้คือวันพักร่างของชั้นนน ทริปนี้จะพาเรานั่งสปีดโบ๊ทออกไปเช็คอินที่หาดพระนาง เกาะทับ เกาะไก่ และเกาะปอดะ ให้เราได้ถ่ายรูป อาบแดด หรือดำน้ำตามอัธยาศัย แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องหิวเพราะเค้ามีอาหารให้หนึ่งมื้อ แถมอุปกรณ์ในการดำน้ำก็พร้อม ราคา 750 ถือว่าคุ้มนะ อ่ะ แฮปปี้!!

กลับมาถึงโรงแรมช่วงบ่ายๆ นอนพักร่างให้สบายได้ซักนิด เราก็ขอออกไปพิชิตถนนคนเดินกระบี่กันซักหน่อย โดยเค้ามีกันทุกวันศุกร์ - อาทิตย์นะ ตั้งแต่เกือบๆ ห้าโมงเย็นไปจนถึงสามสี่ทุ่ม และแน่นอนว่าตามสูตรสำเร็จของถนนคนเดินทั่วๆ ไป ยังไงก็ต้องมีของให้กินเพียบ! จะรองท้องหรือจะตำของใช้ของที่ระลึก ก็เดินเลือกหากันได้เพลินๆ แล้วอย่างที่บอกว่าเราเดินมาจากโรงแรมได้เลยชิลล์มากกก สบายไปอีกจ้ะ ขากลับก็ได้เดินย่อยกันไป บอกได้ว่าดี!

วันสุดท้ายก่อนออกจากกระบี่ เราขอใช้เวลาที่มีทั้งหมดกับการบำรุงบำเรอร่างกายที่สมบุกสมบันมาหลายวัน แล้วไหนๆ ก็มาถึงดินแดนแห่งออนเซ็นเมืองไทยกันทั้งที การไปแช่น้ำแร่ร้อนนอนนวดให้เต็มที่คือสิ่งที่พลาดไม่ได้! เราจึงขอเลือกใช้บริการทรีตเมนต์สปา วารีรัก ฮ็อตสปริง รีทรีต โดยจองผ่านทราเวลโลก้ามานั่นละ เพราะเคยได้ยินว่าที่นี่เป็นสปาที่ใช้น้ำร้อนธรรมชาติ และมีบ่อกลางแจ้งให้แช่แก้คิดถึงออนเซ็นแบบญี่ปุ่นได้อีกด้วยนะ ราคาก็มีตั้งแต่ 400 นิดๆ ไปจนถึง 2,000 กว่าๆ และเราซึ่งเห็นอนาคตมาตั้งแต่ตอนวางแผนแล้วว่าทริปนี้จะลุยให้สะใจ ก็เลือกจัดหนักที่โปรแกรมครึ่งวันกันไปเลย มีตั้งแต่สครับตัวด้วยสมุนไพร พอกผิวด้วยทานาคา แช่บ่อน้ำร้อน ทำวารีบำบัด นวดน้ำมันและประคบหินร้อนพร้อมคลื่นเสียงบำบัด ปิดท้ายด้วยของว่างและอาหารสุขภาพอีกหนึ่งมื้อ เรียกว่าครบห้าชั่วโมงในคอร์สนี้คือแฮปปี้เว่อร์ กล้ามเนื้อผ่อนคลายร่างกายฟื้น พร้อมกลับไปลุยงานที่รอต่อได้สบาย

กระบี่ยังมีที่เที่ยวรอการค้นพบอีกหลายแห่ง และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมในจังหวัดนี้ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติซึ่งหลากหลาย อาหารการกินก็เรียกได้ว่าเหลือเฟือทั้งคาวทั้งหวาน ที่สำคัญคือเป็นจุดหมายที่ดีมากกก สำหรับคนที่ชอบเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์นิดๆ เพราะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำได้เพียบ รับรองว่ากระบี่จะไม่มีช่วงเวลาที่จะทำให้ใครเบื่อได้เลยเชียวละ แล้วเที่ยวช่วงนี้ยิ่งดีใหญ่เพราะยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมายเหมือนช่วงปกติ เราจึงได้เที่ยวแบบแฮปปี้มีความเป็นส่วนตัวสูง และทริปกระบี่ที่เราเอามาฝากนี่นะ จะลงตัวมากหากมีเวลาซัก 4 วันขึ้นไป แต่ถ้าใครเวลาน้อยก็ลองปรับแพลนดูได้ อยากชวนทุกคนออกไปเที่ยวไทย ไปผ่อนคลายหนีความวุ่นวาย กลับสู่อ้อมกอดของธรรมชาติกันเถอะ ที่สำคัญคือกิจกรรมทั้งหลายส่วนใหญ่จองง่ายมากจ้า แค่คลิกที่เว็บไซต์ Traveloka ที่เดียวคือจบเลย!

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร