พาเที่ยวรอบกรุงเทพฯ ตามหา Hidden Gems เที่ยวรอบกรุง

Thamonwan B
19 Aug 2020 - 7 min read

ทริปนี้ไม่ได้พาไปเที่ยวไหนไกล แต่ขอเอาใจคนกรุงเทพฯ ที่งานหนัก อยากพักผ่อน แต่ก็ไม่สะดวกไปต่างจังหวัดกันบ้าง กับการพามาเที่ยวรอบกรุงเทพฯ ชาร์จแบตให้เต็มอิ่ม ทั้งผ่อนคลายร่างกาย และจิตใจ พร้อมกับพาไปตระเวณตามหา Hidden Gems ไม่ว่าจะเป็นสปา ร้านอาหาร รวมไปถึงที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่คุณต้องนึกไม่ถึงเลยว่าในกรุงเทพฯ ก็มีสถานที่แบบนี้ด้วยหรอเนี่ย นอกจากนั้นเองทริปแพลนเที่ยวกรุงเทพฯ นี้ยังเหมาะกับคนที่อยู่จังหวัดอื่น แล้วอยากจองตั๋วเครื่องบินไปกรุงเทพฯ มาเที่ยวกรุงเทพฯอีกด้วย

สำหรับทริปเที่ยวกรุงเทพฯ นี้เราจะเน้นการเช่ารถกรุงเทพฯ กับTraveloka เพราะเป็นบริการใหม่ที่น่าสนใจ หากใครที่จองตั๋วเครื่องบินไปกรุงเทพฯ แล้วเรียบร้อย ก็สามารถเลือกจองรถเช่ากรุงเทพฯ หรือเช่ารถกรุงเทพฯ กันได้เลย เพราะสะดวกมากกว่าด้วยการเลือกรับรถเช่ากรุงเทพฯ ที่สนามบิน ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ข้อดีก็คือไม่ต้องรอนาน เพราะสามารถระบุเวลาได้เลย อีกทั้งยังมีให้เลือกทั้งแบบรถเช่ากรุงเทพฯ พร้อมคนขับ และรถเช่ากรุงเทพฯ ขับเอง

Day 1

ทริปวันแรกหลังจากที่เราได้จองรถเช่ากับ Traveloka เรียบร้อย โดยเลือกแบบขับเอง เพราะว่าเหมาะกับการแพลนเที่ยวด้วยตัวเอง เนื่องจากไม่รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลาในแต่ละที่เท่าไหร่ เลยเลือกเช่ารถที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองซะมากกว่า ซึ่งจุดมุ่งหมายปลายทางแห่งแรกของเรา ก็คือการพาไปเที่ยวย่านใจกลางเมืองอย่างสาทร เพราะแลนด์มาร์คกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจรอเราอยู่

ตึกมหานคร สกายวอร์ค (MahaNakhon Skywalk)

แหล่งเช็คอินแห่งใหม่ของชาวกรุงเทพฯ หากใครที่ยังไม่ได้มีโอกาสมาเยือนที่ตึกมหานครนี้ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพราะเป็นที่เที่ยวกรุงเทพฯ ที่คุณจะได้ชมวิวสวยของกรุงเทพฯ แบบใจกลางเมือง และได้วิวพาโนราม่า 360 องศา แบบที่ไม่มีอะไรมากั้น ข้อดีคือตึกมหานครนี้จะเปิดให้เข้าชมจนถึงช่วงกลางคืน เหมาะกับการชมวิวทั้งกลางวัน และกลางคืนเลย โดยตึกมหานครถือว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ณ ขณะนี้ เพราะมีความสูงมากถึง 314 เมตร และมีชั้นทั้งหมด 78 ชั้นด้วยกัน

หากใครที่อยากไปเที่ยวตึกมหานครในช่วงวันหยุด หรือช่วงเสาร์ - อาทิตย์ที่คนเยอะ ขอแนะนำให้จองที่เที่ยวมหานครกับ Traveloka ไปก่อนล่วงหน้าได้เลย ข้อดีคือไม่ต้องต่อแถว ไม่ต้องพกตั๋ว หรือปริ้นท์ออกมาให้ยุ่งยาก เพราะสามารถใช้ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ในการเข้าที่เที่ยวมหานครได้เลย รอบนี้เราก็จองผ่านทราเวลโลก้าอีกเช่นเคย จะมีหลายราคา หลายแพคเกจให้เลือกซื้อ

การขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้าตึกมหานคร ก็จำเป็นจะต้องขึ้นตึกไปด้านบน หากซื้อตั๋วมาแล้ว ก็ยื่นตั๋วตรงด้านหน้าทางเข้าตรวจตั๋วกันได้เลย ไฮไลท์ของตึกมหานครนี้ นอกจากวิวสวยของกรุงเทพฯ ที่คุณจะได้ชมแล้วนั้น ยังมีพื้นกระจกใส ให้มองลงไปเห็นวิวพื้นด้านล่างด้วย

The House on Sathorn

หลังจากที่เที่ยวชมวิวที่ตึกมหานครเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ได้แวะมานั่งจิบชา กินขนมกันต่อที่ “The House on Sathorn” เป็นร้านอาหารที่อยู่ใกล้กับตึกมหานครเลย ที่เชื่อว่าใครขับรถผ่านมาผ่านไปแถวนี้ ต้องสะดุดตากับตึกสไตล์โคโลเนียลแบบวินเทจสีเหลืองนวลกันแทบทั้งนั้น เพราะอาคารตัวเฮ้าส์ ออฟ สาทรนี้ เป็นอาคารเก่าที่ได้ถูกนำมาบูรณะ และอนุรักษ์เอาไว้ ตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงแรม ดับเบิ้ลยู โฮเทล นั่นเอง

แนะนำหากใครที่ไปที่เฮ้าสท์ ออฟ สาทรในช่วงยามบ่าย ที่ร้านก็จะมีชุดน้ำชา เสิร์ฟพร้อมกับของว่างให้บริการ ซึ่งเป็นชุดอาฟเตอร์นูนที (Afternoon Tea) มาพร้อมกับขนม และของว่างหลากหลายเมนูเลยทีเดียว ได้มานั่งจิบชา กินขนมย่านใจกลางเมืองแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกวุ่นวายแต่อย่างใด หากใครที่ทำงานมาเหนื่อย อยากหาที่พักผ่อนหย่อนใจชั่วครู่ บอกเลยว่าแค่แวะมาที่เฮ้าส์ ออฟ สาทรนี้ ได้พลังใจกลับไปเต็มเปี่ยมแน่นอน

ลอยละล่อง (Loy La Long)

ฟังชื่อดูอาจจะไม่คุ้นหู แต่ขอบอกเลยว่าสถานที่แห่งนี้คือ Hidden Gems ที่เป็นไฮไลท์ของเราในทริปนี้อีกหนึ่งอย่างเลย ซึ่ง “ลอยละล่อง” นั้นคือชื่อของที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่แถววัดปทุมคงคา ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นที่พักเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่บอกได้เลยว่าได้วิวเกินคุ้ม เพราะว่าคุณจะได้เหมือนครอบครองวิวเจ้าพระยาที่สงบ เงียบ ไม่วุ่นวาย และพลุกพล่าน หลายคนอาจจะชอบวิวสวยของเจ้าพระยาที่มีวัดอรุณเป็นฉากหลังของย่านท่าเตียน แต่เราบอกเลยว่าที่ลอยละล่องนี้ ถึงแม้จะมองไม่เห็นวัดอรุณ แต่ก็ดีต่อใจไม่แพ้กันเลย เพราะเป็นที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ในฉากดังของหนังเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ ที่หลายคนอาจจะตามหา จนลืมไปแล้วว่าหาอยู่ วิวสวยในหนังเรื่องนั้นก็คือมาจากที่พักลอยละล่องแห่งนี้นั่นเอง

ขอขอบคุณรูปภาพจาก: https://www.facebook.com/loylalong/

การมาพักที่ลอยละล่อง ให้ฟีลเหมือนเรามานอนที่บ้านเพื่อน เพราะมีความอบอุ่นเป็นกันเอง ไม่เหมือนกับการไปนอนโรงแรมหรู หรือว่าที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อื่นทั่วไป แต่ให้ฟีลอบอุ่น ผ่อนคลาย และสงบนิ่งมากกว่านั้น หลังจากที่เช็คอินเข้าพักลอยละล่องเราก็ใช้เวลาตลอดบ่ายในการสูดเอาอากาศจากธรรมชาติเข้าเต็มปอด ปล่อยสายตาให้พักจากหน้าจอมือถือ มาเสพเอาความงดงามของวิวเจ้าพระยาตรงหน้าเข้าไป แค่นี้ร่างกาย และจิตใจก็หายเหนื่อยล้าแล้ว

Woodbrook Bangkok

ถัดจากที่พักลอยละล่องของเราไปไม่ไกลมากนัก กับ “Woodbrook Bangkok” ที่เป็นทั้งคาเฟ่ บาร์ และโฮสเทลสุดเจ๋ง ที่มีไฮไลท์ตรงวิวระเบียงสวยๆ สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบวิวพาโนราม่ากันเลยทีเดียว อันที่จริงแล้วก็มีร้านอาหาร หรือว่าบาร์หลายแห่งที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา แต่เราชอบสถานที่แห่งนี้ เพราะว่าราคาไม่แพง มีเงินแค่หลักร้อย หรืออยากจะมานั่งจิบเบียร์สักขวดก็สามารถมาได้ แถมคนยังไม่พลุกพล่าน ไม่ต้องเร่งรีบ อยากจะนั่งชมวิวสวยของเจ้าพระยาไปนานแค่ไหนก็ได้ ทำให้โฮสเทลแห่งนี้ กลายมาเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวกรุงเทพฯ ในดวงใจเลยแหละ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก: https://www.facebook.com/woodbrookbkk

หากใครที่อยากจะมาตามรอยเที่ยวที่คาเฟ่แห่งนี้ แนะนำว่าให้เดินบันไดขึ้นมาที่ชั้น 3 กันได้เลย ด้านบนจะมีครบ ทั้งโฮสเทล บาร์ และคาเฟ่ แต่หลังจากที่คาเฟ่ และบาร์ปิด ผู้ที่เข้าไปยังด้านในได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่ใช้บริการโฮสเทลเท่านั้น ส่วนที่เป็นคาเฟ่จะปิดประมาณ 1 ทุ่ม และส่วนที่เป็นบาร์จะปิดประมาณ 4 ทุ่ม

Day 2

บางกะเจ้า (Bang Kachao)

เริ่มทริปเที่ยวในกรุงเทพฯ วันที่ 2 ด้วยการไปเที่ยวบางกะเจ้า (Bang Kachao) ที่หลายคนเรียกว่าเป็น โอเอซิสของกรุงเทพฯ เพราะว่าบางกะเจ้านั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติ และพื้นที่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ ที่หาได้ยากยิ่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกิดขึ้นโดยคุ้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในบางกระเจ้าจะไม่อนุญาตให้นำรถยนต์เข้าไป คนส่วนใหญ่เลยนิยมเช่าจักรยาน แล้วปั่นเที่ยวภายในบางกระเจ้า ดังนั้นการปั่นจักรยาน จึงกลายเป็นเหมือนไฮไลท์ของกิจกรรมหลักสำหรับทริปบางกระเจ้านี้

หลายคนอาจจะคิดว่าการมาปั่นจักยานที่บางกะเจ้าอาจจะน่าเบื่อ แต่อันที่จริงแล้วมีสิ่งน่าสนใจมากมาย เพราะภายในบางกระเจ้าจะทั้ง ชุมชน ตลาด คาเฟ่ หรือร้านอาหารให้คุณได้แวะพักเหนื่อยจากการปั่นจักรยาน หรือว่าจะนั่งจิบกาแฟชมธรรมชาติก็ได้เช่นกัน แนะนำว่าหากใครที่หยุดเสาร์ - อาทิตย์ แล้วไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน แต่อยากพักผ่อนหย่อนใจ การมาเที่ยวที่บางกระเจ้าก็เป็นตัวเลือกที่ดีอยู่ไม่ใช่น้อย แต่สำหรับทริปนี้ เราขอปั่นจักรยานที่บางกระเจ้าแบบพอหอมปากหอมคอ เพราะมีที่เที่ยวกรุงเทพฯ เด็ดที่อื่นรอเราอยู่

โครงการป่าในกรุง (PTT Green in the City)

ปั่นจักรยานมาเสร็จแล้ว ก็มาต่อกันที่เที่ยวต่อไป ซึ่งเราก็ยังคงคอนเซ็ปท์ความเป็นธรรมชาติในกรุงเทพฯ ที่หาได้น้อยนิด แต่แนะนำสำหรับใครที่อยากพักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือเหน็ดเหนื่อยจากงานที่เมื่อยล้า มาเที่ยว “โครงการป่าในกรุง (PTT Green in the City)” กันดีกว่า เป็นโครงการดีๆ จาก ปตท. ที่ฟื้นฟูที่ดินอันรกร้างมากกว่า 12 ไร่ ให้กลายมาเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยพื้นที่สีเขียวมากกว่า 90% ของพื้นที่ แนะนำให้ลองไปเดินชมธรรมชาติ ที่ทางเดินชมเรือนยอดไม้ ที่เป็นลักษณะสกายวอร์ค ถือว่าเป็นหนึ่งใน Hidden Gems สีเขียวที่น่าสนใจ และยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก

โอเอซิสสปา สุขุมวิท 31 (Oasis Spa Sukhumvit 31)

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าใจกลางกรุงเทพฯ ก็มีสปาดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับลืมความวุ่นวายของเมืองใหญ่ไปในชั่วขณะจิต นั่นก็คือ “โอเอซิสสปา สุขุมวิท 31 (Oasis Spa Sukhumvit 31)” เป็นสปาที่ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 31 ใจกลางเมืองขนาดนี้ แต่เมื่อเดินเข้าไปในสปา กลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก แถมยังได้พักสายตาไปกับบ่อบัวขนาดใหญ่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้รู้สึกเงียบสงบ แนะนำสำหรับใครที่อยากจองมาทำสปากับ โอเอซิสสปา สุขุมวิท 31 ให้โทรมาจองล่วงหน้าหลายวันหน่อย เพราะทางสปามีรถรับส่งจากสถานีบีทีเอสพร้อมพงษ์ หรือบริเวณหน้าห้างเอ็มควอเทียร์ มาส่งตรงยังสปาคอยให้บริการ บอกเลยว่าเซอร์วิสตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มนวดกันเลยทีเดียว

ใครที่เป็นออฟฟิศซินโดรม ปวดเมื่อยร่างกาย หรืออยากมานวดเพื่อผ่อนคลาย ที่โอเอซิสสปาก็มีคอร์สนวดให้เลือกเยอะมาก ตั้งคอร์สนวดแบบ 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงขึ้นไปก็มี ด้วยฝีมือการนวดจากเทอราปิสต์ผู้เชี่ยวชาญ รับรองว่าคุณจะรู้สึกผ่อนคลาย และหายเมื่อยเป็นปลิดทิ้งอย่างแน่นอน

ยู สาทร แบงคอก (U Sathorn Bangkok)

สำหรับคืนที่สองของทริปกรุงเทพฯ นี้เราขอเปลี่ยนบรรยากาศ มาพักที่โรงแรมใจกลางกรุงกันบ้าง ส่วนตัวเลือกที่เราเลือกมาก็คือ “ยู สาทร แบงคอก (U Sathorn Bangkok)” เป็นโรงแรมที่บรรยากาศดีมาก ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ถึงแม้จะอยู่ใจกลางเมือง ตั้งอยู่ภายในซอยสาทร 1 แต่กลับไม่วุ่นวายเลย เป็นโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่อยากจะแนะนำ สำหรับใครที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ ให้ลองมานอนเล่นกันดูสักคืน

ข้อดีของการที่มาพักโรงแรมยู สาทร ก็คือสามารถอยู่ในโรงแรมได้ครบ 24 ชั่วโมง หลังจากที่คุณเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมายความว่าหากคุณมาเช็คอินตอนบ่าย 3 โมง ก็สามารถเช็คเอ้าท์ตอนบ่าย 3 โมงได้เช่นเดียวกัน ภูมิทัศน์ของโรงแรมยู สาทร ก็โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ตรงกลาง รอบล้อมไปด้วยตึกสไตล์โคโลเนียล ให้กลิ่นอายแบบวินเทจเบาๆ การันตีเรื่องความเงียบสงบ และความเป็นส่วนตัวเลย

Day 3

ซีไลฟ์ แบงคอก โอเชี่ยน เวิลด์ (SEA LIFE Bangkok Ocean World)

เป้าหมายต่อไปของเราก็คือ “ซีไลฟ์ แบงคอก โอเชี่ยน เวิลด์ (SEA LIFE Bangkok Ocean World)” พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใจกลางกรุง ที่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่ามี ที่เที่ยวกรุงเทพฯ แบบนี้ด้วยเหรอเนี้ย ? เพราะพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่ห้างสยามพารากอนนั่นเอง ไม่รอช้าไปถึงก็ยื่นตั๋วที่จองกับ Traveloka แล้วเข้าไปด้านในได้เลย เป็นเคล็ดลับที่ช่วยย่นระยะเวลาไปได้มากเลยทีเดียว แนะนำหากใครอยากมาเที่ยวซีไลฟ์แบงคอก โอเชี่ยนเวิลด์ ในช่วงวันหยุด ก็จองตั๋วที่เที่ยวมาล่วงหน้าก่อนได้

จุดเด่นของที่เที่ยวซีไลฟ์ แบงคอก โอเชี่ยน เวิลด์ นี้คือตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก เหมาะกับจัดทริปเที่ยววันเดียวในกรุงเทพฯ กับครอบครัว และยังเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกประเภท เป็นโลกใต้น้ำขนาดใหญ่ที่ทำให้คุณได้ตื่นตาตื่นใจไปกับสัตว์น้ำมากมายหลายประเภท ทั้งปลาทะเลต่างๆ ปลาฉลาม ปลาที่หายาก รวมไปถึงสัตว์น้ำจืด และน้ำเค็ม มากกว่า 400 ชนิดกันเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าซีไลฟ์ที่นี่จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ก็ไปเดินเล่นกันได้แบบเพลินๆ แนะนำสำหรับพาครอบครัวไปเที่ยว หรือใครที่ว่างๆ แวะไปเที่ยวสยามพารากอน ก็ซื้อตั๋วเข้าไปชมได้เช่นเดียวกัน แนะนำอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่ซีไลฟ์ ก็คือตารางการให้อาหารสัตว์ ที่มีโชว์ทุกวัน แต่ว่าอยากให้เช็คเวลาไปล่วงหน้านะ เพราะถ้าหากว่าช้า ก็น่าจะอดดู

พิพิธภัณฑ์บ้าน จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson Museum)

เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่นั้นยังไม่เคยไปเยือน “พิพิธภัณฑ์บ้าน จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson Museum)” กันอย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ที่เที่ยวกรุงเทพฯ นี้จะค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งพิพิธภัณฑ์นี้ได้ตั้งอยู่บนถนนพระราม 1 ใกล้กับห้างสยามพารากอนมาก เสร็จจากซีไลฟ์ ก็เลยขอแวะมาที่นี่สักหน่อย เพราะรู้มาว่านอกจากบ้านทรงไทยโบราณอันสวยงามแล้วนั้น ที่บ้านจิม ทอมป์สัน ยังเป็นที่รวบรวมของสะสมเก่าเก็บล้ำค่ามากมายอีกด้วย

ความพิเศษของพิพิธภัณฑ์บ้าน จิม ทอมป์สันก็คือการนำเอาเรือนไทยมากถึง 6 หลังมาต่อกัน ในส่วนของเรือนไทยแต่ละหลังก็มีอายุมากกว่า 200 ปีมาแล้วด้วย ด้านในจะเต็มไปด้วยความร่มรื่น บนเรือนไทยจะมีของสะสมมากมาย ทั้งงานศิลปะ งานแกะสลักไม้อันล้ำค่า ซึ่งหาดูได้ยาก พระพุทธรูปต่างๆ นอกเหนือจากเรื่องของสะสม ยังมีโชว์สาธิตการทำผ้าไหมไทย ซึ่งพนักงานก็จะให้ความรู้เกี่ยวกับการทำไหมไทยได้เป็นอย่างดี

เชื่อว่าพิพิธภัณฑ์จิม ทอมป์สันก็เป็นอีกหนึ่ง Hidden Gems ที่หลายคนไม่รู้ ที่สำคัญคือเดินทางไม่ยาก แถมตั้งอยู่ใจกลางกรุงอีกด้วย หากใครสนใจวัฒนธรรมไทย หรืออยากลองไปเยี่ยมชมการทำผ้าไหม แนะนำปักหมุดเอาไว้ด่วนเลย หากใครที่ไม่สะดวกไปเที่ยวเอง หรือว่ามีเวลาไม่มาก อยากจ้างทัวร์ แนะนำจองกับ Traveloka ได้เลย

และทั้งหมดนี้ก็คือแพลนเที่ยวกรุงเทพฯ ของเราที่ใครก็สามารถนำแพลนเที่ยว ไปเที่ยวตามกันได้แบบไม่ยาก ทั้งคนที่อยู่กรุงเทพฯ เองแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศ รวมไปถึงคนที่อยู่จังหวัดอื่น แล้วอยากบินไปกรุงเทพฯ เพื่อมาเที่ยว ก็สามารถนำแพลนเที่ยวกรุงเทพฯ ของเราไปปรับใช้กันได้ด้วยเช่นกัน แต่อย่าลืมว่าหากใครไปเที่ยวในช่วงวันหยุด แล้วไม่อยากต่อแถวซื้อตั๋วนาน ก็ให้กดจองที่เที่ยวใน Traveloka ไปก่อนได้เลย

จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร