ท่ามกลางบรรดาเกาะน้อยใหญ่ที่มีอยู่มากมายในประเทศไทย “เกาะเต่า” คือหนึ่งในเกาะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดจนถึงขั้นได้รับการขนานนามว่าเป็นอัญมณีแห่งท้องทะเลอ่าวไทย แม้เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับเกาะที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันอย่างเกาะสมุยหรือเกาะพะงัน แต่ถ้าพูดถึงเสน่ห์แล้ว ต้องบอกเลยว่าที่นี่อัดแน่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งที่รอให้เราได้เข้าไปสัมผัสกับความงดงามสำหรับใครที่ได้ยินชื่อของเกาะแห่งนี้มานาน และอยากไปสัมผัสเสน่ห์เกาะเต่าดูสักครั้ง

บทความนี้จะทำหน้าที่เป็นคู่มือนำเที่ยวที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับทุกข้อมูลสำคัญในแบบฉบับคนท้องถิ่น ถ้าใครพร้อมลุย อย่ามัวรอช้า รีบมองหา ที่พักเกาะเต่า พร้อมเลือก จองตั๋วเครื่องบินไปสุราษฎร์ธานี ผ่านแอปฯ Traveloka ที่มาพร้อมโปรโมชันในราคาสุดคุ้มให้ได้เลือกมากมาย แล้วไปเพลิดเพลินไปกับสายลมและแสงแดดกันได้เลย

ถึงเวลาลุยของเด็ดที่ “คนพื้นที่” เค้าบอกกันปากต่อปากแบบไม่กั๊กเลยว่าถ้ามาเกาะเต่า ต้องไปให้ครบทุกที่เที่ยวเกาะเต่า! ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงของจริง! แต่ละที่เที่ยวเกาะเต่าไม่ได้มีดีแค่ความสวยนะ บางแห่งยังแอบมีเรื่องราวซ่อนอยู่ด้วย ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีที่ไหนน่าโดนบ้าง

ถ้าถามว่า “หาดไหนคือหัวใจของเกาะเต่า” คำตอบต้องเป็นหาดทรายรีแน่นอน! หาดนี้ยาวที่สุดในเกาะเต่า เดินได้ไม่มีเบื่อ ทั้งกลางวันและกลางคืน หาดทรายรี เกาะเต่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่อลังการที่สุดแบบไม่ต้องปีนเขาให้เหนื่อย ระหว่างเดินเล่นคุณจะได้เจอกับบาร์เก๋ๆ ร้านนั่งชิลแนวฮิปสเตอร์ ริมทะเลที่เปิดเพลงเบาๆ คลอเสียงคลื่น นั่งจิบค็อกเทลหรือเบียร์เย็นๆ ไปพร้อมกับแสงทองที่ค่อยๆ จางหายหลังเส้นขอบฟ้า บรรยากาศโรแมนติกจนเผลอหลงรักคนข้างๆ แบบไม่รู้ตัว นอกจากความโรแมนติก หาดทรายรียังเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆ เช่น ร้านดำน้ำ, โรงเรียนสอน Freediving และแม้แต่โยคะบนชายหาดตอนเช้า เหมาะกับทั้งคนโสด สายคู่รัก และกลุ่มเพื่อนที่อยากสนุกแบบครบเครื่อง

หาดทรายแดง หรือ Ao Leuk (อ่าวลึก) เป็นหนึ่งในจุดที่เที่ยวเกาะเต่าที่คนท้องถิ่นแอบกระซิบกันว่า “ที่นี่น้ำใสเว่อร์” แบบใสชนิดที่สามารถเห็นฝูงปลากระพริบว่ายไปมาจากบนผิวน้ำโดยไม่ต้องใส่หน้ากากเลยทีเดียว น้ำทะเลสีฟ้าคราม ตัดกับทรายขาวและแนวโขดหินที่รายล้อม ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักดำน้ำตื้นมือใหม่หรือครอบครัวที่พาเด็กๆ มาเที่ยว บอกเลยว่าแค่ก้าวลงน้ำก็ได้เห็นโลกใต้น้ำทันที ไม่ต้องพายเรือออกไกลให้เหนื่อย ที่สำคัญคือ หาดนี้ไม่พลุกพล่านมาก บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการนั่งพักใจ อ่านหนังสือริมทะเล หรือแม้แต่แอบงีบใต้ร่มไม้ก็ยังได้ฟีลดีสุดๆ

ขอบอกเลยว่าที่เที่ยวเกาะเต่าจุดนี้ สายถ่ายรูป – สายธรรมชาติ – สายอินกับวิวธรรมชาติ ต้องห้ามพลาด! จุดชมวิวจอห์น-สุวรรณ ตั้งอยู่บริเวณปลายใต้ของเกาะเต่า ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นวิวท้องทะเลฝั่งตะวันออกและตะวันตกพร้อมกันในมุม Bird’s Eye View การเดินขึ้นไปอาจจะต้องใช้แรงหน่อย เดินขึ้นเนินประมาณ 10-15 นาทีผ่านทางเดินในป่า แต่รับรองว่าคุ้มค่า เพราะข้างบนจะได้เห็นทะเลโค้งสวย เส้นขอบฟ้าแนวยาว และถ้าคุณไปช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตก บอกเลยว่าฟ้าจะไล่เฉดสีส้ม ม่วง ทองงดงามเหมือนภาพวาด ใครชอบสายถ่ายรูปแนว Instagram-worthy จุดนี้จัดเต็ม มุมไม่เยอะแต่โดน

อ่าวหินวง หรือที่บางคนเรียก “Hin Wong Bay” เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวเกาะเต่าที่คนท้องถิ่นมักจะมา “หลบคน” เพราะที่เที่ยวเกาะเต่าที่นี่เงียบสงบกว่าหาดอื่นๆ และยังคงความเป็นธรรมชาติแบบดิบๆ เอาไว้ได้ดีมาก ถนนเข้าค่อนข้างแคบ รถใหญ่เข้าไม่ได้ ต้องขับมอเตอร์ไซค์หรือนั่งรถสองแถว แล้วเดินลงไปอีกนิดหน่อย แต่เมื่อถึงแล้วจะพบกับน้ำทะเลใสแจ๋วที่เหมาะกับการดำน้ำแบบ Snorkeling สุดๆ เพราะแค่ไม่กี่เมตรจากชายหาด คุณจะเจอกับแนวปะการังที่สมบูรณ์ และปลาสีสันจัดจ้านว่ายไปมาเพียบ บรรยากาศที่อ่าวหินวง เกาะเต่าจะมีทั้งหินโขดใหญ่ๆ ให้นั่งพักถ่ายรูป และจุดลับที่สามารถลงเล่นน้ำได้แบบส่วนตัว ใครอยากหนีความวุ่นวาย ขอแนะนำเลย!

อย่าเพิ่งตกใจ! Shark Bay หรือ “อ่าวฉลาม” ชื่อน่ากลัวแต่จริงๆ แล้วปลอดภัยสุดๆ เพราะฉลามที่อ่าวชาร์คเบย์ เกาะเต่า แห่งนี้คือ ฉลามครีบดำ (Blacktip Reef Shark) ตัวไม่ใหญ่ ไม่ดุ และว่ายน้ำอยู่ในบริเวณน้ำตื้นตลอดปี อ่าวชาร์คเบย์ เกาะเต่านี้ถือเป็นหนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมาทดสอบความกล้ากับการว่ายน้ำข้างๆ ฉลามแบบใกล้ชิด ที่ อ่าวชาร์คเบย์ เกาะเต่า ยังมีแนวปะการังสวยมาก ใกล้ฝั่ง เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสโลกใต้ทะเลโดยไม่ต้องพึ่งเรือ เรียกว่าครบทั้งความตื่นเต้นและความสวยงามในที่เดียว

ถ้าพูดถึงมุมถ่ายรูปที่เกาะเต่าที่ปังที่สุดในเกาะเต่า “Love Koh Tao” ต้องติด Top 3 แบบไม่ต้องสงสัย! จุดชมวิวนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาทางด้านตะวันออกของเกาะเต่า มีวิวที่มองเห็นทั้งอ่าวหินวงและแนวเขียวขจีของป่าเกาะเต่าได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา จุดเด่นคือมีคาเฟ่เล็กๆ ที่ชื่อเดียวกัน ‘Love Koh Tao Café’ เสิร์ฟกาแฟสด ขนมปังปิ้ง และเครื่องดื่มเย็นๆ ให้คุณได้นั่งจิบพลางชมวิว สาย Instagram บอกเลยว่าแค่เดินขึ้นไปโพสท่ากับป้ายไม้คำว่า “Love Koh Tao” ก็เก็บภาพไว้ได้เป็นสิบๆ แล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาจุดชมวิวเกาะเต่าคือตอนเช้าๆ ก่อนแสงแดดจะแรง หรือช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ตก รับรองว่าคุณจะได้ภาพที่ทั้งสวย ทั้งสงบ และ “เต็มไปด้วยความรู้สึก”

ชื่ออาจฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วอ่าวลึกคือที่หลบหนีของชาวเกาะตัวจริงเลยล่ะ! ที่เที่ยวเกาะเต่าที่นี่มีเสน่ห์ของความลับที่หลายคนไม่รู้ เพราะการเข้าถึงค่อนข้างซับซ้อน ต้องใช้มอเตอร์ไซค์ฝ่าถนนลูกรังเล็กๆ ลงเขาไป แต่...เมื่อไปถึงจะรู้ว่า “มันคุ้มมาก!” อ่าวลึก เกาะเต่าเป็นชายหาดทรายขาว น้ำใสสงบ เหมือนภาพในโปสการ์ดที่ยังไม่ถูกใครแกะซอง จุดนี้แทบไม่มีร้านค้าใหญ่ๆ แต่มีบังกะโลเล็กๆ อยู่บ้าง ซึ่งเหมาะกับคนที่อยากพักผ่อนเงียบๆ สงบๆ เหมือนมาอยู่ในโลกของตัวเอง น้ำทะเลที่อ่าวลึก เกาะเต่า เหมาะกับดำน้ำตื้นมาก มีแนวปะการังที่ยังไม่โดนแตะต้องมากนัก และยังมีโขดหินที่เหมาะกับการปีนเล่น ถ่ายรูป หรือแค่นั่งเหม่อมองคลื่นก็เพลินเกินต้าน

อ่าวโตนด (Tanote Bay) เกาะเต่า คืออ่าวสวยที่อยู่ด้านตะวันออกของเกาะเต่า และเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องการดำน้ำตื้นแบบสุดๆ! อ่าวโตนด เกาะเต่ามีแนวปะการังและโขดหินใหญ่อยู่ใกล้ชายหาดมากจนแค่เดินลงทะเลไม่กี่ก้าวก็เจอแล้ว จุดไฮไลต์ของอ่าวโตนด เกาะเต่าคือ “โขดหินกลางอ่าว” ที่นักท่องเที่ยวชอบปีนขึ้นไปกระโดดน้ำลงมา (แต่ต้องระวังและมีประสบการณ์พอสมควรนะ!) ใต้ทะเลมีปลาสวยงามอย่างปลานกแก้ว, ปลาสลิดหิน, ปลาสิงโต ฯลฯ ว่ายวนไปมาให้ดูได้ไม่เบื่อ บริเวณชายหาดอ่าวโตนด เกาะเต่ายังมีร้านอาหารเล็กๆ บรรยากาศชิวๆ กับเก้าอี้ชายหาดให้คุณเอนหลังสบายๆ พร้อมลมทะเลเย็นๆ โอบรอบตัวไปทั้งวัน เป็นจุดที่เหมาะมากสำหรับการใช้เวลาทั้งวันแบบไม่ต้องรีบไปไหน

ไม่มีใครมาถึงเกาะเต่าแล้วจะไม่แวะไป “เกาะนางยวน” เพราะนี่คือสวรรค์แห่งการถ่ายรูปที่แท้ทรู! เกาะนางยวนเป็นหมู่เกาะเล็กๆ สามเกาะที่เชื่อมกันด้วย “ทะเลแหวก” ที่น้ำใสและขาวราวกับแป้ง แนะนำให้ไปช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ที่นี่มีค่าธรรมเนียมเข้าเกาะเล็กน้อย แต่แลกกับวิวที่เห็นแล้วอยากหยิบกล้องถ่ายทั้งวันก็คุ้มเกินคุ้ม บนเกาะนางยวน เกาะเต่ามีจุดชมวิวที่ต้องปีนขึ้นบันไดไปนิดหน่อย พอถึงด้านบนแล้วคุณจะได้ภาพมุมสูงของสามเกาะที่เชื่อมกันเหมือนภาพวาด บอกเลยว่าแค่โพสต์รูปเดียวก็ปังได้ทั้งทริป

ถ้าใครหลงใหลพระอาทิตย์ตกและวิวทะเลแบบพาโนรามาแบบไม่มีอะไรบังสายตา “จุดชมวิวเวสต์โคสต์” หรือที่ชาวเกาะเต่าเรียกกันว่า “West Coast Viewpoint” คือจุดชมวิวเกาะเต่าที่คุณต้องมาเช็คอิน ที่นี่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงทางฝั่งตะวันตกของเกาะ ใกล้กับเส้นทางหลักที่เชื่อมระหว่างแม่หาดกับทรายรี การเดินทางอาจจะต้องใช้แรงนิดนึง โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายที่ต้องเดินขึ้นทางชันเล็กๆ แต่เมื่อถึงแล้วจะรู้เลยว่าคุ้มทุกหยดเหงื่อ วิวจากจุดชมวิวเกาะเต่านี้จะทำให้คุณเห็น “เวิ้งอ่าวทั้งฝั่งตะวันตกของเกาะ” ตั้งแต่หาดทรายรีไปจนถึงอ่าวเล็กๆ รอบข้าง และที่เด็ดกว่านั้นคือช่วงเย็นๆ ที่พระอาทิตย์กำลังจะตกลงทะเล แสงสีทองจะสะท้อนกับผืนน้ำสีน้ำเงินเข้ม เกิดเป็นวิวที่เรียกได้ว่า “อลังการจนหยุดหายใจ”

“Shark Island” หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า "เกาะหินฉลาม" ตั้งอยู่นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเต่า เป็นเกาะหินเล็กๆ ที่โผล่พ้นน้ำทะเลขึ้นมา มีลักษณะคล้ายครีบฉลาม จึงได้ชื่อเช่นนั้น เกาะฉลามหรือกงทรายแดงไม่เหมาะกับมือใหม่เท่าไหร่ เพราะน้ำลึกและกระแสน้ำค่อนข้างแรง แต่สำหรับสาย Scuba Diving ที่มีประสบการณ์บ้าง บอกเลยว่านี่คือ "โคตรสวรรค์ของนักดำน้ำ" คุณจะได้พบกับแนวปะการังแข็งและนิ่มที่งดงาม หลากสีสัน พร้อมฝูงปลาขนาดใหญ่ อย่างปลากระเบน ปลาไหลมอเรย์ และบางช่วงอาจมีฉลามวาฬผ่านมาทักทาย หากใครไม่มีใบดำน้ำลึก แนะนำให้ซื้อทัวร์ไปดูก็ได้นะ บางรอบมีเรือที่ให้แค่ดำน้ำตื้นรอบๆ ชมวิวเกาะหินกลางทะเลจากมุมสูงก็ฟินไปอีกแบบ

อ่าวแม่หาด เกาะเต่าเป็นหมู่บ้านท่าเรือหลักของเกาะเต่า ที่ไม่ใช่แค่จุดขึ้น-ลงเรือธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา วิถีชีวิตของคนบนเกาะเต่า และร้านค้าท้องถิ่นสุดน่ารัก คุณสามารถเดินเล่นชมบ้านไม้เก่า ร้านชำเก๋ๆ คาเฟ่แนววินเทจ และร้านอาหารพื้นเมืองที่คนบนเกาะเต่าเค้ากินกันจริงๆ แนะนำให้ลองชิมโรตี-ไข่-กล้วย ราดนมข้นหวาน หรือผัดไทยทะเลจานโตราคาน่ารักที่รสชาติเหมือนแม่ทำให้กินเอง อ่าวแม่หาด เกาะเต่ายังเป็นแหล่งช้อปของฝากดีๆ อย่างเสื้อยืดเกาะเต่า งานแฮนด์เมดจากเปลือกหอย ไปจนถึงผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวที่ทำน้ำมัน สบู่ แชมพูแบบออร์แกนิกแท้ๆ

ถ้าเอ่ยถึงที่เที่ยวเกาะเต่าที่มี “จุดชมพระอาทิตย์ตกที่โรแมนติกที่สุด” บนเกาะเต่า คนพื้นที่จะต้องนึกถึง “อ่าวจุลเจือ” ก่อนเป็นอันดับแรกแน่นอน! อ่าวจุลเจือ เกาะเต่าตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะเต่า ไม่ไกลจากอ่าวแม่หาด แต่เงียบสงบและมีเสน่ห์เฉพาะตัวสุดๆ อ่าวจุลเจือมีแนวโค้งของอ่าวที่รับแสงแดดพอดิบพอดีกับช่วงเย็น ทำให้ภาพของพระอาทิตย์ตกดินที่นี่สวยงามระดับโปสการ์ดจริงๆ คุณจะได้เห็นพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับเส้นขอบฟ้าพร้อมแสงทองสะท้อนบนผิวน้ำที่นิ่งสงบ บรรยากาศรอบข้างเงียบและมีเสียงคลื่นเบาๆ ให้ฟังเป็นแบ็กกราวด์

“หาดฟรีด้อมบีช” หรือ Freedom Beach เป็นชายหาดเล็กๆ ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะเต่า ที่คนท้องถิ่นแอบแนะนำกันแบบปากต่อปากว่าถ้ามาแล้วอยากหาที่เงียบๆ น้ำใสๆ ดำน้ำตื้นชิลๆ แบบไม่มีคนเยอะ การเข้าถึงหาดนี้อาจต้องเดินลงเนินเล็กๆ ผ่านทางเดินลัดจากรีสอร์ตบริเวณใกล้ๆ หรือขับมอเตอร์ไซค์มาจอดแล้วเดินลงต่อหน่อย แต่ทันทีที่คุณเดินพ้นแนวป่าลงมาถึงหาดจะต้องตะลึงกับความสวยแบบธรรมชาติสุดๆ ของหาดฟรีด้อมบีช เกาะเต่า น้ำทะเลที่นี่ใสแจ๋วจนมองเห็นพื้นทรายและปลาตัวเล็กว่ายผ่านไปมา เพียงแค่ใส่หน้ากากและท่อหายใจ แล้วว่ายออกไปไม่กี่เมตร คุณจะได้เจอกับแนวปะการังธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ พร้อมกับปลานีโม่ ปลานกแก้ว และฝูงปลาหลากสีสันให้คุณได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด บรรยากาศของฟรีด้อมบีช เกาะเต่านั้นเงียบสงบ ไม่มีร้านค้ามากนัก จึงเหมาะสำหรับคนที่อยากพักใจจากความวุ่นวาย มีเพียงร่มเงาของต้นไม้ รอยยิ้มของคนที่เดินผ่าน และเสียงคลื่นเบาๆ ที่มากระทบฝั่งเท่านั้น

ถ้าพูดถึงจุดดำน้ำที่ “ครบเครื่อง” ที่สุดของเกาะเต่า หนึ่งในอันดับต้นๆ ต้องมีชื่อของ “หินขาว” หรือ White Rock ติดอยู่ด้วยแน่นอน จุดดำน้ำ เกาะเต่า แห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะเต่า และเป็นแหล่งดำน้ำยอดฮิตที่มีครบทั้งความลึก ความสวย และความลุ้น จุดดำน้ำหินขาว เกาะเต่า เป็นจุดดำน้ำกลางทะเล ที่ประกอบด้วยโขดหินใต้น้ำขนาดใหญ่หลายก้อนปกคลุมด้วยปะการังแข็งและปะการังอ่อนหลากสีสัน รอบๆ เต็มไปด้วยชีวิตใต้ทะเล ไม่ว่าจะเป็นปลากระเบน ปลาไหลมอเรย์ ปลาผีเสื้อ และปลาสากฝูงใหญ่ที่ว่ายมาทักทายเป็นระยะ ที่เด็ดสุดคือ สามารถดำน้ำได้ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน (Night Dive) โดยเวลากลางวันจะได้เห็นความสวยงามของปะการังหลากสีและฝูงปลาคึกคัก ส่วนเวลากลางคืน... คุณจะได้พบกับโลกอีกใบที่เต็มไปด้วยสัตว์กลางคืน เช่น ปลาหมึกยักษ์ ปู กุ้งเรืองแสง และอาจเจอเต่าทะเลนอนอยู่บนหินก็ได้ นักดำน้ำมือใหม่ก็สามารถมาที่นี่ได้ เพราะระดับความลึกไม่ซับซ้อนมาก ประมาณ 6–22 เมตร มี Dive Shop หลายแห่งจัดทริปที่นี่เป็นประจำ ใครที่มีใบอนุญาตดำน้ำ หรือกำลังมองหาประสบการณ์ใต้ทะเลแบบเต็มอิ่ม ต้องจดชื่อ “จุดดำน้ำหินขาว เกาะเต่า” ไว้ในลิสต์ของคุณเลย รับรองว่าดำเสร็จแล้วจะอยากดำอีกรอบแน่นอน

เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการดำน้ำ แน่นอนว่าที่เที่ยวเกาะเต่าที่หากใครมาแล้วไม่ควรพลาดย่อมหนีไม่พ้นจุดดำน้ำต่าง ๆ ที่มีอยู่หลายแห่งรอบเกาะ

สำหรับใครที่อยากจะลองสัมผัสกับความงามของโลกใต้ทะเล แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดย่อมหนีไม่พ้นการเรียนดำน้ำ ซึ่งที่นี่มีโรงเรียนสอนดำน้ำให้เราได้เลือกหลายแห่ง แถมแต่ละแห่งยังมีคอร์สที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนน้ำเบื้องต้นสำหรับผู้ไม่มีประสบการณ์ไปจนถึงคอร์สเรียนดำน้ำสำหรับมือโปร

เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะพาทุกคนไปตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพของท้องทะเลทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ภายใต้บรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติกของพระอาทิตย์ยามลับขอบฟ้า โดยที่เที่ยวเกาะเต่าที่เป็นไฮไลต์สำหรับการชมวิวพระอาทิตย์ตกได้แก่ จุดชมวิวแมงโก้, จุดชมวิวเวสต์โคสต์ และจุดชมวิวเลิฟเกาะเต่า

เกาะนางยวนเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่เราสามารถเดินข้ามจากเกาะเต่าตอนน้ำลงได้ โดยจุดเด่นของเกาะนางยวนได้แก่ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการนั่งพักผ่อนริมชายหาด และการดำน้ำตื้นชมปะการังหลากหลายสีสัน

บาร์และปาร์ตี้นับว่าเป็นสีสันอีกหนึ่งอย่างของเกาะที่โดดเด่นไม่แพ้ความสวยงามของท้องทะเล โดยจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องราตรีได้แก่ หาดทรายรีซึ่งมีร้านให้นักท่องเที่ยวได้เลือกหลายสไตล์ทั้ง บาร์นั่งชิล บาร์ดนตรีสด ไปจนถึงผับ

การเดินทางไปเกาะเต่าปัจจุบัน นั้นสะดวกและมีหลายเส้นทางให้เลือกตามความสะดวก งบประมาณ และสไตล์การเดินทางของคุณ ไม่ว่าจะเดินทางแบบแบ็คแพคสุดชิล หรือแบบครอบครัวสบายๆ ก็มีตัวเลือกเหมาะสมให้ครบ

รูปแบบการเดินทาง

บริษัทรวมตั๋ว (แพ็กเกจ รถ + เรือ โดยตรง) ะยะทางรวม: ประมาณ 500 กม.

รูปแบบการเดินทาง

เวลาเดินทาง: ขับรถประมาณ 6.5–7.5 ชั่วโมง แล้วต่อเรืออีก 2–3 ชั่วโมง

ค่าใช้จ่าย

✅ ข้อดี: ยืดหยุ่นเรื่องเวลา แวะเที่ยวระหว่างทางได้

⚠️ ข้อควรระวัง: ขับรถไกล อาจเหนื่อย และต้องหาที่จอดรถใกล้ท่าเรือล่วงหน้า

เมื่อพูดถึงการเที่ยวเกาะแก่งน้อยใหญ่ แน่นอนว่าคำถามแรกที่ใครหลายคนสงสัยย่อมหนีไม่พ้นเกาะเต่าเที่ยวเดือนไหนถึงจะไม่เจอพายุฝน โดยฤดูท่องเที่ยวของเกาะแห่งนี้สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดู ได้แก่ช่วงไฮซีซัน (ธันวาคม-มีนาคม), ช่วงกลาง (เมษายน-กันยายน) และ ช่วงโลว์ซีซัน (ตุลาคม-พฤศจิกายน) ซึ่งในแต่ละช่วงต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปตามรายละเอียดด้านล่าง ดังนี้

เกาะเต่าไม่ใช่แค่ “เกาะ” ธรรมดาๆ นะ บอกเลยว่าเกาะนี้คือสวรรค์ของสายทะเล น้ำใส ปลาเยอะ และบรรยากาศดีจนน่าอิจฉา ที่สำคัญคือ “คนที่นี่ใจดีสุดๆ” แบบที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนไปบ้านเพื่อนมากกว่ามาเที่ยวไกลๆ เกาะเต่าตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอ่าวไทยในเขตพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยตัวเกาะห่างจากแผ่นดินใหญ่ประมาณ 70 กิโลเมตร แม้จะมีขนาดเล็กเพียง 21 ตารางกิโลเมตร แต่ที่นี่กลับเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะศูนย์กลางการดำน้ำแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนอกจากจะเป็นจุดหมายปลายทางของการดำน้ำแล้ว ด้วยสภาพแวดล้อมของที่เที่ยวเกาะเต่าที่ยังคงไว้ซึ่งความงดงามทางธรรมชาติ ทั้งชายหาดและป่าไม้เขียวขจี อีกทั้งบรรยากาศยังไม่วุ่นวายเหมือนกับเกาะสมุยหรือเกาะพะงัน จึงทำให้ที่นี่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มองหาความเงียบสงบ

เกาะเต่าเป็นหนึ่งใน “Top 10 จุดดำน้ำของโลก” ที่มีทั้งดำน้ำตื้น (Snorkeling) และดำน้ำลึก (Scuba Diving) เหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปร ปลานีโม่ ปลาปักเป้า เต่าทะเล และแม้แต่ฉลาม ก็มีให้เห็นกันแบบไม่ต้องออกเรือไกลเมื่ออ่านจบ ทุกคนก็พร้อมแล้วสำหรับการไปสัมผัสเสน่ห์ของเกาะเต่าที่งดงามกว่ารูปภาพและตัวหนังสือหลายเท่า โดยสามารถจองตั๋วเครื่องบิน รวมถึง ที่พักเกาะเต่า ผ่าน Traveloka แอปฯ จองตั๋วเครื่องบินไปสุราษฎร์ธานี และที่พักราคาดีไว้ให้คุณแบบครบครัน แพลนทริปได้ครบจบในที่เดียว แล้วออกไปสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืมด้วยตัวเองได้เลย ดาวน์โหลดแล้วเริ่มต้นใช้งานได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android อย่าลืมไปให้ครบทั้ง 15 ที่เด็ดๆ ที่คน Local บอกต่อกันมานาน เพราะแต่ละที่มีความพิเศษของมันอยู่ แล้วคุณจะเข้าใจว่า “เกาะเต่าไม่ใช่แค่เกาะ แต่คือประสบการณ์ที่ต้องสัมผัสด้วยหัวใจ”