Traveloka TH
13 Aug 2021 - 5 min read
เชื่อว่าสวิสคือประเทศที่นักเดินทางทุกคนต้องอยากไปเช็คอินกันซักครั้ง เพราะนี่คือประเทศที่ทุกซอกทุกมุมนั้นสวยเหมือนอยู่ในสวรรค์เลยละ จะเป็นธรรมชาติทั้งทะเลสาบ ภูเขา ทุ่งหญ้า หรือจะเป็นอาคารบ้านเรือนหน้าตาน่ารักที่เน้นความเรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน นอกจากนั้น สวิสยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยในการใช้ชีวิตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วยจ้า เรียกว่าเป็นประเทศที่ควรค่าแก่การไปเยือนจริงๆ นะ ถ้าสนใจก็จองตั๋วเครื่องบินจากเว็บไซต์ Traveloka พร้อมใช้ Promo Filter ช่วยกรองตั๋วโปรราคาเด็ด จากนั้นไปเช็คมาตรการสนามบินที่นี่ แล้วบินไปสวิตเซอร์แลนด์ได้เลยจ้า แล้วจะรู้ว่าสวรรค์บนดินน่ะ มีอยู่จริง!
เช็คราคา ตั๋วเครื่องบินไปสวิตเซอร์แลนด์ ราคาพิเศษ
พิกัดสวยบนความสูง 3,466 เมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปกันด้วยจ้า โดยรถไฟสายยุงเฟราขบวนนี้จะวิ่งจากเมืองอินเทอร์ลาเคินมายังสถานียุงเฟรายอร์ค ซึ่งสามารถเดินเท้าต่อขึ้นไปยังยอดเขายุงเฟราได้ แถมที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของหอดูดาวสฟิงซ์ ซึ่งเป็นหอดูดาวที่สูงที่สุดในโลกด้วยนะ นอกจากนั้นยังมีถ้ำน้ำแข็งให้ได้เดินเล่นรับความเย็นกันแบบสะใจ ยอดเขายุงเฟรานั้นได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกไปแล้วเรียบร้อยจ้ะ และเป็นแลนด์มาร์คที่ไม่น่าพลาดเมื่อมาถึงสวิสเลยเชียว
แมทเทอร์ฮอร์นนั้นนับเป็นหนึ่งในยอดเขาที่สวยที่สุดของโลก ตั้งอยู่ในเมืองเซอร์แม็ทท์ซึ่งเป็นเมืองยอดนิยมของเหล่าคนชอบสกีหิมะ นอกจากนั้นยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่อากาศดีที่สุดในโลก เพราะเป็นเมืองปลอดรถยนต์แบบ 100% ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นนั้นเป็นต้นแบบของโลโก้ช็อกโกแลต Toblerone และบริษัทผลิตภาพยนตร์ Paramount Pictures อันโด่งดัง จะชมความสวยของยอดเขานี้จากในเมืองเซอร์แม็ทท์ก็ได้ หรือจะนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปชมความสวยของยอดเขากันแบบใกล้ๆ ก็ดี ไม่ว่าจะวิธีไหนก็แนะนำว่าควรต้องไปเช็คอิน
อินเทอร์ลาเคินนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองสองทะเลสาบ เพราะตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Thun และ Brienz แถมยังล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาเกือบทุกด้าน ตัวเมืองนี้นั้นถือว่าเพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่พัก และร้านอาหาร ไฮไลท์ในเมืองนี้คือการไปเยือนจุดชมวิว Harder Kulm หรือจะเลือกไปล่องเรือชมความสวยของทะเลสาบกันแบบสุดชิลล์ก็ยังได้ นับเป็นแลนด์มาร์คสุดสโลว์ไลฟ์ที่ไม่ควรพลาดไปเช็คอินกันเลยละ
สะพานชาเปลแห่งนี้ นับเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนศตวรรษที่ 14 และยังเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญทั้งของเมืองลูเซิร์นและประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย สะพานนี้ถูกตั้งชื่อตามโบสถ์เซนต์ชาเปลที่อยู่ไม่ไกลกัน บนตัวสะพานมีภาพวาดเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี ที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองลูเซิร์นตั้งแต่ในราวศตวรรษที่ 17 กลางสะพานมีหอคอยกลางน้ำซึ่งในยุคโบราณเคยถูกใช้เป็นคุกและห้องทรมานนักโทษมานานหลายศตวรรษ นับว่าเป็นอีกพิกัดที่ต้องแวะมาเช็คอิน
หมู่บ้านซึ่งมีวิวสุดอัศจรรย์เหมือนสวรรค์บนโลกมนุษย์แห่งนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองอินเทอร์ลาเคินซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องความงดงาม หมู่บ้านนี้ตั้งกระจายตัวอยู่กลางวงล้อมของขุนเขาเหมือนหมู่บ้านในเทพนิยาย เพิ่มความน่าตื่นตาตื่นใจด้วยน้ำตกสูงที่ไหลลงจากหน้าผา สวยขนาดนี้จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่จึงเป็นแหล่งเช็คอินที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไม่ขาดสาย แถมที่นี่ยังเป็นทางผ่านไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในเทือกเขาแอลป์อีกด้วยจ้า ไม่มาคือพลาดจริงๆ
นี่คือขบวนรถไฟในเส้นทางที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในยุโรป และเชื่อว่าต้องเป็นหนึ่งเส้นทางที่สวยที่สุดในโลกด้วยจ้า นอกจากนั้นยังเป็นเส้นทางรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ด้วยนะ ปิดท้ายด้วยการเป็น 1 ใน 3 เส้นทางรถไฟซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกไปอีก โดยเบอร์นิน่า เอ็กซเพรสนั้นเป็นรถไฟที่วิ่งเชื่อมจากเมือง Chur ของสวิส ไปยังเมือง Tirano ของอิตาลี ตลอดเส้นทาง 121 กิโลเมตรนี้จะมีสะพาน 196 สะพาน อุโมงค์ 55 แห่ง แถมยังผ่าน Swiss Alps ทะเลสาบ น้ำตก และธรรมชาติอีกมากมาย ต้องไปขึ้นให้ได้เด้อ!
ซูริคคือเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ และยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจที่มีความเจริญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีกลิ่นอายของความเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งสะท้อนผ่านสถาปัตยกรรมและอาคารหลายแห่งให้เห็นกัน ไม่ว่าจะเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งและโบสถ์อีกมากมาย แถมรอบตัวเมืองก็ยังมีธรรมชาติสวยๆ ให้ชิลล์กันได้ด้วยนะ เป็นอีกแลนด์มาร์คหลักที่ควรต้องเช็คอินอีกเช่นกัน
เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสวยของเมืองลูเซิร์นที่ไม่ควรพลาด ที่เริ่ดมากคือที่นี่ห่างจากตัวเมืองลูเซิร์นไม่เกิน 10 กิโลเมตรจ้า นอกจากทิวทัศน์สวยๆ ที่มีให้ชมกันแล้วนะ ที่นี่ยังมีไฮไลท์เป็นเส้นทางรถไฟฟันเฟืองไต่เขาที่สูงชันที่สุดในโลก ซึ่งสองข้างทางเป็นวิวสวยตระการตา ด้านบนมีจุดชมวิว ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกและโรงแรมด้วยจ้า ระหว่างสถานีมีพิกัดให้แวะอยู่สองสามจุดนะ แถมยังมีกระเช้าไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้ใช้บริการขึ้น - ลงเขากันด้วยจ้า ขึ้นด้วยรถไฟลงด้วยกระเช้าก็คือเริ่ดนะ รับรองว่าต้องฟิน
ไม่ใช่จะมีแค่ทุ่งหญ้า ภูเขา ดอกไม้ และทะเลสาบ ให้ชมกันแค่นั้นนะ แต่สวิสยังมีธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์ให้ชมกันด้วยจ้า โดยธารน้ำแข็งแห่งนี้มีความยาวถึง 23 กิโลเมตร ทอดตัวผ่านตอนกลางของประเทศไปจนถึงภาคใต้ ส่วนที่หนาที่สุดของธารน้ำแข็งอเลิซช์ กลาเซีย นั้นมีความหนาวัดได้ถึงประมาณ 900 เมตรเลยเชียวนะ โดยที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแล้วเช่นกันจ้า ที่นี่มีกิจกรรมล่องธารน้ำแข็งให้เล่นกันด้วยนะ และเพราะปรากฏการณ์โลกร้อนทำให้ธารน้ำแข็งละลายเพิ่มขึ้นทุกปี แบบนี้ยิ่งต้องรีบมาแล้วละ
นี่คือขบวนรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งช้าที่สุดในโลก! และเป็นรถไฟชมทัศนียภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเส้นทางวิ่งจาก St. Moritz สู่เมือง Zermatt ผ่านสวิสแอลป์และยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นอันโด่งดัง ซึ่งตลอดเส้นทางจะมีวิวว้าวๆ ของธรรมชาติให้ชมกันแบบจุใจ ผ่านสะพานทั้งหมด 291 แห่ง อุโมงค์อีก 91 อุโมงค์ และยังผ่านแม่น้ำ เทือกเขา บ้านเรือน และทิวทัศน์สุดเร้าใจอีกมากมาย โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วงการเดินทาง เส้นทางแบบเต็มๆ ใช้เวลาประมาณ 8 - 9 ชั่วโมงกันไปเลยจ้า ดูวิวไม่เต็มตาก็ให้มันรู้ไป
แม้ว่าน้ำตกสวยๆ ในเมืองไทยจะมีให้ดูกันเพียบ แต่นี่คือน้ำตกสุดอลังการที่แตกต่างออกไป เพราะน้ำตกไรน์แห่งนี้นั้นเป็นน้ำตกที่อยู่กลางแม่น้ำ และยังอยู่กลางเมืองกันไปเลยจ้า จึงให้ภาพที่สวยแปลกตาเพราะท่ามกลางสายน้ำอลังการ เราจะได้เห็นบ้านเรือนและปราสาทโบราณรายล้อมอยู่! ด้วยความกว้าง 150 เมตร สูง 23 เมตร ทำให้น้ำตกแห่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป กลางน้ำตกมีเกาะเล็กๆ ที่เปิดให้ลงเรือเข้าไปชมความเชี่ยวกรากกันอย่างใกล้ชิด แต่ถ้าใครคิดว่าการล่องเรือชมมันเร้าใจไป เค้าก็มีเส้นทางเดินชมรอบๆ ให้ชิลล์กันได้จ้า แวะมานะ รับประกันว่าสวยสะใจ
ทะเลสาบเจนีวา ตั้งอยู่ปลายสุดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ และเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปตะวันตก คั่นกลางอยู่ระหว่างพรมแดนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส พื้นที่บริเวณรอบทะเลสาบส่วนใหญ่เป็นสวนสาธารณะซึ่งมีสภาพธรรมชาติสวยงามเหมาะแก่การมาพักผ่อน รวมถึงอาคารเก่าแก่และน่าสนใจมากมาย ไฮไลท์ของทะเลสาบเจนีวาก็ต้องยกให้กับน้ำพุ Jet d-Eau ซึ่งพ่นน้ำขึ้นไปบนความสูงกว่า 140 เมตร และนับเป็นหนึ่งในน้ำพุที่มีความสูงที่สุดในโลกด้วยนะ มาเจนีวาต้องแวะมาเช็คอิน
จะเรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คประจำเมืองมองเทรอซ์ก็ว่าได้ สำหรับปราสาทสไตล์กอธิกที่สร้างขึ้นในราวยุคศตวรรษที่ 13 แห่งนี้ ตัวปราสาทตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา โดยในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่ควบคุมการสัญจรทางเรือและใช้เก็บค่าผ่านทาง ก่อนจะถูกใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษทางการเมืองในช่วงศตวรรษที่ 16 ด้านในมีห้องให้ชมกว่า 25 ห้อง และมีจุดที่มองออกมาชมความสวยของทะเลสาบเจนีวาได้ เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่สายประวัติศาสตร์ควรหาโอกาสมาเยี่ยมชม
แม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตมากมาย แต่ก็เรียกได้ว่านี่คือแลนด์มาร์คอีกแห่งของเมืองลูเซิร์น กับอนุสาวรีย์สิงโตสะอื้นที่สร้างขึ้นโดยฝีมือของรัฐบาลฝรั่งเศส เพื่อมอบให้เป็นของกำนัลแด่ทหารสวิส 786 นาย ที่เสียชีวิตจากการปกป้องพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อองตัวแนตต์ จากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 และทหารส่วนใหญ่นั้นเป็นชาวลูเซิร์น นี่จึงเป็นอนุสาวรีย์ที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและซื่อสัตย์ที่ชาวเมืองนี้ภาคภูมิใจ และเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่มาลูเซิร์นแล้วควรต้องไปเช็คอิน
อีกหนึ่งแลนด์มาร์คยอดฮิตที่ไปสวิสแล้วอยากชวนให้แวะไปเช็คอินกัน ก็คือการไปพิชิตยอดเขาทิตลิสในเมือง Engelberg ซึ่งมีความสูง 3,238 เมตร และเป็นพิกัดที่คนรักความหนาวน่าจะถูกใจเพราะที่นี่มีหิมะให้เห็นกันได้แทบจะตลอดทั้งปี ความเก๋คือการมีกระเช้าไฟฟ้าซึ่งหมุนได้ 360 องศา ให้เราชมความสวยของทิวทัศน์รอบๆ กันแบบจุใจ แถมยังมีถ้ำน้ำแข็งและสะพานแขวนบนความสูงกว่า 3,000 เมตร ให้เดินชมความสวยกันแบบขาสั่นไปเลยจ้า เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในสวิสที่ควรต้องแวะมาเช็คอิน
สวิตเซอร์แลนด์คือดินแดนที่ควรหาโอกาสไปเยือนกันให้ได้ซักครั้งในชีวิตเลยละ เพราะนี่คือดินแดนที่เปรียบเหมือนสวรรค์บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่งดงามจับใจ อากาศที่บริสุทธิ์และเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี แถมยังเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยในการท่องเที่ยวสูงมาก สายช้อปก็มีข้าวของให้จับจ่ายกันแบบจุกๆ ไปเลยละ นี่จึงเป็นพิกัดที่เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย และเชื่อว่าไปเมื่อไหร่ก็ต้องประทับใจกันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน