วิธีการเดินทางในกรุงเทพฯ
ในสมัยก่อน กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีคูคลองเล็กๆ มากมาย และใช้การเดินทางทางน้ำด้วยเรือเป็นการคมนาคมหลัก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น เวนิสแห่งตะวันออก แต่ในปัจจุบันการคมนาคมในกรุงเทพฯ มีความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย ทั้ง รถไฟใต้ดิน รถไฟฟ้ามหานคร รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ รถประจำทาง รถตู้สาธารณะ รถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และทางเรือ ซึ่งราคาเริ่มต้นของการใช้บริการรถสาธารณะในกรุงเทพฯ นั้น โดยประมาณจะเริ่มต้นตั้งแต่ 10 - 40 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของการคมนาคมที่เลือกใช้ และระยะทางที่ต้องการเดินทางนั่นเอง นอกจากนั้น กรุงเทพฯ ยังถือเป็นเมืองต้นทางหลัก สำหรับการเดินทางต่อไปยังจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทยด้วยรถไฟ โดยมีสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งถือเป็นต้นทางของเส้นทางรถไฟที่จะเดินทางไปยังทุกเส้นทางในจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย รวมถึงการเดินทางต่อไปยังต่างจังหวัดและต่างประเทศโดยเครื่องบิน ซึ่งกรุงเทพมหานคร มีสนามบินหลักอยู่สองแห่ง คือสนามบินสุวรรณภูมิ (ซึ่งอยู่ในเขตรอยต่อของกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ) และสนามบินดอนเมือง จึงถือได้ว่ากรุงเทพมหานครนั้น ถือเป็นศูนย์กลางใหญ่ของการเดินทางในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเทพ
ด้วยความที่เป็นเมืองแห่งการผสมผสานทั้งวัฒนธรรมแบบโบราณที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และความทันสมัยเทียบเท่าเมืองใหญ่หลายๆ เมืองในโลกนี้เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ดึงดูดในรูปแบบเฉพาะตัวอย่างเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร และเมื่อเอกลักษณ์เหล่านี้มีการผสมผสานอย่างกลมกลืนกับวัฒนธรรมอีกหลากหลายในแบบตะวันตกและตะวันออก ทั้งวิถีชีวิต สถาปัตยกรรม รวมไปถึงอาหาร จึงหลอมรวมให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองแห่งความหลากหลายและมีชีวิตชีวาชนิดที่แทบจะหาไม่ได้จากเมืองอื่นๆ ในโลกนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลมายังกรุงเทพฯ ทั้งที่มาเป็นครั้งแรก และกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะหลงใหลเมืองหลวงของประเทศไทยเมืองนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นนั่นเอง และหากสนใจจะเดินทางท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร ลองมองหาความสะดวกสบายในการเดินทางและที่พักจาก Traveloka ดูสิ เราว่าน่าจะมีหลายตัวช่วยเลยละ ที่จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของคุณง่ายขึ้นอย่างแน่นอน แล้วลองมาดูตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในกรุงเทพฯ กันก่อนดีกว่า ว่ามีที่ไหนบ้าง?
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว ที่คนไทยรู้จักกันดี เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย โดยด้านในมีสถาปัตยกรรมโบราณชวนให้ตื่นตาตื่นใจมากมายรายรอบอยู่แทบจะทุกจุดที่ได้เดินผ่าน ใกล้กันยังมีความงามของพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ไทยในยุครัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 5 และในปัจจุบัน ยังคงมีการใช้สถานที่ทั้งสองแห่งนี้ในการประกอบพระราชพิธีสำคัญๆ ของประเทศไทยอยู่อย่างสม่ำเสมอ วัดพระแก้วถือเป็นเอกลักษณ์และภาพจำอย่างหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งความงดงามของสถาปัตยกรรมไทยที่แสนสมบูรณ์และน่าตื่นตาตื่นใจในสถานที่แห่งนี้ ยังคงมีมนตร์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาชมความงามได้ปีละหลายล้านคนเลยทีเดียว
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 – 15.30 น.
ค่าเข้าชม: คนไทยสามารถเข้าชมได้ฟรี การแต่งกายสุภาพ
ตลาดนัดจตุจักร
นับเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ในสมัยแรกเริ่ม ตลาดนัดแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นที่บริเวณสนามหลวง แต่ต่อมาได้รับการโยกย้ายสถานที่มายังบริเวณปัจจุบันและเปลี่ยนชื่อเป็นตลาดนัดจตุจักรตามทำเลที่ตั้ง ภายในบรรจุแผงค้ากว่า 8,000 แผง โดยแบ่งสินค้าออกเป็นหมวดหมู่ใหญ่ๆ 8 หมวด ครอบคลุมทุกสรรพสิ่งให้ซื้อหา ตั้งแต่สัตว์เลี้ยง พืชผัก ต้นไม้ อาหาร ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ในทุกประเภท เดิมทีตลาดนัดจตุจักรเปิดเฉพาะในวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน มีการเปิดขายข้าวของในวันอื่นของสัปดาห์ โดยวันพุธและพฤหัสเปิดเป็นตลาดนัดต้นไม้ วันศุกร์เปิดเป็นตลาดนัดเซรามิก และมีการเปิดบริการเปิดตลาดนัดกลางคืนในบริเวณใกล้เคียงตั้งแต่ช่วงเย็นวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์อีกด้วย
เวลาเปิด – ปิด วันพุธ - วันพฤหัสบดี ตลาดนัดต้นไม้ เวลา 05.00 - 18.00 น.
วันศุกร์ ตลาดนัดเซรามิก เวลา 08.00 - 21.00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ ตลาดนัดทั่วไป เวลา 08.00 - 21.00 น.
ถนนข้าวสาร
เป็นถนนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 และถือเป็นย่านการค้าข้าวสารที่ใหญ่ที่สุดของเขตพระนคร ในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งถือได้ว่าเป็นที่มาของชื่อถนนนี้ ในภายหลัง เมื่อวิถีชีวิตผู้คนเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ถนนข้าวสารจึงเริ่มมีการขยายตัวเป็นชุมชนที่ใหญ่ขึ้น และเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมเข้ามาพักอาศัย จนกลายเป็นแหล่งชุมนุมของเกสท์เฮ้าส์มากมาย และได้ชื่อว่าเป็นแหล่งศูนย์รวมของเหล่านักท่องเที่ยวในสไตล์แบ็คแพ็คเกอร์ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบัน ถนนเส้นนี้กลายเป็นย่านการค้าที่คึกคักมีชีวิตชีวาตลอด 24 ชั่วโมง เป็นแหล่งรวมทั้งร้านอาหาร ร้านค้า ที่พัก และสถานบันเทิงในยามค่ำคืนยอดนิยมของทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงของเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะเห็นภาพนักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลกันเข้าไปเล่นน้ำอย่างสนุกสนานในถนนสายเล็กๆ แห่งนี้กันแน่นขนัดเป็นประจำในทุกปี
ถนนเยาวราช
ถือเป็นถนนสายสั้นๆ ที่มีความยาวเพียงแค่ราวๆ 1.5 กิโลเมตร แต่กลับมีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมากมาอย่างยาวนานนับร้อยปี โดยในถนนเส้นนี้มีชาวจีนซึ่งอพยพเข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทยตั้งแต่สมัยก่อนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ไชน่าทาวน์เมืองไทย และถือเป็นแหล่งชุมชนชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว อีกหนึ่งสมญานามคือการได้รับการขนานนามว่าเป็น ถนนสายทองคำ เพราะตลอดเส้นทางของถนนสายนี้ มีร้านขายทองคำตั้งอยู่มากมายตลอดสองข้างทาง และยังเป็นศูนย์รวมของตลาดขายวัตถุดิบในการประกอบอาหารจีนแบบครบวงจร นอกจากนั้น ถนนเยาวราชยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะแหล่งรวมฟู้ดสตรีทเจ้าอร่อยมากมายทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนอีกด้วย
เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
เดิมเคยเป็นท่าเรือสินค้านานาชาติ ของบริษัทอีสต์เอเชียติก ตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงจนเป็นศูนย์การค้าแนวราบริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างซอยเจริญกรุง 72 – 76 มีจุดเด่นที่ทำให้เป็นที่รู้จักคือชิงช้าสวรรค์ริมแม่น้ำขนาดใหญ่ที่มีชื่อเรียกว่า เอเชียทีค สกาย ซึ่งถือเป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นจุดเด่นที่จะสามารถมองเห็นได้จากในระยะไกล ในบริเวณพื้นที่โดยรอบของเอเชียทีคจะประกอบไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย โดยส่วนหนึ่งเป็นร้านค้าที่โยกย้ายมาจากบริเวณสวนลุมไนท์บาร์ซ่าเดิม รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของโรงละครคาลิปโซ่ และโรงละครโจหลุยส์อีกด้วย
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00 – 24.00 น.
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์
ตั้งอยู่บริเวณถนนราชดำเนิน ใกล้กับวัดราชนัดดาราม เป็นอาคาร 4 ชั้น ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและเรื่องราวต่างๆ ของกรุงรัตนโกสินทร์ ผ่านห้องจัดแสดงที่มีการตั้งชื่อไว้อย่างคล้องจองกัน โดยนำเสนอตั้งแต่ต้นกำเนิดกรุงรัตนโกสินทร์ ความสวยงามของศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม มหรสพการแสดง พระราชพิธี ไปจนถึงวิถีชีวิตต่างๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนดำเนินไปในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ โดยนำเสนอผ่านสื่อผสมอันหลากหลาย ทั้งแสง สี เสียง รูปภาพ ไปจนถึงสื่อมัลติมีเดียแบบ 4 มิติ ให้ผู้เข้าชมได้รับความรู้ในรูปแบบใหม่ได้อย่างสนุกสนานและไม่น่าเบื่อ เหมาะสำหรับผู้คนทุกเพศทุกวัย
เปิดบริการทุกวัน (เว้นวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 10.00 – 19.00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก (ความสูงไม่เกิน 120 ซม.) เข้าชมฟรี
ทริปท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร
นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวที่นำเสนอมา กรุงเทพมหานครยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย มาลองวางแผนทริปท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ เริ่มต้นที่ 2 วัน 1 คืนด้วยตัวคุณเองได้แบบง่ายๆ โดยดูตัวอย่างที่เรานำเสนอเป็นต้นแบบด้านล่างดูก่อน แล้วอย่าลืมจองที่พักและตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka เพื่อความสะดวก ครบ จบในขั้นตอนเดียว
วันที่ 1
เริ่มต้นตอนเช้าด้วยความงดงามและเป็นสิริมงคลที่วัดพระแก้ว เนื่องจากในช่วงเช้าอากาศยังไม่ร้อนมาก และนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยพลุกพล่าน ทำให้มีโอกาสได้ชื่นชมกับความงดงามของศิลปะรอบๆ วัดพระแก้วแบบเต็มอิ่ม เต็มตา ในอารมณ์ที่สงบและสบาย
จากวัดพระแก้ว เดินต่อมาอีกนิดจะพบกับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก นอกจากจะมีศิลปกรรมที่งดงามให้เยี่ยมชม มีพระนอนองค์ใหญ่ให้ได้กราบสักการะ วัดโพธิ์ยังเป็นต้นกำเนิดของการนวดแผนไทยที่โด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย หากมีเวลาแวะลองนวดให้สบายตัวกันซักหน่อยเป็นไร
จากวัดโพธิ์ ลองแวะมาหาของอร่อยมื้อเที่ยงกินในบรรยากาศย้อนยุคสุดคลาสสิกกันหน่อยดีกว่า แนะนำร้าน เมธาวลัย ศรแดง ร้านอาหารไทยต้นตำรับที่อยู่คู่กับถนนราชดำเนินมากว่า 60 ปี เสิร์ฟอาหารไทยรสอร่อยต้นตำรับท่ามกลางความคลาสสิกของการตกแต่งร้านและเพลงในยุคเก่าที่เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต เป็นอีกหนึ่งอารมณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน
เดินเที่ยวรอบบ่ายกันต่อที่ นิทรรศรัตนโกสินทร์ เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของเกาะรัตนโกสินทร์อันเก่าแก่และมีความสำคัญมานับร้อยปี ผ่านการนำเสนออันทันสมัยที่จะทำให้ทั้งครอบครัวสนุก เพลิดเพลิน และได้รับความรู้ไปในเวลาเดียวกัน
เดินต่อมาอีกนิด แล้วนั่งพักแวะกินของว่างยามบ่ายในบรรยากาศและราคาสบายๆ ที่ร้านมนต์นมสด ร้านเก่าแก่กว่า 40 ปีที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน อยู่ใกล้กับเสาชิงช้าและศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร อย่าพลาดชิมนมสดรสอร่อยและขนมปังสังขยาอันเป็นของขึ้นชื่อของร้านนี้ด้วยนะ ถือเป็นการเติมพลังกันเบาๆ ก่อนออกเที่ยวกันต่อ
จากร้านมนต์นมสดมาไม่ไกล อย่าลืมแวะชมความงามของวัดราชนัดดารามวรวิหาร อีกหนึ่งโบราณสถานเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2389 ชมความงามของโลหะปราสาทแห่งเดียวในประเทศไทยและเป็นแห่งเดียวในโลก จากนั้นเดินต่อมาอีกนิดยังวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แล้วออกกำลังขากันซักนิดเดินขึ้นไปยังบริเวณส่วนบนของภูเขาทอง รับรองว่าวิวงดงามของย่านเมืองเก่ากรุงเทพมหานครในยามเย็นจะทำให้ประทับใจจนลืมความเหนื่อยไปเลยละ
หลังจากเดินเที่ยวใช้พลังงานมาทั้งวัน มื้อเย็นมาหาอาหารอร่อยๆ ระดับมิชลินกินกันที่ร้านเจ๊ไฝ ร้านอาหารหน้าตาบ้านๆ แต่คุณภาพระดับคว้ามิชลิน 1 ดาวมาครองได้แบบสบายๆ เพราะนอกจากรสชาติอร่อยและสะอาดแล้ว ร้านนี้ยังใช้วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมในการปรุงอาหาร ราคาอาจจะแรงไปนิดสำหรับสตรีทฟู้ด แต่เชื่อเหอะว่าคุ้มค่าควรลอง
ปิดท้ายวันกันแบบชิลล์ๆ ที่ถนนข้าวสาร จะเดินเล่นดูข้าวของย่อยอาหาร ซึมซับบรรยากาศสุดคึกคักในยามค่ำคืนของหนึ่งถนนสุดฮ้อตของประเทศไทย หรือจะเดินไปชิมไปแวะหาของอร่อยนิดๆ หน่อยๆ ใส่ท้องกันต่อก็ย่อมได้ และสุดท้ายถ้าเป็นสายกินดื่ม มาจบวันที่นี่ รับรองไม่มีคำว่าผิดหวัง!
วันที่ 2
เอาใจสายช้อปด้วยการเริ่มต้นวันในตอนสายๆ ที่ตลาดนัดจตุจักร กับการเดินเล่นจับจ่ายใช้สอยเสื้อผ้าข้าวของสารพัดสิ่ง ที่มีตั้งแต่ข้าวของมือสองจากต่างประเทศทั้งเสื้อผ้า แอ็คเซสซอรี่ส์ ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน หรือถ้าอยากได้ของมือหนึ่งใหม่ถอดด้าม ที่นี่ก็มีให้เลือกมากมายเช่นกัน รวมถึงร้านอาหารรสชาติอร่อยมากมาย เรียกได้ว่าใช้เวลาอยู่ที่นี่ทั้งวันได้แบบไม่มีเบื่อเลยทีเดียวละ
หรือถ้าอยากช้อปแบบสบายๆ ในสไตล์บูติคขึ้นมาอีกนิด แนะนำให้มาเดินเล่นที่ย่านสยามสแควร์ แหล่งช้อปปิ้งที่รวมแฟชั่นชั้นนำของชาวกรุงเทพไว้ในที่เดียว มีตั้งแต่แบรนด์ไฮเอนด์ราคาหรู ไปจนถึงสตรีทแวร์ราคาหลักร้อยต้นๆ สบายกระเป๋า รับรองว่าตอบทุกโจทย์ ทุกราคา ของสายแฟชั่นที่รักการช้อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจได้แน่นอน
หากเวลายังเหลือ แวะเดินเล่นที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครกันหน่อยเป็นไร ใช้เวลาพักผ่อนชิลล์ๆ เดินชมงานศิลปะร่วมสมัยยกระดับจิตใจและสร้างความเพลิดเพลินได้เป็นอย่างดี หรือหากใครชื่นชอบศิลปะแบบไทยๆ ใกล้ๆ กันยังมีพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน เรือนไทยหลังงามที่เป็นแหล่งรวมข้าวของสะสมสารพัดสิ่งของอดีตนายทหารอเมริกันผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมผ้าไหมไทย รับรองว่าคนชอบดูความงามของข้าวของเครื่องใช้แบบไทยแท้ๆ ต้องใช้เวลาแบบสุดเพลิดเพลินกันได้ที่นี่แน่นอน
หวังว่าทริปท่องเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน ที่ให้ 2 อารมณ์อันแตกต่างในสถานที่ท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานครที่เรานำมาฝากกัน คงจะเป็นไอเดียเริ่มต้นที่หลายคนจะนำไปปรับใช้กับการเดินทางท่องเที่ยวในสไตล์ของตัวเองได้ไม่มากก็น้อย กรุงเทพมหานครยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ลองเริ่มต้นทริปท่องเที่ยวในรูปแบบของคุณเองดูแล้วคุณนะรักกรุงเทพมากขึ้น
วิธีการเดินทางในกรุงเทพฯ
ในสมัยก่อน กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีคูคลองเล็กๆ มากมาย และใช้การเดินทางทางน้ำด้วยเรือเป็นการคมนาคมหลัก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น เวนิสแห่งตะวันออก แต่ในปัจจุบันการคมนาคมในกรุงเทพฯ มีความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย ทั้ง รถไฟใต้ดิน รถไฟฟ้ามหานคร รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ รถประจำทาง รถตู้สาธารณะ รถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และทางเรือ ซึ่งราคาเริ่มต้นของการใช้บริการรถสาธารณะในกรุงเทพฯ นั้น โดยประมาณจะเริ่มต้นตั้งแต่ 10 - 40 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของการคมนาคมที่เลือกใช้ และระยะทางที่ต้องการเดินทางนั่นเอง นอกจากนั้น กรุงเทพฯ ยังถือเป็นเมืองต้นทางหลัก สำหรับการเดินทางต่อไปยังจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทยด้วยรถไฟ โดยมีสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งถือเป็นต้นทางของเส้นทางรถไฟที่จะเดินทางไปยังทุกเส้นทางในจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย รวมถึงการเดินทางต่อไปยังต่างจังหวัดและต่างประเทศโดยเครื่องบิน ซึ่งกรุงเทพมหานคร มีสนามบินหลักอยู่สองแห่ง คือสนามบินสุวรรณภูมิ (ซึ่งอยู่ในเขตรอยต่อของกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ) และสนามบินดอนเมือง จึงถือได้ว่ากรุงเทพมหานครนั้น ถือเป็นศูนย์กลางใหญ่ของการเดินทางในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว