เที่ยวฮ่องกงจ่ายเป็นที่แพคเกจถูกกว่า
ฮ่องกงเกาะเล็กแต่คุณภาพแน่นแห่งนี้มีที่กินที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย สามารถเริ่มต้นทริปท่องเที่ยวในรูปแบบของคุณเองได้ด้วยง่ายๆ ด้วยการจองที่พักและตั๋วเครื่องบินฮ่องกงแบบแพคเกจกับ Traveloka ซึ่งเราคัดสรรมาให้แล้วว่าเป็นราคาที่คุ้มค่า แล้วคุณจะรู้ว่าการวางแผนเดินทางเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง ทำได้ง่ายๆ เที่ยวสะดวกไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด
ฮ่องกงเป็นเขตปกครองตนเองของจีน มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการแบบเต็มๆ ว่าเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เกาะเล็กๆ เกาะนี้ ถือได้ว่าเป็นเขตที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่หนึ่งของโลกคือกว่าเจ็ดล้านคน! เดิมทีฮ่องกงเป็นแค่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แต่ภายหลังค่อยๆ มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นในฐานะที่เป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และด้วยความที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษมาอย่างยาวนาน และเพิ่งมีการส่งมอบคืนให้แก่ประเทศจีนเมื่อ พ.ศ. 2540 นี่เอง ทำให้บางสถานที่และบางวัฒนธรรมในฮ่องกง ยังคงมีกลิ่นอายที่อังกฤษวางรากฐานทิ้งไว้ให้หลงเหลืออยู่
เพราะมีสภาพพื้นที่ไม่กว้างมากและผู้คนค่อนข้างหนาแน่น ฮ่องกงจึงมีจุดขายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่ที่วัฒนธรรมอันหลากหลายมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะวัฒนธรรมด้านอาหารซึ่งผู้คนกล่าวขานและยอมรับกันว่าฮ่องกงเป็นแหล่งรวมร้านอาหารรสชาติดีไว้มากมาย ผู้คนส่วนใหญ่จึงมักมุ่งหน้าไปเยือนฮ่องกงเพื่อตามหาของอร่อยและช้อปปิ้งข้าวของหลากหลายเป็นจุดสำคัญ
แม้จะเป็นเกาะเล็ก แต่ด้วยความทันสมัยทำให้ฮ่องกงมีการเดินทางที่สะดวกสบายครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ โดยมีให้เลือกหลายวิธี ตั้งแต่รถไฟจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง การเดินทางในตัวเมืองก็มีให้เลือกตามความสะดวกหลากหลาย แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คงหนีไม่พ้นรถไฟใต้ดิน รองลงมาคือรถบัสประจำทาง รถราง ซึ่งสามารถใช้บัตรเดินทาง Octopus ร่วมกันเพียงใบเดียวได้ นอกจากนั้นยังมีรถแท็กซี่ซึ่งถือว่าสะดวกและราคาไม่แพงมาก รวมถึงเรือเฟอร์รี่ที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทางจากเกาะหลักไปยังเกาะบริวารต่างๆ อีกหลายเกาะ ซึ่งความสะดวกในการเดินทางที่ฮ่องกงนี้ ถือเป็นหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังจุดต่างๆ บนเกาะฮ่องกงได้อย่างประหยัด ทั่วถึง และง่ายดาย
แม้จะเป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่ แต่ด้วยความที่มีประวัติอันยาวนาน ทำให้ฮ่องกงเป็นเกาะที่มีความผสมผสานกลมกลืนของวัฒนธรรมที่หลากหลาย สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเน้นไปทางด้านสถาปัตยกรรม ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังพอจะมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้ได้สัมผัสกันอยู่บ้าง และหากคุณสนใจจะเดินทางท่องเที่ยวในฮ่องกง ลองมองหาความสะดวกสบายในการเดินทางและที่พักจาก Traveloka ดูสิ มีหลายตัวช่วยเลยละที่จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณง่ายขึ้น แล้วลองมาดูตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในฮ่องกงกันก่อนดีกว่าว่าจะมีที่ไหนบ้าง?
The Peak
เป็นจุดสูงสุดบนยอดเขาของทางฝั่งฮ่องกง ในอดีตเป็นพื้นที่หรูหราสำหรับอยู่อาศัยของชนชั้นสูง แต่ในปัจจุบันบริเวณนี้กลายเป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามา ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาฮ่องกงต้องมาเยือน เพราะจะได้เสพวิวสวยๆ ในมุมสูงของเกาะฮ่องกงได้อย่างเต็มตา นอกจากนั้น ด้านบนยังมีร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอีกด้วย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมใช้รถราง Peak Tram หนึ่งในรถรางที่เก่าแก่ที่สุดในโลกในการเดินทางขึ้นมาสู่ยอดเขา
เปิดให้บริการทุกวัน รถราง Peak Tram เปิดตั้งแต่เวลา 7.00 – 24.00 น.
อัตราค่าบริการ Peak Tram ไป - กลับ ผู้ใหญ่ 40 HK$ / เด็กและผู้สูงอายุ 18 HK$
Hong Kong Disneyland
ถือเป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ที่อยู่ใกล้กับเมืองไทยที่สุด แม้จะไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โต แต่อาณาจักรในจินตนาการแห่งนี้ยังคงตอบทุกโจทย์ความฝันของคนรักตัวการ์ตูนอย่างเต็มอิ่ม เดินทางง่ายด้วยรถไฟที่มีเอกลักษณ์เป็นลวดลายมิกกี้เม้าส์และตัวการ์ตูนอื่นๆ ของดิสนีย์ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่อินกับโลกของตัวการ์ตูนเหล่านี้หรือไม่ แต่เชื่อเหอะว่าเมื่อเหยียบย่างเข้าไปจะต้องโดนความสนุกในวัยเด็กครอบงำกันทุกคน
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 – 20.00 น.
อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 619 HK$ / เด็ก 458 HK$ / ผู้สูงอายุ 100 HK$
Temple Street Night Market
ถนนคนเดินที่ได้ชื่อว่าคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง มีของที่ระลึกให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดสองข้างทาง รวมถึงร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดในฮ่องกง นอกจากนั้น ยังมีเหล่าหมอดูชื่อดังทั้งหลาย และนักร้องโอเปร่าจีนให้เราได้เห็นไปตลอดทาง เรียกได้ว่าถ้าอยากซึมซับบรรยากาศฮ่องกงแบบแท้ๆ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00 – 24.00 น.
Stanley Market
อีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งสำหรับคนรักแบรนด์สตรีทแวร์และข้าวของกระจุกกระจิกทั้งหลาย ทั้งของที่ระลึก ของตกแต่งบ้าน เครื่องประดับ ที่ให้กลิ่นอายบรรยากาศความเป็นเอเชีย บางคนขนานนามตลาดนี้ว่าเป็นจตุจักรฮ่องกง เพราะนอกจากเป็นสถานที่ยอดนิยมในการช้อปปิ้งแล้ว ยังมีร้านอาหารทะเลรสเด็ดเรียงรายอยู่หลายร้าน ผู้คนจึงนิยมมาเดินช้อปเดินชิมเดินชิลล์ที่นี่กันอย่างคับคั่งหนาตา
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 – 18.30 น.
ขึ้นกระเช้า Ngong Ping – 360
อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของฮ่องกงที่นักท่องเที่ยวทุกคนไม่มีพลาด นั่นคือการนั่งกระเช้าพื้นใสหรือ Crystal Cabin ซึ่งสามารถมองเห็นวิวได้รอบตัว 360 องศา ขึ้นไปไหว้องค์พระใหญ่สูง 34 เมตรที่อยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขา Muk Yue ซึ่งมีฐานด้านล่างเป็นเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยมีบันได 268 ขั้นให้เดินขึ้นจากฐานเจดีย์สู่ด้านบนบริเวณฐานองค์พระ นอกจากจะได้กราบสักการะองค์พระศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮ่องกงแล้ว ยังได้ชมวิวงามๆ ของทะเลจีนใต้เป็นของแถมด้วยนะ
เปิดบริการทุกวัน วันธรรมดาตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดอื่น 9.00 – 18.30 น.
อัตราค่าบริการกระเช้าพื้นใส ผู้ใหญ่ 255 HK$ / เด็ก 175 HK$ / ผู้สูงอายุ 205 HK$
Wong Tai Sin Temple
อีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในฮ่องกง ทั้งในด้านความศักดิ์สิทธิ์ ความเก่าแก่ และความสวยงามของสถาปัตยกรรม คนไทยส่วนใหญ่อาจจะคุ้นหูกับวัดนี้ในชื่อวัด หวัง ต้า เซียน และด้วยความโด่งดังขึ้นชื่อลือชานี่ละ จึงทำให้ไม่ต้องแปลกใจหากเราไปเยือนวัดนี้แล้วพบกับผู้คนมากมายแน่นขนัด ก็ความศรัทธาเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใครนี่นา จริงมั้ย?
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 – 17.30 น.
Tsim Sha Tsui
อีกหนึ่งย่านช้อปปิ้งชื่อดังที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางมาฮ่องกงต้องมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นสายช้อป เพราะถนนนาธานในย่านนี้อัดแน่นไปด้วยร้านรวงชื่อดังมากมาย ตั้งแต่ร้านค้าระดับไฮเอนด์ไปจนถึงแบรนด์สตรีทแวร์ทั้งหลาย ไปจนถึงสินค้าไอที อัญมณี และแบรนด์ดังในย่านท้องถิ่น นอกจากช้อปปิ้ง ละแวกนี้ยังมีร้านอาหารที่น่าสนใจมากมาย ถึงจะอยากช้อปหรือไม่ก็ตาม แต่ขอบอกว่านี่คือย่านหนึ่งที่ถือว่าต้องมา!
แม้ฮ่องกงจะไม่ได้กว้างใหญ่และอัดแน่นไปด้วยจำนวนประชากรล้นหลาม แต่ถือว่าความมีชีวิตชีวาในทุกพื้นที่ของเกาะเล็กๆ เหล่านี้นี่ละที่เป็นหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของฮ่องกง หากคุณสนใจ ลองวางแผนทริปท่องเที่ยวในฮ่องกงโดยใช้ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ด้วยตัวคุณเองได้แบบง่ายๆ โดยดูตัวอย่างที่เรานำเสนอเป็นต้นแบบดูก่อน แล้วอย่าลืมจองที่พักและตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka นะ เพื่อความสะดวก ครบ จบในขั้นตอนเดียว
วันที่ 1
เก็บข้าวของเสร็จสรรพ ลองนั่งรถไปสัมผัสหนึ่งในบรรยากาศของการขึ้นกระเช้าพื้นใส Ngong Ping – 360 ไปชมวิว 360 องศาในมุมสูงของฮ่องกงกันเลยดีกว่า ประเดิมทริปด้วยการไหว้พระใหญ่บนยอดเขา จากนั้นเดินเล่นชิลล์ๆ ในพิพิธภัณฑ์เล็กๆ และแวะชมโรงภาพยนตร์ 4 มิติที่ด้านบน ก็ถือเป็นการเปิดประเดิมทริปที่ไม่เลวเลย
กลับลงมาในช่วงเย็น ถ้าอยากหาของอร่อยใส่ท้องก่อนจะไปตะลุยฮ่องกงกันต่อ ลองไปชิมห่านย่างดูมั้ย ถ้าสนใจเมนูนี้ละก็ ร้าน Kam’s Roast Goose ถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดี เพราะนอกจากจะเป็นร้านดังในย่าน Wan Chai ที่คนต่อคิวกันยาวเหยียดแล้ว มิชลิน สตาร์ ที่ร้านนี้คว้ามาครองได้หลายครั้ง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งอย่างที่การันตีความอร่อยได้ดีทีเดียวละ
ปิดท้ายวันแรกแนะนำให้ขึ้นที่สูงกันอีกรอบที่ The Peak ไปนั่งรถรางที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดสายหนึ่งของโลก แถมยังได้ชมวิวที่พีคสมชื่อจริงๆ ของเกาะฮ่องกงในยามย่ำค่ำ แล้วจะเข้าใจเลยว่าคำว่าวิวร้อยล้านน่ะควรค่ากับที่นี่จริงๆ
วันที่ 2
มาฮ่องกงทั้งที จะไม่ชิมติ่มซำเลยก็อาจจะถือว่ามาไม่ถึง แนะนำให้ไปร้าน Dragon Court ในย่าน Mongkok ในยามเช้าจะเห็นเหล่าคนทำงานและผู้อาวุโสชาวฮ่องกงมานั่งกินติ่มซำ จิบน้ำชาในร้านนี้กันเพียบ เพราะราคาดี แถมรสชาติยังเด็ด ลองแวะมาลองดูสิ
สำหรับสายหวีดที่ชอบกรี๊ดกับเครื่องเล่น แนะนำให้พุ่งตรงไปที่ Hong Kong Disneyland กันแต่เช้า เพราะจะได้ไม่ต้องรอคิวเครื่องเล่นกันแบบยาวเหยียดอย่างในช่วงสาย หรือไม่อย่างนั้นลองไปสัมผัสบรรยากาศสวนสนุกเก่าแก่กว่า 40 ปีกันที่ Ocean Park Hongkong ดู แม้จะเปิดมานาน แต่รับประกันว่าเครื่องเล่นยังเร้าใจ แถมด้านในยังมีโซนสวนสัตว์น่ารักๆ และอควาเรียมด้วยนะ ถือว่าได้บรรยากาศไปอีกแบบเลย
แต่ถ้าเป็นสายธรรมชาติที่รักการ Trekking เป็นชีวิตจิตใจ อย่าคิดว่าฮ่องกงจะไม่มีช้อยส์สำหรับตอบโจทย์การเดินทางของคุณล่ะ ขอเพียงมุ่งหน้าไปที่ Dragon’s Back ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมเขาหวั่นจ๋ำซานและยอดเขาเช็คโอแห่งนี้ เคยได้รับการโหวตจากนิตยสาร Time Asia ให้เป็นเส้นทางเดินป่าที่ดีที่สุดในเอเชียมาแล้ว เส้นทางยาว 8.5 กิโลเมตรเส้นนี้ มีความคดเคี้ยวที่ดูคล้ายสันหลังมังกร จึงเป็นที่มาของชื่อ Dragon’s Back นั่นเอง
มื้อเย็นของวัน ลองเปลี่ยนบรรยากาศเป็นการกินซีฟู้ดสดๆ สไตล์ฮ่องกงกันหน่อยดีมั้ย แนะนำให้ไปเลือกหาร้านถูกใจกันที่ย่านหมู่บ้านชาวประมง Lei Yu Mun ซึ่งจะมีร้านขายอาหารซีฟู้ดสดๆ เรียงรายไปตลอดทาง ถูกใจร้านไหนพุ่งเข้าไปชี้เมนูที่ถูกใจกันได้เลย รับประกันความสดทุกร้าน แถมยังเป็นบรรยากาศแบบไม่น่าเบื่อด้วยนะ
ไหนๆ ก็มาถึงฮ่องกงแล้ว หนึ่งไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ คือการไปชมการแสดงแสง สี เสียง สุดตระการตา อย่าง Symphony of Lights ที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือร่วมใจของชาวฮ่องกงแทบจะทั้งเกาะเลยทีเดียว สีสันอลังการของดวงไฟนับล้านๆ ดวงนี่ละ ถือว่าเป็นหนึ่งโชว์ระดับโลกที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไม่พลาดชม
วันที่ 3
เช้าวันที่สุดท้ายในทริป อยากชวนไปประเดิมมื้อแรกกันด้วยการกินโจ๊กฮ่องกงกันที่ร้าน Hung Lee Restaurant ร้านโจ๊กชื่อดังที่มีลูกค้าเดินเข้าร้านกันไม่ขาดสาย เด็ดทั้งโจ๊ก ก๋วยเตี๋ยวหลอด และเกี๊ยวกุ้งคำโตที่อร่อยได้แบบไม่ต้องง้อเครื่องปรุง
ล่ำลาฮ่องกงก่อนกลับกันด้วยการแวะขอพรพระที่ Che Kung Temple หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามวัดกังหันลม อีกหนึ่งวัดเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ของฮ่องกง ว่ากันว่าพรที่ผู้คนนิยมมาขอที่นี่น่ะ อันดับหนึ่งต้องยกให้พรในด้านความมั่งคั่ง ร่ำรวย และโชคลาภ ขอดีๆ เผื่อจะกลับจากฮ่องกงมาแล้วจะเป็นเศรษฐีไง!
ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอชวนไหว้พระกันอีกที่ดีกว่า ณ Wong Tai Sin Temple กันหน่อยดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะเหมือนว่ามาไม่ถึงนะ อธิษฐานขอพระกันเสร็จ ยังมีบริเวณให้เดินดูสถาปัตยกรรมจีนงามๆ กันต่อพอเพลินๆ อ้อ ... ว่ากันว่าเซียมซีที่วัดนี้เด็ดมาก ถ้าอยากรู้อยากลองว่าจริงมั้ย อย่าลืมแวะไปนะ
มื้อเที่ยงมื้อสุดท้ายในฮ่องกง ลองแวะไปกินอาหารจีนส่งท้ายกันอีกซักมื้อ ที่ร้าน Delicious Kitchen ร้านอาหารสารพัดเมนูที่เหมือนได้แวะกินข้าวบ้านเพื่อนชาวฮ่องกง ส่งท้ายกันก่อนกลับมากินอาหารรสจี๊ดในบ้านเรา
ทิ้งทวนก่อนโบกมือลากันที่ย่าน Tsim Sha Tsui ย่านช้อปสุดฮิตที่คนมาฮ่องกงทุกคนไม่ยอมพลาด อยากได้อะไร แบรนด์ไหน มองหากันได้เลยเพราะที่ย่านนี้มีทุกสิ่งที่คุณตามหาอยู่แน่นอน จะได้ไม่ต้องแบกเงินฮ่องกงกลับมาแลกให้เหนื่อยไง!
ทริปท่องเที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืน กับที่เที่ยวสารพัดอารมณ์ในฮ่องกงที่เรานำมาฝากกัน คงจะเป็นไอเดียเริ่มต้นให้หลายคนจะนำไปปรับใช้กับการเดินทางท่องเที่ยวในสไตล์ของตัวเองได้ไม่มากก็น้อย