เที่ยวญี่ปุ่น ซื้อเป็นแพคเกจถูกกว่า
ญี่ปุ่น ดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย ประเทศสุดล้ำสมัย เมืองแห่งการท่องเที่ยวอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ญี่ปุ่นมีครบ ทริปเดียวเก็บไม่หมดอย่างแน่นอน แถมแต่ละฤดูกาลก็ยังมีความสวยงามที่แตกต่างกันไปอีกด้วย หากคุณต้องการเที่ยวให้ได้หลากที่มากที่สุดและคุ้มที่สุด ให้ Traveloka ช่วยจัดการจองที่พักและตั๋วเครื่องบินแบบแพคเกจที่เราจัดมาให้แล้วว่า ราคาคุ้มค่า ประหยัดจริง!
เป็นเกาะซึ่งตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ชื่อประเทศที่เขียนด้วยตัวอักษรคันจิ แปลว่าถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์ ผู้คนจึงมักตั้งสมญานามให้ประเทศนี้อีกอย่างหนึ่งว่าดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย ญี่ปุ่นเป็นประเทศเก่าแก่ที่ได้รับอิทธิพลเบื้องต้นมาจากประเทศจีน เช่น ภาษา การปกครอง และวัฒนธรรม แต่มีการนำมาปรับใช้จนกลายเป็นวัฒนธรรมในแบบที่เป็นของตัวเอง รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีจากชาติตะวันตกเข้ามาปรับใช้อย่างจริงจัง จนทำให้ในปัจจุบันเกาะพื้นที่ไม่กว้างใหญ่แห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดประเทศหนึ่งของโลก รวมถึงเป็นหนึ่งประเทศมหาอำนาจและมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจระดับโลกทีเดียว
ประเทศญี่ปุ่น มีทั้งหมด 47 จังหวัด โดยแบ่งออกเป็น 8 ภูมิภาค มีฮอกไกโดเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุด และมีโอกินาวาเป็นจังหวัดที่อยู่ทางใต้สุดของประเทศ มีประชากรอยู่ราว 127 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดประเทศหนึ่งในโลก พื้นที่ของประเทศโดยส่วนใหญ่เป็นป่าไม้และภูเขา มีพื้นที่ราบไม่มากนัก มีภูเขาไฟที่ยังคงไม่ดับสนิทอยู่ราว 108 ลูก และด้วยทำเลที่ตั้งของประเทศซึ่งอยู่บนเขตรอยต่อของเปลือกโลกหลายรอย ทำให้ญี่ปุ่นถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงภัยธรรมชาติสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก
ด้วยความที่เป็นประเทศซึ่งมีความล้ำหน้าทางด้านเทคโนโลยีค่อนข้างสูง รวมถึงมีสภาพภูมิประเทศที่ค่อนข้างแตกต่างหลากหลาย ระบบการคมนาคมในญี่ปุ่นจึงทำได้หลายวิธี การเดินทางหลักๆ ในญี่ปุ่นมีทั้งสายการบินภายในประเทศ รถไฟความเร็วสูง รถไฟใต้ดิน รถไฟ JR รถไฟ Monorail รถบัส เรือ รถยนต์ให้เช่า และแท็กซี่ การเดินทางที่ได้รับความนิยมและค่อนข้างครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดต้องยกให้รถไฟ โดยญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีและระบบรถไฟที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกประเทศหนึ่งทีเดียว ซึ่งในตัวเมืองใหญ่ๆ จะมีรถไฟให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบตามที่กล่าวมา นักท่องเที่ยวจึงต้องทำความเข้าใจและทำการวางแผนในการเดินทางก่อนเดินทางจริง ส่วนการเดินทางระหว่างจังหวัดหรือภูมิภาค นิยมใช้เครื่องบินและรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นเป็นหลัก ความโดดเด่นของการคมนาคมในทุกรูปแบบของญี่ปุ่นคือความตรงต่อเวลาและเชื่อถือได้ในความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้การชื่นชมเป็นอย่างมาก รวมถึงวิธีการซื้อตั๋วเดินทางแบบเหมาจ่ายที่เรียกว่า Pass ต่างๆ ก็นับว่าสร้างความสะดวกสบายและประหยัดในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่งทีเดียว
เพราะเป็นประเทศที่มีความหลากหลายของสภาพภูมิประเทศค่อนข้างสูง รวมถึงมีความเก่าแก่ทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างเหนียวแน่นและยาวนาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีล้ำหน้าในระดับโลก ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความผสมผสานของสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างมาก และไม่สามารถเที่ยวได้ครบภายในครั้งเดียว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงใช้วิธีวางแผนเดินทางท่องเที่ยวทีละภูมิภาคตามความต้องการ งบประมาณ และความสนใจของแต่ละคนเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่จุดใหญ่อย่างโตเกียว ฮอกไกโด หรือโอซาก้า ในการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก เนื่องจากมีการเดินทางที่สะดวกสบายและค่อนข้างครอบคลุม หากคุณสนใจจะวางแผนท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ลองมองหาความสะดวกสบายในการเดินทางและที่พักจาก Traveloka ดูสิ มีหลายตัวช่วยเลยละที่จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณง่ายขึ้น แล้วลองมาดูตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในญี่ปุ่นกันก่อนดีกว่าว่าจะมีที่ไหนบ้าง?
หลายคนรู้จักในนามวัด Asakusa หรือวัดโคมแดง เป็นวัดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว สร้างตั้งแต่สมัย ค.ศ.645 มีโคมแดงขนาดใหญ่หน้าทางเข้าวัดเป็นสัญลักษณ์หลัก ซึ่งถือเป็นหนึ่งภาพจำที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นึกถึงหรือเคยเห็นผ่านตายามเอ่ยถึงประเทศญี่ปุ่น มีถนนนากามิเสะทอดตัวยาวเป็นทางตรงสู่เข้าสู่วัด ตลอดสองข้างทางของถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ถือเป็นหนึ่งวัดซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาญี่ปุ่นต้องมาเยือนให้ได้ซักครั้งเลยทีเดียว
เปิดบริการทุกวัน ภายในบริเวณวัดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนตัวศาลาวัดเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 6.00 – 17.00 น.
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองโตเกียว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีอันทันสมัยในแง่การออกแบบและก่อสร้าง นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และได้รับการจดบันทึกให้เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน ด้วยความสูง 634 เมตร ใช้เป็นหอส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ของเมืองโตเกียว ด้านในมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลากหลาย ทั้งอควาเรียม ท้องฟ้าจำลอง ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า ด้านบนเปิดเป็นจุดชมวิวมุมสูงของโตเกียวแบบ 360 องศา ในยามค่ำคืนจะมีการประดับไฟหลากหลายสีสวยงาม มองเห็นได้ในระยะไกล
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 22.00 น.
อัตราค่าเข้าชมบริเวณจุดชมวิว TOKYO SKYTREE TEMBO DECK 350 เมตร + TOKYO SKYTREE TEMBO GALLERIA 450 เมตร ผู้ใหญ่ 3,090 เยน / เด็ก 12 – 17 ปี 2,360 เยน / เด็ก 6 – 11 ปี 1,440 เยน / เด็ก 4 – 5 ปี 930 เยน
หมู่บ้านชาวนาเล็กๆ กลางหุบเขา ที่ครอบคลุมพื้นที่ระหว่างเมือง Gifu และ Toyama ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1919 เป็นหมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวทุกคนใฝ่ฝันจะได้มาเยือนซักครั้ง เนื่องจากมีจุดเด่นเป็นตัวบ้านพักอาศัยแบบโบราณที่ก่อสร้างในรูปแบบหลังคาจั่ว 60 องศา หรือทรง Gassho ซึ่งที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ.1995 มีความสวยงามแตกต่างกันในทุกฤดูกาล แต่ช่วงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือช่วงหิมะตกในฤดูหนาว
เปิดบริการทุกวัน (สถานที่ท่องเที่ยวในหมู่บ้านแต่ละจุดจะมีเวลาเปิดให้บริการต่างกัน ไม่แน่นอน)
สัญลักษณ์สำคัญอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นคงหนีไม่พ้นมรดกโลกอย่างภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่สวยที่สุดในโลก โดยรอบภูเขาไฟฟูจิอันกว้างใหญ่ มีทะเลสาบล้อมรอบอยู่ถึง 5 แห่ง และบริเวณทะเลสาบ Kawaguchiko ในจังหวัด Yamanashi แห่งนี้ถือว่าเป็นจุดที่สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้สวยงามที่สุดจุดหนึ่ง และที่สำคัญคือเดินทางง่าย สะดวกสบาย มีที่พักและร้านอาหารอยู่รายรอบบริเวณ รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับเมืองหลวงอย่างโตเกียว บริเวณทะเลสาบแห่งนี้จึงถือเป็นจุดยอดนิยมซึ่งนักท่องเที่ยวที่อยากมาดูภูเขาไฟฟูจิต้องมาเยือนกันเกือบทุกคน
สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1400 เป็นปราสาทที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1993 ตั้งอยู่ในจังหวัด Hyogo เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งซึ่งเหลือรอดจากการถูกระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีชื่อเล่นตามสีด้านนอกของปราสาทว่าปราสาทนกกระสาขาว ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 3 ของปราสาทที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นปราสาทที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย ปราสาทแห่งนี้มีจุดเด่นตรงที่มีทางเดินเข้าอาคารหลักที่สลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต เพื่อป้องกันการบุกรุกของศัตรูจากภายนอก นับเป็นมรดกอันล้ำค่าอีกหนึ่งแห่งของประเทศญี่ปุ่นซึ่งควรต้องมาเยือน
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 16.00 น.
สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.743 คนไทยมักเรียกติดปากว่าวัดหลวงพ่อโต วัดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกเมืองนารา และได้รับการบันทึกสถิติว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในวัดมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีความสูงถึง 16 เมตร หนัก 500 ตัน ใกล้กันคือ Nara Park สวนสาธารณะที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ไฮไลท์ในบริเวณนี้ที่ถือเป็นภาพจำของเมืองนารา นั่นคือเหล่าฝูงกวางที่มีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งจะคอยเดินคลอเคลียขออาหารอยู่ทั่วไปในบริเวณนี้
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.30 – 17.00 น.
อัตราค่าเข้าชม คนละ 500 เยน
ตั้งอยู่ในเมือง Furano จังหวัด Hokkaido ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ดีที่สุดในเมืองนี้ เพราะแม้ฟาร์มนี้จะมีทุ่งดอกไม้ให้ดูมากมาย แต่ลาเวนเดอร์ยังคงเป็นจุดขายหลักของที่นี่ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาชมดอกลาเวนเดอร์คือช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม นอกจากนั้นในช่วงฤดูร้อน ยังมีไม้ดอกมากมาย ที่ได้รับการปลูกไล่เรียงกันในพื้นที่โล่งกว้างจนคล้ายพรมดอกไม้หลากสีเมื่อมองจากด้านบน
เปิดบริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
ด้วยความที่ประเทศญี่ปุ่นมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ตั้งแต่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่สามารถเที่ยวได้ทั้งหมดในการเดินทางเพียงแค่ครั้งเดียว แถมแต่ละฤดูกาลก็ยังมีความสวยงามที่แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจึงนิยมวางแผนเที่ยวในจังหวัดหรือภูมิภาคใกล้ๆ กันในแต่ละทริปตามฤดูกาลที่เลือกไว้ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง หากคุณยังไม่เคยเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เรามีทริปเริ่มต้นท่องเที่ยวในโตเกียวและสถานที่ใกล้เคียงโดยใช้เวลา 5 วัน 4 คืน มาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย เผื่อจะนำไปปรับใช้ในการวางแผนท่องเที่ยวด้วยตัวคุณเองได้แบบง่ายๆ แล้วอย่าลืมจองที่พักและตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka นะ เพื่อความสะดวก ครบ จบในขั้นตอนเดียว
วันที่ 1
เก็บข้าวของเข้าโรงแรมเรียบร้อย (หากยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน สามารถเก็บสัมภาระได้ตามล็อคเกอร์หยอดเหรียญที่มีอยู่ทั่วไปตามสถานีรถไฟ) ลองเริ่มต้นด้วยการหาของกินอร่อยๆ ประเดิมมื้อแรกในญี่ปุ่นกันในย่านตลาดปลาสึคิจิดูมั้ย แม้ว่าตัวตลาดปลาอาจจะกำลังมีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้ง แต่ร้านค้ารอบนอกยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารที่ใช้อาหารทะเลสดๆ เป็นวัตถุดิบหลัก มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบและราคา
อิ่มท้องเรียบร้อย ลองนั่งรถไฟไปเดินเล่นย่อยอาหารกันที่ย่านชิบุย่า ชมห้าแยกในตำนานซึ่งคุ้นตาผู้คนทั่วโลกจนนับเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของโตเกียวไปแล้วเรียบร้อย บริเวณทางม้าลายแห่งนี้จะมีผู้คนเดินข้ามไปมากันอย่างคึกคักขวักไขว่ รอบด้านเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารหลากหลายคอนเซ็ปท์ ร้านอาหารชื่อดังหลายแห่งก็ตั้งอยู่ในบริเวณนี้เช่นกัน บรรยากาศในช่วงกลางวันและกลางคืนก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง ในช่วงค่ำย่านนี้จะสว่างไสวด้วยแสงไฟจากป้ายร้านและจอโฆษณา บริเวณหน้าสถานีรถไฟยังมีรูปปั้นสุนัขสุดซื่อสัตย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกนามว่าฮาจิโกะตั้งอยู่ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ควรมา
ปิดท้ายวันแรกกันด้วยการนั่งรถไฟไปดูหนึ่งสถานที่สุดคลาสสิคอย่างโตเกียว ทาวเวอร์ อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญที่บ่งบอกความเป็นโตเกียวได้เป็นอย่างดี ด้านล่างของโตเกียวทาวเวอร์เป็นอาคาร 4 ชั้น ซึ่งมีร้านค้าและร้านอาหารเปิดให้บริการ ด้านบนเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวมุมสูงของโตเกียวได้แบบ 360 องศา ในวันที่อากาศดีท้องฟ้าปลอดโปร่งสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากบนนี้อีกด้วย
วันที่ 2
กินอาหารเช้าเสร็จสรรพ ไปเดินเล่นแวะรับอากาศดีๆ กันที่ผืนป่าขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้กว่าหนึ่งแสนต้น!! กลางกรุงโตเกียว ณ ศาลเจ้าเมจิกันดูสิ จากความวุ่นวายภายนอกบริเวณหน้าสถานีรถไฟฮาราจูกุ เพียงไม่กี่ร้อยเมตรเมื่อก้าวเท้าเข้าสู่บริเวณศาลเจ้าแห่งนี้ โลกทั้งโลกจะเปลี่ยนเป็นความเงียบสงบ ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1915 เพื่ออุทิศให้กับพระจักรพรรดิเมจิและพระมเหสี จึงไม่ต้องแปลกใจหากจะพบกับความยิ่งใหญ่อลังการทั้งของพื้นที่และสิ่งปลูกสร้างรอบบริเวณศาลเจ้านี้ รวมถึงถ้าจังหวะดีๆ อาจจะได้เห็นพิธีการแต่งงานแบบดั้งเดิมที่นี่ด้วยนะ
จากบรรยากาศสุดสงบ ขรึม ขลัง ของศาลเจ้าเมจิ ข้ามฝั่งถนนมาที่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟฮาราจูกุ จะพบกับความวุ่นวายสุดคึกคักของถนนเล็กๆ ที่ชื่อ Takashita Street ซึ่งอัดแน่นไปด้วยร้านรวงมากมาย ทั้งร้านเครปซึ่งเป็นขนมสุดฮิตในถนนนี้ ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านขายชุดคอสเพลย์ รวมถึงร้านขายของกินของใช้ต่างๆ อีกมากมายที่เรียงรายกันแน่นขนัด อีกหนึ่งความสนุกคือการได้เดินดูสีสันของวัยรุ่นญี่ปุ่นซึ่งมักจะนิยมแต่งตัวแฟชั่นแบบหลุดโลกมาเดินเล่นกันในย่านนี้ นอกจากนั้นละแวกนี้ยังมีร้านอาหารชื่อดังมากมายให้เลือกชิม สามารถฝากท้องมื้อกลางวันได้ตามอำเภอใจ
ช่วงบ่าย ลองไปเดินเล่นกันในโซนย่านอาซากุสะ เริ่มต้นที่วัด Sensoji หรือวัดโคมแดง แลนด์มาร์กสำคัญในย่านนี้ที่ต้องแวะเข้ามาเช็คอิน ถ่ายรูปกับโคมแดงหน้าซุ้มทางเข้าวัด ช้อปปิ้งของอร่อยจากร้านแผงลอยด้านหน้า แวะไปเสี่ยงเซียมซีด้านในวัดก็ยังไหวเพราะเค้ามีคำทำนายทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ ถ้าใครยังหิวอยู่ ละแวกแถบนี้มีร้านอาหารมากมาย ฝากท้องไว้ได้เช่นกัน หรือถ้าอยากหาประสบการกับการเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ก็ต้องตามหา Hanayashiki สวนสนุกขนาดไม่ใหญ่ที่ได้ชื่อว่ามีอายุราว 150 ปี เพราะเป็นสวนสนุกแห่งแรกในญี่ปุ่น ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเครื่องเล่น เพราะปัจจุบันมีบริษัทของเล่นขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นเป็นผู้ดูแลอยู่ ลองเข้าไปเดินเล่นดู รับรองว่าได้บรรยากาศไปอีกแบบ!
จากอาซากุสะ นั่งรถไฟต่อมาไม่ไกล จะได้แวะมาเช็คอินอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของโตเกียวอย่าง Tokyo Skytree หอคอยที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลก ด้านล่างมีช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ให้ได้เริ่มต้นละลายทรัพย์กันแบบเบาๆ แต่ถ้าใครไม่ใช่สายช้อป ที่นี่ยังมีอควาเรียม ท้องฟ้าจำลอง และจุดให้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงของโตเกียวได้แบบ 360 องศาด้วยนะ
ยามเย็น เดินเล่นชมวิวแม่น้ำ Sumida แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านเมืองโตเกียวก็เพลินดี ยามค่ำจะเห็นทิวทัศน์งดงามแปลกตาของแสงไฟในตึกต่างๆ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ โดยเฉพาะตึกอาซาฮีที่มีสัญลักษณ์แปลกตาอยู่ด้านบน หรือโตเกียว สกายทรี ที่จะมีการเปิดไฟหลากสีในยามค่ำคืนก็ยังมองเห็นได้ชัดเจน มื้อเย็นจะเลือกฝากท้องไว้ในละแวกนี้อีกซักมื้อก็ยังไหว เพราะมีร้านอาหารให้เลือกกันชนิดละลานตา
วันที่ 3
ออกนอกเมืองกันบ้างดีกว่า มาญี่ปุ่นทั้งที ไม่ได้ดูภูเขาไฟฟูจิก็เหมือนมาไม่ถึง!! จากโตเกียวเราสามารถไปดูภูเขาไฟฟูจิได้ใกล้ที่สุดและง่ายที่สุดบริเวณทะเลสาบ Kawaguchiko หากเดินทางแบบไปเช้า – เย็นกลับ แนะนำว่าให้เดินทางออกจากโตเกียวแต่เช้า เพื่อจะได้มีเวลาเสพวิวฟูจิได้นานๆ วิธีการเดินทางที่ง่าย สบาย และสะดวกที่สุดคือการเดินทางโดย Highway Bus จากย่านชินจูกุ ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงหากการจราจรไม่ติดขัด บริเวณรอบๆ ทะเลสาบคาวากุชิโกะมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ทั้งการนั่งกระเช้าชมวิวมุมสูง เดินดูพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ร้านขายของ หรือแม้กระทั่งสวนสนุก! ส่วนวิธีการเดินทางรอบทะเลสาบมีรถบัสประจำทางให้บริการ โดยจะจอดให้ตามป้ายที่มีจุดท่องเที่ยวต่างๆ รอบบริเวณ นอกจากนั้นยังมีจักรยานให้เช่า รวมถึงมีรถแท็กซี่คอยให้บริการด้วยนะ ระวังแค่ว่าอย่าเที่ยวเพลินจนเลยเวลารถกลับเข้าโตเกียวรอบสุดท้ายก็แล้วกัน!
วันที่ 4
สำหรับสายสวนสนุก มาโตเกียวทั้งที อย่าพลาดโอกาสการได้เข้าไปเช็คอินเล่นเครื่องเล่นกันที่สวนสนุกระดับโลกอย่าง Tokyo Disneyland และ Tokyo Disneysea ดินแดนแห่งความฝันที่แนะนำว่าควรลองเข้าไปสัมผัสดูซักครั้ง ด้วยเครื่องเล่นหลากหลายรูปแบบที่มีให้เลือก บรรยากาศเหมือนอยู่ท่ามกลางความฝัน เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ควรได้ลอง
แต่ถ้าไม่ใช่คนพิสมัยดิสนีย์แลนด์ อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจคือการนั่งรถไฟออกไปสัมผัสเมืองใกล้โตเกียวอย่าง Yokohama ที่สามารถเดินทางแบบ One Day Trip ได้แบบไม่เหนื่อย โยโกฮาม่าเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ที่มีหลายอารมณ์ผสมผสานกัน เพราะมีบางส่วนที่ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกที่แล่นเรือเข้ามาทำการค้าขาย จึงมีความสวยน่าสนใจไปอีกแบบต่างไปจากโตเกียว นอกจากบรรยากาศงามๆ ยังมีพิพิธภัณฑ์อีกมากมายให้เดินชม ทั้งพิพิธภัณฑ์ราเมง พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตา พิพิธภัณฑ์รถไฟจำลอง หรือจะเลือกไปเดินเล่นกินของอร่อยช้อปปิ้งของฝากแบบชิลล์ๆ กันที่ย่านไชน่าทาวน์ เดินดูสารพันชีวิตสัตว์สุดน่ารักทั้งในสวนสัตว์ Zoorasia อควาเรียมกลางทะเล Yokohama Hakkeijima Sea Paradise สวนสนุกริมทะเล สวนญี่ปุ่นแบบโบราณ สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ฯลฯ เรียกได้ว่าตั้งแต่เช้ายันค่ำเที่ยวได้ไม่ซ้ำ แถมจะบอกว่าเวลามีไม่พออีกต่างหาก!
วันที่ 5
มาญี่ปุ่นทั้งที ต้องไม่ลืมเผื่อเวลาไว้ช้อปปิ้งซื้อหาของกินของใช้กลับมาฝากคนที่บ้านกันหน่อย เริ่มต้นกันที่ย่านช้อปปิ้งราคาสบายใจอย่างในย่าน Ueno ที่มีตั้งแต่ตึกม่วง Takeya ร้านค้าปลอดภาษีที่มีทุกสิ่งให้เลือกสรร ย่านตลาด Ameyoko สวรรค์ของคนรักของกิน เครื่องสำอาง รองเท้า ที่มาโตเกียวแล้วห้ามพลาด หรือจะไปช้อปข้าวของไฮเอนด์กันที่ย่าน Roppongi / Omotesando / Ginza / Shinjuku ก็ยังได้ แล้วถ้าเป็นสายอนิเมะหรือชอบข้าวของไฮเทคทั้งหลาย อย่าพลาดการไปเดินช้อปปิ้งที่ย่าน Akihabara ทั้งหมดนี่แค่ย่านหลักๆ ที่ห้ามพลาดหากได้มาเยือนโตเกียวเท่านั้นนะ ยังมีอีกเพียบที่ไม่ได้เอ่ยถึง เรียกว่าวันนี้ละลายทรัพย์ก่อนกลับกันให้เต็มที่ มีเท่าไหร่จัดไปให้หมด!
หวังว่าทริปท่องเที่ยวแบบ 5 วัน 4 คืน กับตัวอย่างแหล่งเช็คอินสำหรับคนเริ่มเที่ยวโตเกียวที่เรานำมาฝากกัน คงจะเป็นไอเดียเริ่มต้นให้หลายคนนำไปปรับใช้กับการเดินทางท่องเที่ยวในสไตล์ของตัวเองได้ไม่มากก็น้อย ประเทศญี่ปุ่นยังคงอัดแน่นไปด้วยวัฒนธรรม รวมถึงที่กินที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย นี่ขนาดแค่หนึ่งเมืองในญี่ปุ่นเท่านั้นนะยังแพลนกันแทบไม่ไหว หากสนใจ ลองเริ่มต้นทริปท่องเที่ยวในรูปแบบของคุณเองได้ด้วยการจองที่พักกับ Traveloka แล้วคุณจะรู้ว่าการวางแผนเดินทางด้วยตัวเองน่ะ ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด!