เที่ยวสิงคโปร์ ซื้อเป็นแพคเกจคุ้มกว่า
สิงคโปร์ เกาะเล็กๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญสูงสุดในแถวหน้าของโลก ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ในประเทศที่มีคุณภาพชีวิตสูง มีความหลากหลายของเชื้อชาติและศาสนา เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญที่สำคํญอีกด้วย ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง ที่ทุกคนทั่วโลกสนใจในการเดินทางมาท่องเที่ยว เพื่อสัมผัสความล้ำหน้าทันสมัย แต่ทั้งนี้ แม้สิงคโปร์จะเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูง แต่หากการเดินทางไปเยี่ยมเยือนนั้น ก็สามารถทำให้มีราคาถูกลง ด้วยการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักไปพร้อมกัน เป็นระยะเวลาล่วงหน้า อย่างเช่นแพคเกจที่เราจัดมาให้ รับรองว่าคุ้มกว่าแน่นอน
เป็นประเทศบนเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก แบ่งพื้นที่เป็นเกาะใหญ่ 2 เกาะ และเกาะบริวารเล็กๆ อีกกว่า 60 เกาะ มีประชากรหลากหลายเชื้อชาติ แต่ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนกว่า 75% พื้นที่โดยส่วนใหญ่ของสิงคโปร์เป็นที่ราบต่ำสลับกับภูเขาสูง ในสมัยก่อนสิงคโปร์เป็นเมืองท่าที่พ่อค้าจากทั่วโลกใช้เป็นที่พักสินค้า มีชื่อว่า เทมาเส็ก ต่อมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 เจ้าผู้ปกครองนครปาเล็มบังเกิดเรืออัปปางและได้มาขึ้นฝั่งที่นี่ บังเอิญมาเจอสิงโตเข้าในพื้นที่ จึงเปลี่ยนชื่อเรียกเกาะนี้ใหม่อีกทีว่า สิงหปุระ แล้วจึงกลายมาเป็นสิงคโปร์เหมือนในปัจจุบัน
ด้วยความที่สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก จึงมีทรัพยากรและพื้นที่ทางธรรมชาติค่อนข้างน้อย แต่อาศัยความได้เปรียบปรับประเทศให้กลายเป็นเมืองท่าปลอดภาษีจากการมีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้จุดเด่นของสิงคโปร์คือการมีสินค้าต่างๆ ขายในราคาถูก มีพื้นที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่เน้นไปในด้านสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นแปลกตามากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และที่สำคัญคือสิงคโปร์ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่สะอาดและปลอดภัยที่สุดในโลก ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถเดินทางได้อย่างสบายใจ
สิงคโปร์นับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการขนส่งสาธารณะดีที่สุดในโลก มีเครือข่ายรถไฟใต้ดินกระจายครอบคลุมแทบจะทั้งหมดของตัวเมือง ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟถือว่าสะดวกสบายและได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีเปิดให้บริการ 6 สาย ประมาณ 121 สถานี และมีแผนเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 0.78 ดอลล่าร์สิงคโปร์ รองลงมาคือการใช้รถบัสประจำทาง ซึ่งทันสมัยและค่อนข้างสะดวกในการใช้งาน ราคาเริ่มต้นใกล้เคียงกับรถไฟ แต่จะผันแปรไปตามระยะทางและช่วงเวลา สามารถใช้บัตรเติมเงิน EZ-Link ร่วมกับรถไฟใต้ดินได้ อีกหนึ่งระบบที่มีให้บริการคือรถแท็กซี่ ซึ่งราคาจะสูงกว่ารถไฟและรถบัส มีการชาร์จค่าโดยสารเพิ่มในบางช่วงเวลา นอกจากนั้น ชาวสิงคโปร์ยังนิยมใช้จักรยานเป็นอีกหนึ่งพาหนะในการเดินทาง ซึ่งก็ถือว่าเส้นทางค่อนข้างสะดวกสบาย แม้อากาศอาจจะร้อนไปซักหน่อยก็ตาม
เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดพื้นที่เล็กติดอันดับโลก สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงเน้นไปในสถานที่ก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์มากกว่าความสวยงามตามธรรมชาติ แต่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าแก่การเดินทางไปชมทั้งสิ้น เพราะเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสัน ความยิ่งใหญ่ตระการตา เทคโนโลยีสุดล้ำ ความสะดวกสบาย และสถานที่ช้อปปิ้งมากมายหลายอารมณ์ที่เต็มเพียบไปด้วยสินค้าปลอดภาษี สิงคโปร์จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ครองใจเหล่านักช้อปในอันดับต้นๆ เรื่อยมา รวมถึงวัฒนธรรมด้านอาหารที่หลากหลายตามผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติที่เข้ามาตั้งรกรากในสิงคโปร์ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สร้างสีสันในการท่องเที่ยวเกาะเล็กๆ เกาะนี้ได้เป็นอย่างดี และหากคุณสนใจจะเดินทางท่องเที่ยวในสิงคโปร์ ลองมองหาความสะดวกสบายในการเดินทางและที่พักจาก Traveloka ดูสิ มีหลายตัวช่วยเลยละที่จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณง่ายขึ้น แล้วลองมาดูตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในสิงคโปร์กันก่อนดีกว่าว่าจะมีที่ไหนบ้าง?
นับเป็นสะพานคนเดินที่สูงที่สุดในสิงคโปร์ มีความสูงจากพื้นดิน 36 เมตร เปิดใช้ในปี ค.ศ.2008 มีรูปทรงคดเคี้ยวชวนให้นึกถึงเกลียวคลื่น นับเป็นการออกแบบที่ท้าทายและฉีกออกจากกรอบเดิมๆ ได้อย่างน่ามหัศจรรย์จนติดอันดับสะพานแปลกๆ ของโลก ด้วยรูปทรงโค้งบิดไปมาตลอดความยาว 274 เมตร โครงสร้างเป็นเหล็กโค้งและตกแต่งด้วยไม้บาเลาที่พบได้เฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงเย็นและช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้คนมากมายนิยมมานั่งชื่นชมทิวทัศน์งามๆ จากมุมนี้ เนื่องจากจะมีการเปิดไฟ LED ตั้งแต่เวลา 1 ทุ่มเป็นต้นไป สามารถเข้าชมได้ทุกวันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
อาจจะกล่าวได้ว่านี่คือย่านที่มีสีสันทางด้านวัฒนธรรมมากที่สุดในสิงคโปร์ ทั้งความพลุกพล่านคึกคักของผู้คน และสีสันสุดสดใสของอาคารที่อยู่ในบริเวณย่านนี้ รวมถึงสินค้าอันหลากหลายที่แสดงถึงวัฒนธรรมเฉพาะตัวของอินเดีย บริเวณใจกลางของย่านนี้ มีวัด Sri Veerama Kaliamman วัดเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมบริเวณซุ้มประตูและกำแพงวัดงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ตั้งอยู่ด้วย
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 5.30 – 21.30 น.
ส่วนใหญ่ชาวไทยจะเรียกวัดนี้ว่าวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว เป็นวัดทางศาสนาพุทธที่สำคัญที่สุดวัดหนึ่งของสิงคโปร์ ตั้งอยู่ใกล้กับย่านไชน่าทาวน์ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระทันตธาตุ (ฟัน) ของพระพุทธเจ้า ใช้งบประมาณการสร้างสูงถึง 62 ล้านดอลล่าร์สิงคโปร์ หรือราวๆ 2,000 ล้านบาท!! มีอาคารหลักเพียงหนึ่งอาคาร แบ่งเป็นชั้นใต้ดิน 3 ชั้น และบนดินอีก 4 ชั้น ซึ่งเป็นส่วนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ หากนับรวมชั้นลอยและดาดฟ้าจะนับว่าวัดนี้มีความสูงถึง 9 ชั้นทีเดียว
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 – 19.00 น. (ต้องแต่งกายสุภาพ)
เป็นถนนแห่งการช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดของสิงคโปร์ เรียกว่าถนนสายนี้เป็นสวรรค์ของคนรักการช้อปปิ้งโดยแท้จริง เพราะตลอดความยาวราวๆ 2 กิโลเมตรของถนนสายนี้ อัดแน่นไปด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านแบรนด์เนมหรูจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะสินค้าแฟชั่นทั้งหลายทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และเครื่องสำอาง เรียกว่าถ้าคุมสติไม่ดี เดินเข้าถนนเส้นนี้อาจมีอาการพัง!
ย่านโกดังสินค้าและท่าเรือเก่าริมแม่น้ำสิงคโปร์ ที่จะมีชีวิตชีวาสุดคึกคักในยามค่ำคืน เรียงรายไปด้วยร้านอาหารและร้านนั่งกินดื่มแบบชิลล์ ยามย่ำค่ำที่นี่จะมีแต่สีสันสดใสจากแสงไฟของแต่ละร้าน เรียกได้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นสายไหน จะชอบแค่นั่งกินดื่มชิลล์ๆ รับลมชมบรรยากาศดีๆ หรือจะเป็นสายบันเทิงเต็มรูปแบบชอบแด๊นซ์แบบหนักๆ ละแวกนี้ตอบทุกโจทย์ความต้องการได้แน่นอน
รูปปั้นขนาดสูง 8.5 เมตร หนัก 60 ตัน รูปสิงโตครึ่งปลาพ่นน้ำตัวนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญและเป็นภาพจำภาพแรกที่จะผุดขึ้นมาในหัวของทุกคนเมื่อพูดถึงประเทศสิงคโปร์ ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ Merlion Park เห็นจนชินตากันแบบนี้ สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1972 แล้วนะ! ถ้ามาสิงคโปร์เมื่อไหร่ อย่าลืมมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกกันด้วยล่ะ
สวนสุดอลังการที่กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ไปแล้วเรียบร้อย สวนแห่งนี้กวาดรางวัลมาแล้วจากหลายสถาบันทั่วโลก และกลายเป็นสวนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสวนหนึ่งของยุคปัจจุบัน ต้นไม้ขนาดยักษ์สุดตระการตาที่เรียกว่า Supertree และโดมแก้วเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 2 โดม แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางด้านการออกแบบและเทคโนโลยีการก่อสร้างของสิงคโปร์ได้เป็นอย่างดี หนึ่งในสองโดมแก้วมีน้ำตกจำลองในร่มที่สูงที่สุดในโลกไว้อีกด้วย
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 5.00 – 2.00 น. (พื้นที่สวนส่วนใหญ่ไม่รวมโดมกระจก)
โดมกระจกและทางเดินลอยฟ้า เปิดตั้งแต่เวลา 9.00 – 21.00 น.
อัตราค่าเข้าชมโดมกระจก 28 SGD / อัตราค่าเข้าชมทางเดินลอยฟ้า ผู้ใหญ่ 8 SGD เด็ก 5 SGD
อีกหนึ่งสัญลักษณ์ติดตาเวลาพูดถึงสิงคโปร์ ตึกสูงอลังการ 3 ตึกนี้ รวมสุดยอดอภิมหาความบันเทิงริมทะเลไว้อย่างครบครัน ทั้งโรงแรมหรูระดับห้าดาว 3 โรงแรม ห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะวิทยาศาสตร์แห่งแรกของโลก คาสิโน สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ The Sands Sky Park โรงภาพยนตร์ โรงละคร ร้านอาหาร ลานสเก็ตน้ำแข็ง และสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่สูงที่สุดในโลก ครบกว่านี้มีอีกมั้ย?? นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสง สี เสียง และน้ำพุสุดตระการตา ที่ชื่อว่า Wonder Full ให้ชมฟรีทุกวันที่ด้านหน้าอาคารอีกด้วย
เปิดบริการทุกวัน Sands Sky Park เปิดตั้งแต่เวลา 9.30 – 22.00 น.
อัตราค่าเข้าชม Sands Sky Park ผู้ใหญ่ 23 SGD / ผู้สูงอายุ 20 SGD / เด็ก 17 SGD
ชื่อเต็มๆ ของอควาเรียมแห่งนี้คือ South East Asia Aquarium ความเจ๋งอยู่ตรงที่แม้สิงคโปร์จะเป็นหนึ่งในประเทศที่เล็กที่สุดในโลก แต่พวกเขากลับมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก!! โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในโซน Marine Life Park ภายใน Resort World Sentosa อควาเรียมแห่งนี้มีสัตว์น้ำอาศัยอยู่กว่า 100,000 ตัว มากกว่า 800 สายพันธุ์ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 10 โซน โดยแต่ละโซนก็มีไฮไลท์ดึงดูดใจเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีภัตตาคารและโรงแรมที่นักท่องเที่ยวสามารถรับประทานอาหารและเข้าพักได้พร้อมกับวิวใต้น้ำสุดอเมซิ่งของอควาเรียมแห่งนี้ด้วยนะ
สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยส่วนใหญ่เป็นสถานที่ที่สร้างความตื่นเต้นตระการตา หากคุณสนใจ ลองวางแผนทริปท่องเที่ยวในสิงคโปร์โดยใช้ระยะเวลา 4 วัน 3 คืน ด้วยตัวคุณเองได้แบบง่ายๆ โดยดูตัวอย่างที่เรานำเสนอเป็นต้นแบบดูก่อน แล้วอย่าลืมจองที่พักและตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka นะ เพื่อความสะดวก ครบ จบในขั้นตอนเดียว
วันที่ 1
เก็บข้าวของกันเสร็จสรรพ ก็เริ่มต้นด้วยการเติมพลังใส่ท้องกันก่อนดีกว่า ที่ร้าน Liao Fan Hong Kong Soya Sauce Chicken Rice & Noodle ในย่านไชน่าทาวน์ ร้านนี้ไม่ได้หรูหราแต่เด็ดกว่าตรงที่ได้มิชลิน 1 ดาวมานอนกอดเรียบร้อย จากเมนูที่ไม่หวือหวาอย่างไก่ต้มซีอิ๊ว หมูกรอบ หมูแดง และเป็ดย่าง อาหารสบายๆ ที่กินได้ทุกคน แถมราคาไม่แรงด้วยนะ
จากนั้นเริ่มต้นวันของการตระเวนดูไฮไลท์ในใจกลางสิงคโปร์ ตั้งแต่การเดินชิลล์ดูความเขียวชอุ่มของพันธุ์ไม้กันที่ Garden by The Bay เดินเล่นบนทางเดินลอยฟ้าชมวิวทิวทัศน์ของสิงคโปร์ในมุมสูง เข้าโดมกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดินสูดออกซิเจนกันให้เต็มปอดจากสารพัดพืชพรรณในผืนป่าจำลอง เรียกได้ว่านี่เป็นสวรรค์ของคนรักต้นไม้โดยแท้จริง
ถัดไปไม่ไกล อย่าพลาดการไปเดินเล่นที่ Marina Bay Sands ตึกรูปเรือสูงตระหง่าน อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ที่ใครๆ ก็รู้จักกันดี เดินสูดอากาศบนสวนลอยฟ้า The Sands Sky Park แวะไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะวิทยาศาสตร์ เดินเล่นชิลล์ๆ แบบได้ความรู้ไปด้วยซะบ้างก็ดีนะ หรือจะไปชมวิวลอยฟ้ากันอีกทีถ้ายังไม่สะใจที่ Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียก็ไม่เลวนะ แล้วค่อยกลับมาดูโชว์น้ำพุ Wonder Full สุดตระการตาในยามเย็นที่ด้านหน้าตึก Marina Bay Sands อีกซักรอบ แล้วที่สำคัญที่สุด อย่าลืมไปแอ็คชั่นถ่ายรูปเก๋ๆ ที่ Merlion สัญลักษณ์สำคัญของสิงคโปร์กันล่ะ ไม่งั้นจะไม่มีรูปไปอวดเพื่อนนะเอ้า
ถ้าแรงยังไม่หมด และยังไม่อยากกลับไปนอนแกร่วที่โรงแรม ขอแนะนำโปรแกรมการไปนั่งกินดื่มชิลล์ๆ ที่ Clarke Quay ยามค่ำกันหน่อยดีกว่า ร้านเก๋ๆ ริมน้ำที่นั่งเพลินมากไม่ว่าจะมองแสงสีหรือบรรยากาศรอบตัว ถือเป็นการจบวันแรกกันแบบชิคคูลสบายๆ
วันที่ 2
ถ้าอยากเริ่มต้นวันด้วยติ่มซำสุดอร่อย ขอแนะนำร้าน Yum Cha ในย่านไชน่าทาวน์ ร้านหาไม่ยาก แถมได้รับการรันตีจากคนท้องถิ่นว่าร้านนี้สิรสชาติเด็ด เมนูก็มีให้เลือกหลากหลาย แถมราคาไม่แพงด้วยนะ ลองดู
ไหนๆ ก็มาสิงคโปร์กันทั้งที หนึ่งที่ที่พลาดไม่ได้คือการหนีจากโลกแห่งความจริงไปกรีดร้องบนเครื่องเล่นเร่งอะดรีนาลีนกันบ้างดีกว่า แน่นอนว่าต้องมุ่งหน้าไป Universal Studio กันแบบด่วนๆ รับรองว่าสาแก่ใจแน่นอน กับสารพัดเครื่องเล่นสุดมัน แถมยังได้ไปกระทบไหล่ตัวการ์ตูนขวัญใจในตำนานอีกเพียบ ลุยเลย
ก่อนกลับ อย่าลืมแวะพักแข้งพักขากันที่ร้าน Slappy Cakes ด้านหน้าทางเข้า Universal Studio กันซักหน่อย ร้านแพนเค้กร้านนี้มีดีตรงที่เค้าให้เราทำเอง! ต้นกำเนิดของร้านมาจากสาขาแรกในอเมริกา แค่ฟังดูก็น่าสนุกแล้วใช่มั้ยล่ะ ที่จะได้ลงมือทอดและดีไซน์ท็อปปิ้งแพนเค้กของเราเอง ดังนั้น อย่าพลาดเชียว!
วันที่ 3
ไปสตาร์ทกันที่ S.E.A Aquarium แทนดีกว่า ไปใช้เวลาเดินดูอควาเรียมสุดอลังระดับโลก ที่บรรจุเหล่าสัตว์น้ำสารพัดสายพันธุ์กว่า 100,000 ตัว ถือเป็นการเริ่มต้นวันได้แบบสุดตื่นตาและน่าประทับใจ
ไหนๆ มาสิงคโปร์แล้ว ก็อย่าลืมมองหาร้านบักกุดเต๋สูตรเด็ดแบบสิงคโปร์ซดกันให้คล่องคอซะหน่อยดีกว่า หนึ่งในร้านยอดฮิตที่หลายคนติดใจก็คงไม่พ้นร้าน Song Fa Bak Kut Teh ซุปน้ำใสแต่ได้ใจในความเข้มข้น เนื้อหมูนุ่มละลายในปาก จะทำให้อยากสั่งอีกหลายชาม!
ภาคบ่าย ลองไปเดินเล่นชิลล์เก็บภาพสไตล์สตรีทอาร์ตสุดคูลกันแถว Haji Lane ดูดีกว่า เอาใจสายฮิปกันซักหน่อยกับรูปเท่ๆ ที่มีให้ชมกันตลอดแนวยาวของซอยเล็กๆ ซอยนี้ ดีไม่ดีอาจจะได้ของเก๋ๆ ติดมือกลับไปอีก เพราะแถวนี้น่ะ ร้านน่าช้อปเพียบ!
อีกหนึ่งแห่งที่ควรแวะมา นั่นคือการไปเดินชมวิถีชีวิตผู้คนและสีสันบนถนนในย่าน Little India เพราะไหนๆ สิงคโปร์ก็ขึ้นชื่อในด้านความหลากหลายของเชื้อชาติที่ผสมปนเปกันอยู่ในเมืองนี้ แค่เดินดูก็สนุกแล้วละ หรือจะสัมผัสความเป็นอินเดียให้มากกว่านั้น ลองชิมอาหารหรือเครื่องดื่มในย่านนี้ดูได้ จับใจแน่นอน
ช่วงเย็นๆ ลองแวะไปเดินเล่นที่ย่าน Orchard Road ก็ไม่เลว ถ้าอยากได้ของแบรนด์เนมติดมือกลับบ้านก็เริ่มต้นดำเนินการกันได้เลยที่นี่ หรือถ้าไม่ใช่สายช้อป แค่เดิดดูแสงสีและความมีชีวิตชีวาของย่านนี้ก็เพลินแล้ว
วันที่ 4
ถ้าเบื่อมื้อเช้าแสนสแตนดาร์ดในโรงแรม ลองไปเปลี่ยนบรรยากาศประเดิมมื้อเช้ากันด้วยเมนูพีคๆ แบบโจ๊กกบกันหน่อยเป็นไร ที่ร้าน Tian Tian Porridge มีให้ชิมกันตั้งแต่หกโมงเช้า นี่เป็นอีกหนึ่งเมนูฮิตในสิงคโปร์เลยนะ!
อิ่มท้องแล้วไปเริ่มต้นเที่ยวกันแบบเป็นสิริมงคล ด้วยการไปกราบนมัสการพระเขี้ยวแก้วกันที่วัด Tooth Relic Buddha Temple กันดีกว่า นอกจากจะได้ไปกราบพระทันตธาตุในสถูปทองคำหนักกว่า 320 กิโลกรัมกันแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ทางพุทธศาสนาให้ได้เดินดูกันแบบเพลินๆ เจริญใจด้วยนะ
ถ้ายังไม่อิ่มบุญ แนะนำให้ไปต่อกันที่ Kwan Im Thong Hood Cho Temple หรือวัดเจ้าแม่กวนอิมนี่ละ แม้จะไม่มีสถาปัตยกรรมแปลกตาอะไรให้ดูมากนัก แต่กระซิบเลยนะเพราะเขาว่ากันว่าเซียมซีที่วัดนี้มีความแม่นยำมาก จึงไม่ต้องแปลกใจไปล่ะ ถ้าจะเห็นผู้คนมากมายแห่แหนกันเข้ามากราบขอพรที่วัดนี้ชนิดเนืองแน่น ลองดูนะ ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว
แล้วไหนๆ ก็มาถึงสิงคโปร์กันทั้งที จะไม่กินข้าวมันไก่สิงคโปร์ก็เหมือนว่าจะยังมาไม่ถึง แนะนำให้ลองไปชิมที่ร้านเก่าแก่กว่า 37 ปี อย่างร้าน Boon Tong Kee รับรองไม่มีคำว่าผิดหวัง แถมนอกจากข้าวมันไก่รสเด็ดแล้ว ยังมีอีกหลายจานที่รอคอยการมาชิม อย่างซี่โครงหมูอิมพีเรียล ผัดผัก และเมนูอื่นอีกเพียบ จะเด็ดแค่ไหนคงต้องไปลองกันเองแล้วละ
หวังว่าทริปท่องเที่ยวแบบ 4 วัน 3 คืน กับที่เที่ยวควรเช็คอินในสิงคโปร์ที่เรานำมาฝากกัน คงจะเป็นไอเดียเริ่มต้นให้หลายคนจะนำไปปรับใช้กับการเดินทางท่องเที่ยวในสไตล์ของตัวเองได้ไม่มากก็น้อย เกาะเล็กแต่คุณภาพแน่นแห่งนี้ยังมีที่กินที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ลองเริ่มต้นทริปท่องเที่ยวในรูปแบบของคุณเองได้ด้วยการจองที่พักกับ Traveloka แล้วคุณจะรู้ว่าการวางแผนเดินทางด้วยตัวเองน่ะ ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด!