จองแพคเกจไต้หวัน

ข้อมูลไต้หวัน

ไต้หวันเป็นเกาะขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับประเทศจีน ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่แม้จะมีพื้นที่น้อยในขณะที่มีผู้คนอาศัยอยู่เยอะ ไต้หวันก็กลับรักษาสภาพความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังมีวัฒนธรรมที่หลากหลายแม้จะไม่ได้เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเท่าไหร่นัก เนื่องจากในยุคล่าอาณานิคม มีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวยุโรปอพยพเข้ามาอาศัยที่นี่ค่อนข้างมาก รวมถึงช่วงหนึ่งในอดีต ไต้หวันเคยตกเป็นเมืองขึ้นของจีนและญี่ปุ่นมาก่อน ทำให้เกาะเล็กๆ แห่งนี้มีความผสมผสานและน่าสนใจค่อนข้างมากสำหรับนักท่องเที่ยว

ไต้หวันเป็นประเทศที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในระดับแนวหน้าของโลก มีระบบคมนาคมที่ทันสมัย และมีระดับการศึกษาเฉลี่ยของประชากรค่อนข้างสูง นอกจากนั้นยังเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย และด้วยความสะดวกสบายแถมยังมีอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราที่เรียกได้ว่าแทบจะเท่ากันกับเงินบาทของไทย ทำให้ไต้หวันเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นลำดับ

วิธีการเดินทางในไต้หวัน

เนื่องจากไต้หวันเป็นเกาะที่ไม่ได้กว้างใหญ่เท่าไหร่นัก การเดินทางในประเทศไต้หวันส่วนใหญ่จึงเป็นการเดินทางบนบกเป็นหลัก ในพื้นที่ของเมืองหลวงหลักอย่างไทเปและพื้นที่ใกล้เคียง มีระบบการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินซึ่งค่อนข้างสะดวกสบายและครอบคลุม นอกจากนั้นยังมีรถบัสประจำทางซึ่งราคาไม่แพงและไปถึงในบางพื้นที่ที่รถไฟใต้ดินเข้าไม่ถึง หรือจะใช้บริการรถแท็กซี่ก็มีให้เลือกใช้ได้ตามสบาย และวิธีการเดินทางอย่างสุดท้ายคือการใช้บริการรถจักรยานสาธารณะ ซึ่งมีราคาถูกมากและค่อนข้างสะดวกสบายเพราะมีจุดให้บริการกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ค่อนข้างถี่ นอกจากนั้น ยังมีเลนสำหรับขี่จักรยานโดยเฉพาะอยู่ทั่วไป การเลือกใช้จักรยานจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีการเดินทางที่น่าสนใจหากเดินทางท่องเที่ยวในไต้หวันเลยละ

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในไต้หวัน

แม้จะเป็นเกาะเล็กๆ แต่ไต้หวันกลับมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โบราณสถานและสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรม รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นทางด้านเทคโนโลยีและความทันสมัย แถมยังมีวัฒนธรรมทางด้านอาหารที่ผสมผสาน หลากหลาย และรสชาติดี ทั้งหมดนี้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปไต้หวันเพื่อจะได้ลิ้มลองรสชาติและสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวอันมีเอกลักษณ์เหล่านั้นสักครั้ง หากคุณสนใจจะวางแผนท่องเที่ยวในไต้หวัน ลองมองหาความสะดวกสบายในการเดินทางและที่พักจาก Traveloka ดูสิ มีหลายตัวช่วยเลยละที่จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณง่ายขึ้น แล้วลองมาดูตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในไต้หวันกันก่อนดีกว่าว่าจะมีที่ไหนบ้าง?

Taipei 101

เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญจุดหนึ่งซึ่งหากไม่ได้มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึงไต้หวันกันเลยทีเดียว ตึกนี้เคยได้ชื่อว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกในช่วงปี ค.ศ. 2004 ก่อนที่จะโดนล้มแชมป์และตกมาเป็นอันดับ 2 ของโลกจนถึงปัจจุบัน ด้วยความสูงถึง 508 เมตร ตึกนี้มีทั้งหมด 101 ชั้นตามชื่อตึก ด้านล่างเป็นห้างสรรพสินค้าให้ได้จับจ่ายใช้สอยกันตามปกติ ส่วนถ้าใครอยากขึ้นมาสัมผัสความสูงลิบลิ่ว ชมวิวแจ่มๆ ของไต้หวันกัน ต้องซื้อตั๋วขึ้นลิฟท์มายังชั้น 89 ซึ่งลิฟท์ของตึกนี้ก็ได้รับการบันทึกว่าเป็นลิฟท์ที่มีความเร็วที่สุดในโลกอีกด้วยนะ คือใช้เวลาเพียง 1 นาทีต่อความสูง 1010 เมตรหรือหนึ่งกิโลเมตรกว่าๆ เท่านั้น!! มาที่นี่ที่เดียวได้ทั้งเสียวได้ทั้งสูงเลยนะ

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 22.00 น.

อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 500 TWD / เด็ก 450 TWD

National Palace Museum

พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติกู้กงแห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งต้องมา ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1925 และได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่รวบรวมผลงานศิลปะและสิ่งประดิษฐ์โบราณของประเทศจีนเอาไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีโซนจัดแสดงหลักเป็นอาคารสูง 4 ชั้น จัดแสดงชิ้นงานศิลปะและโบราณวัตถุของจีนเอาไว้ถึงประมาณ 700,000 ชิ้น! ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชิ้นงานที่ถูกขนย้ายมาจากพระราชวังต้องห้ามของประเทศจีนในช่วงหลังสงครามกลางเมือง และนอกจากส่วนของพิพิธภัณฑ์แล้ว ด้านข้างยังมีสวนสวยในสไตล์จีนให้ได้เดินเล่นรับลมเย็นๆ กันอีกด้วยนะ

เปิดบริการทุกวัน วันอาทิตย์ – พฤหัสบดี เวลา 8.30 – 18.30 น. / วันศุกร์และวันเสาร์ เวลา 8.30 – 21.00 น.

อัตราค่าเข้าชม คนละ 250 TWD

Chiang Khai Shek Memorial hall

อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งนับเป็นไฮไลท์ของการมาเยือนไต้หวันคืออนุสรณ์สถานเจียงไคเช็กแห่งนี้ ภายในพื้นที่กว้างใหญ่มีการจัดวางสวนสวยตระการตาซึ่งได้รับการวางผังมาเป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังมีอาคารรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบจีนสีขาวโดดเด่น ภายในมีรูปปั้นสำริดของอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเช็คตั้งอยู่ แนะนำให้มาที่นี่ในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนเวรยามของทหาร เพราะจะได้ดูพิธีการเปลี่ยนเวรที่ขึงขังน่าชมเป็นโบนัสในการมาเยือน

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.00 น.

Maokong Gondola

กระเช้าลอยฟ้าบนความสูงเกือบ 300 เมตรแห่งนี้ มีทีเด็ดตรงกระเช้าที่มีพื้นเป็นกระจกใส ให้ได้นั่งชมกันแบบหวิวๆ เพราะด้านล่างเป็นวิวสวยจากมุมสูง กระเช้าลอยฟ้าสายนี้มีสถานีให้แวะลงได้ถึง 4 สถานี นอกจากจะขึ้นไปชมวิวมุมสูงของไต้หวันจากด้านบนแล้ว แต่ละสถานียังมีทั้งสวนสัตว์ วัดสำคัญๆ และไร่ชาอยู่ในเส้นทาง ส่วนราคาค่าใช้บริการจะคิดตามจำนวนสถานีที่เราแวะไป

เปิดบริการทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) วันอังคาร – พฤหัสบดี และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 – 21.00 น. วันศุกร์และเสาร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 – 22.00 น.

อัตราค่าเข้าชม เริ่มต้นตั้งแต่ 70 TWD เป็นต้นไป

Sun Moon Lake

ยกให้เป็นหนึ่งสถานที่สุดฮิตสำหรับคนรักธรรมชาติในไต้หวัน ความสวยงามของสภาพแวดล้อมรวมถึงบรรยากาศสุดโรแมนติกของที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘สวิสเซอร์แลนด์แห่งไต้หวัน’ เพราะมีครบตั้งแต่ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ที่มีฉากด้านหลังเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยสีเขียวของผืนป่า ทำให้ที่นี่มีอากาศเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเดินเล่น ล่องเรือชมวิว หรือขี่จักรยานเที่ยว นอกจากนั้นรอบๆ ทะเลสาบยังมีวัดวาอารามและหมู่บ้านวัฒนธรรมเก่าแก่ของชนเผ่าดั้งเดิมของไต้หวันให้ได้แวะชมกันอีกด้วย

Jiufen Village

นับเป็นสถานที่ยอดนิยมซึ่งพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงหากมาเยือนไต้หวัน ที่นี่เป็นหมู่บ้านโบราณที่สร้างไล่เรียงกันขึ้นไปบนเนินเขา จากที่เคยเป็นเหมืองทองคำ ในปัจจุบัน ชาวบ้านได้ผันตัวเองมาเปิดบ้านเป็นร้านอาหารและร้านขายของสำหรับนักท่องเที่ยว ด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงามแปลกตา รวมถึงเป็นแหล่งช้อปแหล่งชิมที่มีข้าวของและอาหารอร่อยมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมุ่งหน้าแวะเวียนมาเยี่ยมชม โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ที่นี่จะถูกประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงละลานตาเพิ่มความงามยิ่งขึ้นไปกว่าในช่วงกลางวัน จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้สร้างนำที่นี่เข้าไปเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดังเรื่อง Spirited Away

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 22.00 น.

ทริปท่องเที่ยวในไต้หวัน

มีบางคนให้คำจำกัดความของไต้หวันไว้ว่าเป็น ‘Little Japan’ เพราะมีกลิ่นอายหลายอย่างที่ให้ความรู้สึกคล้ายอยู่ในประเทศญี่ปุ่น แต่มีค่าครองชีพที่ถูกกว่า และไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เราก็ยังขอยืนยันว่าไต้หวันเป็นประเทศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ในแบบที่เป็นตัวเอง เพราะแม้จะได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย แต่เมื่อทั้งหมดนั้นรวมตัวกันก็กลับทำให้ไต้หวันแสนจะน่าสนใจ เนื่องจากมีพร้อมทั้งทิวทัศน์อันงดงาม โบราณสถานเก่าแก่ รวมไปถึงอาหารหลากหลายซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าอร่อย จนมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยที่มุ่งหน้าสู่ไต้หวันเพื่อชิมสารพัดเมนูเป็นหลัก และหากคุณสนใจ เรามีตัวอย่างทริปท่องเที่ยวในไต้หวันโดยใช้เวลา 5 วัน 4 คืน มาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย เผื่อจะนำไปปรับใช้ในการวางแผนท่องเที่ยวด้วยตัวคุณเองแบบง่ายๆ แล้วอย่าลืมจองที่พักและตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka นะ เพื่อความสะดวก ครบ จบในขั้นตอนเดียว

วันที่ 1

ทำความเคารพเจ้าถิ่นด้วยการเริ่มต้นทริปที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก สัญลักษณ์สำคัญเพื่อแสดงความระลึกถึงประธานาธิบดีในตำนานของไต้หวันที่ได้รับการยกย่องมาอย่างยาวนาน นอกจากการได้เรียนรู้หนึ่งหน้าประวัติศาสตร์บุคคลสำคัญของไต้หวันแล้ว ที่นี่ยังมีไฮไลท์เป็นการผลัดเปลี่ยนเวรยามอยู่ในทุกช่วงต้นชั่วโมง หรือจะเป็นการเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาร์ในช่วงเคารพธงชาติเช้าและเย็นก็น่าดูชมนะ ลองวางแพลนดู

มาเมืองหลวงอย่างไทเปทั้งที แนะนำว่าอย่าพลาดการได้มาลองชิมบะหมี่อาจง หรือ Ay-Chung Flour Rice Noodle ที่แม้จะไม่มีโต๊ะให้นั่งสบายๆ แต่ไม่ยักมีใครแคร์ เพราะจะเห็นว่ามีลูกค้าเต็มใจยืนกินหน้าร้านกันมากมาย ก็เพราะว่าร้านนี้ได้รับการบอกเล่าว่าเป็นบะหมี่ที่อร่อยที่สุดในไต้หวัน! ซึ่งหลายคนการันตี แบบนี้เห็นทีต้องไปลอง

คิวช่วงบ่าย แนะนำให้เทไปที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติกู้กง พิพิธภัณฑ์ขนาดมหึมาที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ซึ่งเก็บรักษาสมบัติชาติอันเก่าแก่และทรงคุณค่าของชาวจีนเอาไว้มากที่สุดในโลก คือราวๆ 700,000 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่ถูกขนย้ายออกมาจากพระราชวังต้องห้ามในปักกิ่ง นอกจากนั้นตัวอาคารพิพิธภัณฑ์และสวนรอบๆ ก็ยังได้ชื่อว่าสวยคุ้มค่าน่าแวะดูชม

คืนแรกในดินแดนแห่งของอร่อย ต้องไปลองกินสตรีทฟู้ดแบบออริจินัลไทเปกันหน่อยดีกว่า แนะนำให้เริ่มต้นที่ Shilin Night Market หนึ่งในตลาดของกินที่โด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน ที่นี่ที่เดียวรวบรวมสารพัดร้านอาหารคาวหวานเอาไว้เพียบ ทั้งแบบแผงลอยและเป็นร้านค้า เรียกว่าถ้าจะแวะมาก็เตรียมพื้นที่ว่างในกระเพาะให้มากพอก็แล้วกัน

วันที่ 2

พักสายตาจากตัวเมืองและความเจริญอันแสนวุ่นวายของไทเป ออกมาสูดอากาศท่ามกลางธรรมชาติงามๆ กันที่ทะเลสาบสุริยันจันทรา แห่งเมือง Nantou บ้างดีกว่า เพราะฉายาสวิสเซอร์แลนด์แห่งไต้หวันน่ะ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย! ที่นี่เป็นทะเลสาบน้ำจืดธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไต้หวัน มีครบครันทั้งน้ำใส ป่าเขียวขจี และขุนเขาอันอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีอากาศสบายๆ ตลอดทั้งปี เหมาะกับการเดินเล่น ล่องเรือ ขึ้นกระเช้าลอยฟ้า หรือขี่จักรยานชมวิวรอบทะเลสาบ นอกจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ใกล้ๆ กันยังมีวัดวาอารามที่สวยงามมากมาย รวมถึงหมู่บ้านวัฒนธรรมอะบอริจินฟอร์โมซาน หมู่บ้านวัฒนธรรมเก่าแก่ของชนเผ่าพื้นเมืองที่มักจะมีเทศกาลหรืองานกิจกรรมมากมายให้ได้เที่ยวชมกันตลอดทั้งปี

เสพบรรยากาศธรรมชาติดีๆ กันมาทั้งวัน ลองมาปิดท้ายด้วยการกินดื่มสังสรรค์กับของอร่อยละลานตากันที่ตลาดกลางคืนที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดของไต้หวันกันหน่อยดีไหม Feng Chia Night Market เป็นแหล่งกินดื่มยามค่ำคืนขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่ารวมร้านอาหารที่ทั้งอร่อยและแปลกไว้มากมาย แต่ถ้าไม่ได้จองที่พักละแวกนี้ไว้ ก็อย่าเพลินจนลืมเวลาขึ้นรถกลับที่พักก็แล้วกัน!

วันที่ 3

เปิดประเดิมเช้าวันที่ 3 ด้วยการไปลองชิมอีกหนึ่งอาหารขึ้นชื่อของไต้หวันที่ร้าน Fu Hang Dou Jiang ร้านขายน้ำเต้าหู้สุดฮ้อตในไทเปที่เปิดขายแค่ครึ่งวันเช้าเท่านั้น ความอร่อยของน้ำเต้าหู้ร้านนี้ทำให้มีคนมายืนต่อแถวรอซื้อกันตั้งแต่ฟ้าสาง โดยอาจจะต้องใช้เวลารอคิวตั้งแต่ 15 นาทียาวไปจนถึงเป็นชั่วโมงกันเลยนะ! ขึ้นอยู่กับว่าแต้มบุญคุณเยอะขนาดไหน เมนูที่แนะนำคือน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ เครปไข่ และอื่นๆ อีกมากมาย สั่งมาชิมกันซะให้สมกับการรอคอย!

อิ่มท้องแล้ว ไปไหว้พระขอพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาฤกษ์เอาชัยกันที่วัด Dalongdong Baoan Temple หรือวัดเป่าอันกันหน่อยดีกว่า นี่คือวัดพุทธแบบจีนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดที่สวยที่สุดของไทเป สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1804 และปัจจุบันนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สวยน่าชมแถมยังเดินทางง่าย จะพลาดได้ยังไง

และมาถึงเมืองแห่งชานมไข่มุกกันทั้งที จะไม่ลองชิมกันเลยก็เหมือนกับว่าจะมาไม่ถึง แน่นอนว่าร้านชานมไข่มุกที่นี่มีให้เลือกกันละลานตา แต่ร้านที่เราจะแนะนำมีชื่อว่าร้านชานมไข่มุกอู่สือหลาน (50 Lan) ซึ่งร้านนี้ถือว่ามีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในไต้หวัน มีสาขากระจายตัวอยู่มากมาย มีชาหลากหลายประเภทให้เลือกชิม สมศักดิ์ศรีที่มีคนยกให้ว่าร้านนี้นี่ละเป็นร้านที่ทำชาไข่มุกได้อร่อยที่สุดแล้วในเกาะนี้!

มาเมืองจีนกันทั้งที ก็ต้องหาอาหารจีนกินสิถึงจะสาสม แนะนำให้ไปลองที่ร้าน Hao Gong Dao’s Shop ที่เป็นร้านยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ด้วยเมนูติ่มซำสุดอร่อยอย่างเสี่ยวหลงเปา และลูกชิ้นซุปที่แค่กัดเบาๆ น้ำซุปที่อยู่ด้านในก็จะกระจายไปเต็มปาก รสชาติอร่อยเด็ด อยากรู้ว่าจริงมั้ย อย่าลืมแวะไปชิม

ช่วงครึ่งวันหลัง นั่งรถออกไปนอกเมืองไทเปกันซักนิด เพราะจุดหมายต่อไปคืออีกหนึ่งไฮไลท์ของไต้หวัน นั่นคือหมู่บ้านโบราณ Jiufen หมู่บ้านสวยบนเนินเขาที่ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโบราณเอาไว้ได้แบบสมบูรณ์ ตลอดทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยร้านรวงขายของกิน ของใช้ ของที่ระลึกมากมายหลายหลาก เรียกได้ว่าเดินจนหิวก็หาของกิน กินอิ่มก็ลุกมาเดินย่อยกันได้ต่อ วนไปวนมาอยู่แบบนั้นจนกว่าจะเมื่อยกันไปข้างนึง! แล้วอย่าลืมรอชมช่วงเวลาพีคในพีคยามย่ำค่ำ ที่แสงสีสวยงามจนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่วโลกเลยนะ ถ้าพลาดจะหาว่าเราไม่เตือนไม่ได้เชียว!

วันที่ 4

ชวนนั่งรถออกมาเสพธรรมชาติน่าอัศจรรย์ของไต้หวันอีกวันหนึ่งที่ อุทยานแห่งชาติไท่ลู่เก๋อ (Taroko National Park) หลังจากวันแรกเราได้ไปเยือนความงามของทะเลสาบกันมาเรียบร้อยแล้ว ในวันนี้จึงอยากชวนมาสัมผัสความอัศจรรย์แห่งขุนเขาของไต้หวันกันบ้างดีกว่า ความสวยงามของอุทยานแห่งนี้ถือได้ว่ามีความฮ้อตติด 1 ใน 3 ของสถานที่สุดฮิตทางธรรมชาติในไต้หวันกันเลยทีเดียว ด้วยพื้นที่กว้างประมาณ 1,200 กิโลเมตร ที่เต็มไปด้วยถ้ำ น้ำตก ลำธารสีเขียวมรกตใสแจ๋ว หรือหุบเขาสุดมหัศจรรย์ที่มีความลึกถึงราว 18 กิโลเมตร! มีจุดเดินชมธรรมชาติหลากหลายวิวทั้งเลาะเหลี่ยมเขาและเลียบลำธาร รวมถึงจุดชมวิวที่เป็นสะพานแขวนและอุโมงค์ เรียกได้ว่าตลอดเส้นทางการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ มีจุดให้ได้ว้าวกันไปตลอดทาง แถมยังมีร้านอาหารและร้านค้าเป็นระยะ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสะดวกสบาย แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ใช้เวลาเที่ยวที่นี่อย่างน้อย 2 วันขึ้นไป แต่หากมีเวลาไม่พอ จะไปเช้าเย็นกลับก็ยังไหว แต่อาจจะได้แวะเที่ยวชมเฉพาะจุดไฮไลท์เด่นๆ เท่านั้น และคงต้องตื่นเช้ามากๆ ซักหนึ่งวัน เพื่อจะได้มีเวลาเสพวิวอลังการกันนานๆ ไงคุณ

วันที่ 5

ตื่นเช้ากันอีกซักวันแล้วนั่งรถไปยังชายขอบเมืองไทเป เพื่อสัมผัสกับชายหาดที่นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ Unseen ของไต้หวันเค้าเลยนะ ชายหาดแห่งนี้มีชื่อว่า Laomei Green Reef ซึ่งเป็นแนวหินชายฝั่งทะเลที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟซึ่งโดนน้ำทะเลกัดกร่อนมาเป็นเวลายาวนาน จนกลายเป็นร่องหินรูปร่างแปลกตาตลอดแนวชายฝั่งทะเลแถบนี้ โดยเฉพาะถ้าคุณเดินทางไปในช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม แนวหินแถบนี้จะมีตะไคร่ปกคลุมจนกลายเป็นสีเขียวสวยแปลกตา อย่าพลาดการไปเยือนเชียวนะคุณ

จากชายฝั่งทะเล เปลี่ยนอารมณ์กลับเข้ามาสัมผัสความเจริญขั้นสุดของนวัตกรรมการก่อสร้างกันบ้างดีกว่า ณ ตึกไทเป 101 แลนด์มาร์กสำคัญที่สูงถึง 508 เมตรกลางเมืองไทเป ตึกสูงท้าทายความเสียวแห่งนี้ครองสถิติตึกที่สูงที่สุดในโลกเป็นอันดับสอง หลังจากที่เคยขึ้นไปครองอันดับหนึ่งอยู่สักพัก แวะบอกลาไต้หวันกันที่วิวสูงแสนสวยแบบ 360 องศา ก็คงเป็นอีกหนึ่งโมเม้นท์ที่น่าประทับใจ!

ถ้ามาถึงไต้หวันทั้งทีแต่ไม่ได้ช้อปปิ้งคงเหมือนพลาดอะไรไป เราจึงแนะนำให้ไปส่งท้ายกันที่ฮาราจูกุเมืองไต้หวันอย่างย่าน Ximending อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่รวบรวมสารพัดข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นและแหล่งอัพเดทแฟชั่นแห่งใหญ่ของไต้หวัน อยากช้อปอะไรติดไม้ติดมือกลับมาใช้เองหรือฝากคนทางบ้านก็เชิญตามสบาย ละลายทรัพย์ทิ้งท้ายกันได้แบบเต็มที่ไปเลย!

หวังว่าทริปท่องเที่ยวแบบ 5 วัน 4 คืน กับตัวอย่างแหล่งเช็คอินในไต้หวันที่เรานำมาฝากกัน คงจะเป็นไอเดียเริ่มต้นให้หลายคนนำไปปรับใช้กับการเดินทางท่องเที่ยวในสไตล์ของตัวเองได้ไม่มากก็น้อย ไต้หวันยังมีที่กินที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย หากสนใจ ลองเริ่มต้นทริปท่องเที่ยวในรูปแบบของคุณเองได้ด้วยการจองที่พักกับ Traveloka แล้วคุณจะรู้ว่าการวางแผนเดินทางด้วยตัวเองน่ะ ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด!