ไปเที่ยวเลยจองเป็นแพคเก็จถูกกว่า
ใครๆ ก็ไปเที่ยวเลย เพราะเลยเป็นจังหวัดที่น่าสนใจ มีที่เที่ยวทางธรรมชาติให้เลือกเที่ยวเพียบ ที่สำคัญคือเลย เป็นจังหวัดที่บรรยากาศดีมากๆ ยิ่งเป็นช่วงปลายปี หรือช่วงฤดูหนาว เลยจะมีลมหนาวพัดโชยมา ซึ่งก็ได้รับความนิยมไม่แพ้จังหวัดทางภาคเหนือเลยทีเดียว ถ้าใครอยากจะสัมผัสบรรยากาศดีๆ ที่เมืองเลย แนะนำให้จองไปเป็นแบบแพคเก็จได้เลย รับรองว่าประหยัดกว่า ถูกกว่า และได้ราคาดีกว่าที่ไหน คุ้มค่ากว่าจองแยกแน่นอน
ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 540 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่มสลับกับแนวภูเขาสูง โดยทางภาคเหนือของจังหวัดเลยถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเขตพรมแดนของประเทศไทยที่อยู่ห่างจากประเทศลาวแค่มีแม่น้ำโขงคั่นกลางเท่านั้นเอง และด้วยสภาพภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยเทือกเขาสูงนี่เอง ทำให้จังหวัดเลยมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างจะเย็นสบายตลอดทั้งปี และกลายเป็นแหล่งปลูกไม้ดอกไม้ประดับที่ได้ผลผลิตดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
จังหวัดเลยได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดในประเทศไทย เคยมีอุณหภูมิลดต่ำไปจนถึงระดับ – 1.3 องศาเซลเซียส ในปี พ.ศ.2517 แต่ในหน้าร้อนก็ถือได้ว่าค่อนข้างร้อนมากเช่นกัน เพราะอุณหภูมิสูงสุดจะทะลุไปจนเกินระดับ 40 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ด้วยความที่มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงค่อนข้างเยอะ จึงทำให้จังหวัดเลยมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากตามไปด้วย และฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวจะไปเยือนจังหวัดเลยมากที่สุด ก็ต้องยกให้กับฤดูหนาว เพราะทุกคนต่างมุ่งหน้าไปสัมผัสไอหมอกและอากาศเย็นที่มีปกคลุมจังหวัดเลยอยู่เกือบจะทั่วทุกพื้นที่นั่นเอง
เพราะในแต่ละปี จะมีนักท่องเที่ยวมุ่งหน้าไปสัมผัสอากาศเย็นที่จังหวัดเลยเป็นจำนวนไม่น้อย ทำให้การเดินทางในจังหวัดเลยจากแหล่งขนส่งจุดใหญ่ๆ อย่างสนามบินหรือสถานีขนส่งไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ มักจะมีรถสองแถวหรือรถสามล้อสกายแล็ปคอยให้บริการอยู่ นอกจากนั้น ยังมีรถตู้และรถแท็กซี่ รวมถึงรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และรถจักรยานให้เช่าขับเองในบางพื้นที่ เพื่อความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเดินทางเฉพาะกลุ่มของตนเองอย่างเป็นส่วนตัว จึงนับได้ว่าจังหวัดเลยเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เดินทางได้ค่อนข้างสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มียานพาหนะเป็นของตนเอง
ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาสูง สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดเลยโดยส่วนใหญ่จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเป็นหลัก นอกจากนั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเกี่ยวข้องกับศาสนาและประวัติศาสตร์ รวมถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นกระจายตัวอยู่ทั่วไป จึงเรียกได้ว่าที่นี่เป็นหนึ่งจังหวัดซึ่งมีสถานที่น่าสนใจและหลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอารมณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละจุดแบบครบรสกันเลยละ และหากคุณสนใจที่จะวางแผนท่องเที่ยวในจังหวัดเลย ลองมองหาความสะดวกสบายในการเดินทางและที่พักจาก Traveloka ดูสิ มีหลายตัวช่วยเลยละที่จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณง่ายขึ้น ลองมาดูตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดเลยกันก่อนดีกว่าว่าจะมีที่ไหนโดนใจคุณบ้าง?
วัดพระธาตุศรีสองรัก
นับเป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเลย และเป็นสัญลักษณ์ในตราประจำจังหวัดอีกด้วย ตั้งอยู่ที่อำเภอด่านซ้าย บริเวณริมแม่น้ำหมัน ห่างจากอำเภอเมืองราว 83 กิโลเมตร องค์พระธาตุศรีสองรัก ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพยานในการทำสัญญาว่ากรุงศรีอยุธยาและกรุงศรีสัตนาคนหุต (เมืองเวียงจันทน์) จะไม่รุกรานซึ่งกันและกัน นอกจากนั้น ยังจะร่วมมือกันต่อสู้ป้องกันการรุกรานจากเมืองพม่าในยุคสมัยนั้นอีกด้วย และด้วยที่มาซึ่งทำให้พระธาตุศรีสองรักกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสัจจะและความมีไมตรีจิตต่อกันนี้เอง ที่ทำให้เกิดข้อห้ามในการแต่งกายด้วยสีแดง หรือนำข้าวของที่มีสีแดงมากราบไหว้สักการะพระธาตุองค์นี้ เพราะสีแดงมักจะถูกใช้แทนสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรงนั่นเอง
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00 – 18.00 น.
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งสถานที่วัดใจสุดคลาสสิกที่คนทุกรุ่นต้องรู้จักกันเลยละ ว่ากันว่าหากมีคนรักซักคน ควรต้องพากันไปวัดใจด้วยการประคับประคองกันขึ้นไปให้ถึงยอดภูกระดึงซักครั้ง เพราะด้วยระยะทางเดินเท้าราวๆ 9 กิโลเมตรจากตีนภูขึ้นไปจนถึงบริเวณที่พักด้านบน จะมีทั้งความชันและความยากลำบาก ให้ต้องปีนป่าย ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันไปตลอดทาง ที่นี่จึงได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางวัดใจชั้นดี เพราะกว่าจะขึ้นไปถึงด้านบนก็จะมีบททดสอบหลากหลายให้ได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันไปอย่างถ่องแท้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคู่รักกันก็ตาม และที่สำคัญ รางวัลที่จะได้รับเมื่อขึ้นไปถึงยอดภูก็คือทิวทัศน์สวยแปลกตาที่หาดูได้ยากจากที่อื่น รวมถึงจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยอันดับต้นๆ ของเมืองไทย รวมถึงอากาศหนาวสะใจที่คุณจะได้สัมผัสแน่นอนในช่วงฤดูหนาวของทุกปี
เปิดบริการตลอดทั้งปี ยกเว้นช่วงปิดฟื้นฟูธรรมชาติตั้งแต่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน ของทุกปี ในช่วงเปิดให้ท่องเที่ยว สามารถเดินขึ้นสู่ยอดภูกระดึงได้ตั้งแต่เวลา 7.00 – 14.00 น.
อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง
เป็นอ่างเก็บน้ำแบบสันเขื่อนดิน ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดราว 1,500 ไร่ รายล้อมด้วยภูเขาและป่าไผ่เป็นส่วนใหญ่ นอกจากการขึ้นไปชมวิวมุมสูงของอ่างเก็บน้ำจากบริเวณจุดชมวิวด้านบนแล้ว กิจกรรมยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องทำคือการกินอาหารรสเด็ดไปพร้อมกับการชมวิวสวยๆ ของอ่างเก็บน้ำ โดยหากไม่อยากนั่งกินบนแพริมเขื่อนเฉยๆ ก็สามารถเลือกออพชั่นเป็นการขอให้ทางร้านลากแพอาหารของคุณไปยังบริเวณกลางเขื่อน ซึ่งนอกจากจะได้ชมวิวงามๆ แล้วยังสามารถเช่าเสื้อชูชีพและห่วงยางไปเล่นน้ำกันได้อีกด้วย อ้อ มีค่าบริการลากแพเพิ่มนิดหน่อยนะ แต่ก็ยังนับว่าคุ้มค่าอยู่ เชื่อเราเถอะ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 17.00 น.
ภูลมโล
ตั้งอยู่บริเวณอำเภอด่านซ้าย ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อของ 3 จังหวัดคือพิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย จุดดึงดูดที่ทำให้ภูลมโลกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงขึ้นมา คือวิวสวยตระการตาของดงต้นนางพญาเสือโคร่งบนพื้นที่กว้างกว่า 1,000 ไร่ ในช่วงกลางเดือนมกราคมของทุกปี ซึ่งต้นนางพญาเสือโคร่งเหล่านี้จะค่อยๆ กระจายตัวสลับกันเบ่งบานทำให้พื้นที่ละแวกนี้กลายเป็นลานสีชมพูสดใสชนิดกว้างไกลกันสุดสายตาเลยละ กะระยะเวลาเดินทางไปเที่ยวกันให้ดีๆ ก็แล้วกัน
สวนหินผางาม
บางคนตั้งฉายาให้สถานที่แห่งนี้ว่าเป็น ‘คุนหมิงเมืองเลย’ เพราะทิวทัศน์ที่เป็นผาหินสูงใหญ่ทอดตัวต่อเนื่องกันเป็นแนวยาวอยู่กลางทุ่งหญ้าเขียวขจี กลายเป็นวิวสวยแปลกตาโดยไม่ต้องเดินทางไปชมถึงเมืองจีนกันเลยทีเดียว ภายในสวนหินแห่งนี้มีทางเดินคดเคี้ยวราวกับเขาวงกต ซึ่งต้องมุดต้องลอดกันพอเหงื่อซึมๆ โดยในบริเวณหินแต่ละจุดจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามลักษณะใกล้เคียง เช่น หินไดโนเสาร์ ซุ้มคารวะ เจดีย์หิน กรอบรูปธรรมชาติ เป็นต้น ใครรักการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยนิดๆ น่าจะถูกใจ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น.
ค่าบริการนำเที่ยวพร้อมบรรยาย 100 บาท ต่อนักท่องเที่ยว 1 คณะ
ภูเรือ
เป็นอุทยานแห่งชาติอันดับที่ 16 ของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศลาว พื้นที่ทั้งหมดในบริเวณนี้เป็นทิวเขาสูงสลับกับที่ราบสูงเป็นระยะๆ โดยมียอดภูเรือเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ด้วยความสูงเกือบๆ 1,400 เมตร ซึ่งบริเวณด้านบนยอดภูจะเป็นพื้นที่ราบกว้างขวางเต็มไปด้วยป่าสนคล้ายกับบนยอดภูกระดึง โดยนอกจากแถวนี้จะมีทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ยังนับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามที่สุดจุดหนึ่งของจังหวัดเลยอีกด้วย รวมถึงยังมีอากาศหนาวเย็นจนบางช่วงเกิดเป็นน้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้งเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นนักท่องเที่ยวมากมายเดินทางไปสัมผัสอากาศเย็นๆ และบรรยากาศสวยๆ กันเนืองแน่นทีเดียวในช่วงฤดูหนาวของทุกปี
เชียงคาน
หนึ่งจุดท่องเที่ยวที่มีคนขนานนามว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ด้วยบรรยากาศและวิถีชีวิตเรียบง่ายของผู้คนในท้องถิ่น รวมถึงอัธยาศัยไมตรีจิตของผู้คนที่แสนจะน่ารัก ทำให้เชียงคานกลายเป็นอำเภอเล็กๆ ที่มัดใจนักท่องเที่ยวทุกคนได้แบบยืนนาน นอกจากการมาใช้ชีวิตชิลล์ๆ ในย่านเมืองเก่าแล้ว เชียงคานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติซึ่งน่าสนใจอีกหลายที่ แถมยังเดินทางสะดวกและไม่ไกล ซึ่งนั่นทำให้การท่องเที่ยวในเชียงคานมีความครบรสมากยิ่งขึ้นไปอีก และทั้งหมดนั้นละที่รวมกันเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้เมืองเล็กๆ เมืองนี้ยังคงเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวแบบไม่เสื่อมคลายมานานหลายปี
ด้วยความที่จังหวัดเลยมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ทั้งในแง่ของธรรมชาติที่สวยงาม และวัฒนธรรมประจำถิ่นที่น่าเอ็นดู แต่ไม่ว่าจะท่องเที่ยวในรูปแบบไหน ก็รับรองว่าเมืองเลยน่าจะสร้างความประทับใจให้คุณได้แบบนานเท่านาน และหากคุณสนใจ เรามีทริปเริ่มต้นท่องเที่ยวในจังหวัดเลย โดยใช้เวลา 3 วัน 2 คืน มาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย เผื่อจะนำไปปรับใช้ในการวางแผนท่องเที่ยวด้วยตัวคุณเองได้แบบง่ายๆ แล้วอย่าลืมจองที่พักและตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka นะ เพื่อความสะดวก ครบ จบในขั้นตอนเดียว
วันที่ 1
ตั้งต้นกันด้วยการกินข้าวกลางน้ำแบบสุดชิลล์ที่อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง นึกภาพการกินอาหารรสแซ่บบนแพกลางน้ำ ท่ามกลางสีเขียวของภูเขาและป่าไม้ ลมพัดเย็นสบายแบบเอื่อยๆ รับรองเลยว่าหายเหนื่อยหายเพลียจากการเดินทางกันชนิดเหมือนปลิดทิ้งแน่นอน ไม่เชื่อก็ลองดู!
อิ่มท้องอิ่มตากับบรรยากาศแสนสบาย ก็ได้เวลาออกเดินทาง กับการไปท่องธรรมชาติแบบแอบแอดเวนเจอร์นิดๆ พร้อมชมธรรมชาติแปลกหูแปลกตากันที่สวนหินผางาม สถานที่ซึ่งได้ฉายาว่าคุนหมิงเมืองไทย ที่ตลอดระยะทางเข้าไปเราจะได้พบกับธรรมชาติเขียวขจี บางจุดก็ต้องมีทั้งปีน มุด ลอด กันสุดฤทธิ์ รวมถึงการได้ชมพันธุ์ไม้เก่าแก่ที่เหลือให้ดูได้ในไม่กี่พื้นที่กันแล้วเป็นของแถม ไปถึงจุดชมวิวคุนหมิงเมืองไทย อย่าลืมถ่ายรูปเช็คอินกันให้สาสมกับแรงกายที่ใช้ไประหว่างทางไต่ขึ้นมานะ!
จากสวนหินสารพัดรูปร่าง ต่อด้วยการนั่งรถอีแต๊กขึ้นไปชมฟูจิเมืองไทยกันบนภูป่าเปราะบ้างดีกว่า ช่วงแรกของการเที่ยวนับว่าทั้งสนุกและสบาย เพราะเราจะได้นั่งชมวิวสองข้างทางจากรถอีแต๊กของชาวบ้านที่ให้บริการพาขึ้นภูไปยังจุดชมวิวที่ 1 และ 2 ซึ่งจะมองตรงไปเจอภูหอ ภูเขาที่ให้อารมณ์คล้ายการได้ไปยืนชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ญี่ปุ่นเลยละ จากนั้นต้องพึ่งกำลังขาเดินขึ้นไปอีกราว 200 เมตรก่อนถึงบริเวณจุดชมวิวที่ 3 ซึ่งบนจุดนี้จะสามารถมองวิวได้ 360 องศา เรียกว่าชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกจากจุดนี้จุดเดียวเลยละ
ถ้าเป็นวันเสาร์ แนะนำให้ไปปิดท้ายวันด้วยการกลับมาจับจ่ายยังถนนคนเดินเพลินภูในตัวเมืองเลยกันดีกว่า ถนนคนเดินแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านค้าคับคั่งกว่า 300 ร้าน มีครบตั้งแต่เครื่องจักสาน ผ้าทอ สมุนไพร เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือสารพันเมนูน่าสนใจให้ได้เดินชิมนั่งชิมกันแบบเพลินๆ ทั้งได้ช้อป ทั้งได้ชิม ถือเป็นการเรียกพลังที่เสียไปจากการท่องเที่ยวมาทั้งวันได้เป็นอย่างดี
วันที่ 2
ออกเดินทางไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ในเมืองสุดชิคอย่างเชียงคานกันดีกว่า เพราะที่นี่ก็ถือว่าเป็นแหล่งเช็คอินสุดฮิตอมตะนิรันดร์กาลแบบไม่เคยเสื่อมถอยของจังหวัดเลยมานานหลายปีแล้ว และนอกจากที่เที่ยวเด็ดๆ เชียงคานยังมีร้านอร่อยคอยให้ไปชิมกันอยู่เพียบ เริ่มต้นกันที่ร้านแรกประจำถิ่น ซึ่งหากินได้ที่นี่ที่เดียว กับสูตรที่ตกทอดกันมากว่า 70 ปี ที่ร้านจุ่มนัวยายพัด กับเมนูพื้นบ้านที่ให้อารมณ์คล้ายสุกี้โบราณกับสารพัดเครื่องปรุงที่เข้ากั๊นเข้ากันเป็นอย่างดี อร่อย แปลก และไม่ซ้ำใครจริงๆ ร้านนี้ มาถึงที่นี่แล้วอย่าลืมลองชิม
จบจากเมนูหลัก อยากชวนมานั่งละเลียดเครื่องดื่มชิมขนมหวานกันที่ร้าน See I 249 กันดีกว่า ที่นี่มีเมนูดีเมนูเด็ดเป็นชาและมาการงสารพัดรูปแบบ นั่งชิลล์ผ่อนคลายภายใต้บรรยากาศแบบไทยประยุกต์ เป็นชีวิตสบายๆ เข้ากับบรรยากาศง่ายๆ คูลๆ ในเชียงคานจริงๆ
เต็มอิ่มทั้งคาวและหวาน ก็ต้องหาที่เดินย่อยอาหารกันซักหน่อยดีกว่า ลองไปเดินเล่นกันที่หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ ศึกษาความเป็นมาของชาวไทดำที่บ้านนาป่าหนาดกันดูซักนิด ศึกษาดูวิถีชีวิตและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวบ้านพื้นถิ่นที่สืบทอดกันมากว่า 100 ปี แถมที่นี่ยังมีผ้าทอสวยๆ ให้ได้ดูได้ช้อปกันด้วยนะ ถ้าถูกใจก็ซื้อจากแหล่งผลิตแบบนี้ละ ดีกว่าผ่านคนกลางเยอะเลย
แวะไหว้พระกันซักนิดดีกว่า กับการไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทกันที่วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน รอยพระพุทธบาทที่วัดนี้มีความกว้าง 65 เซนติเมตร ยาวประมาณ 120 เซนติเมตร ซึ่งรอยพระพุทธบาทที่นี่ได้รับความศรัทธาและเป็นที่เคารพของชาวบ้านในละแวกนี้เป็นอย่างยิ่ง วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในปี พ.ศ.2478 ในยุคที่การเดินทางยังลำบากกว่านี้ มีความเชื่อกันว่าคนที่มีบุญวาสนาเท่านั้นถึงจะสามารถมากราบนมัสการรอยพระพุทธบาทที่วัดนี้ได้ และทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 จะมีการจัดงานประจำปีที่ถือว่าเป็นงานใหญ่ของชาวบ้านในละแวกนี้เลยทีเดียว
เมื่อถึงเวลามื้อเย็น แนะนำให้แวะมาลองร้านเด็ดร้านดังแห่งเชียงคานนั่นคือร้านเฮือนหลวงพระบาง ร้านอาหารริมโขงที่นั่งสบายในบรรยากาศแนวคลาสสิก เมนูที่นี่มีให้เลือกมากมายโดยมีทั้งอาหารไทย ลาว และจีน ให้เลือกชิม ไม่ต้องแปลกใจเลย ถ้าไม่ว่าคุณจะเดินผ่านเวลาไหนก็จะเห็นว่าคนนั่งกันเต็มร้านเกือบทั้งวัน ก็ถือว่าเป็นการการันตีความเด็ดของร้านดังประจำเชียงคานกันอย่างเป็นรูปธรรมไง!
อิ่มหนำสำราญก็มาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดประจำเชียงคาน นั่นคือการเดินช้อป ชิม ชิลล์ กันที่ถนนคนเดินชายโขง ถนนเส้นนี้ไม่ได้ยาวมากมาย แต่บรรจุร้านน่าสนใจเอาไว้เพียบ! ทั้งสิ้นค้าแฮนด์เมดแบบท้องถิ่น สินค้าชิคๆ ที่ทำออกมาเอาใจนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ๆ และที่พลาดไม่ได้คือเหล่าอาหารเด็ดๆ ที่ถือว่าต้องชิมเมื่อมาเยือนเชียงคาน ที่แนะนำว่าห้ามพลาดคือกุ้งจิ๋วเสียบไม้ ย่างมาหอมๆ กรอบๆ กินได้ทั้งตัวทั้งก้าม นี่เป็นกุ้งจิ๋วที่โตเต็มวัยสายพันธุ์เฉพาะในละแวกเชียงคานเท่านั้น จึงห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!
วันที่ 3
ตื่นเช้ากันหน่อยนะ เพราะยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์ที่ใครมาใครไปที่เชียงคานก็ห้ามพลาดกันทั้งนั้น นั่นคือการใส่บาตรข้าวเหนียว ซึ่งหลายคนอาจจะเคยผ่านตามาแล้วกับประเพณีแบบนี้ในเมืองหลวงพระบาง ก็บอกแล้วว่าสองเมืองนี้เค้าเป็นพี่เป็นน้องกัน ดังนั้น อาจจะไม่ต้องไปไกลถึงประเทศลาว ถ้าอยากซึมซับบรรยากาศการใส่บาตรข้าวเหนียวในยามเช้า กับภาพสวยๆ ของพระสงฆ์ที่เดินเรียงแถวมารับบาตร และภาพญาติโยมที่ปูเสื่อนั่งพับเพียบกับพื้นเพื่อรอใส่บาตร พร้อมกระติบข้าวเหนียว ของสำคัญที่ขาดไม่ได้ในกิจกรรมนี้ แม้จะต้องตื่นแต่เช้าหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่า อย่าพลาดเชียว
ใส่บาตรเสร็จสรรพก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังภูทอก อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเชียงคาน ภูทอกเป็นภูเขาสูงใกล้กับแม่น้ำโขง โดยด้านบนใช้เป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมเมืองเชียงคาน และยังเป็นจุดชมทะเลหมอกและวิวมุมสูงสุดสวยที่มีชื่อเสียงของเมืองเชียงคานอีกด้วย วิธีเดินทางก็ไม่ยาก เพราะจะมีรถรับส่งของชาวบ้านที่คอยรับนักท่องเที่ยวขึ้นไปยังด้านบนใกล้กับจุดชมวิว สะดวก เดินทางง่าย แล้วยิ่งถ้าดวงดีได้ดูทะเลหมอกแบบเต็มๆ ด้วยนะ บอกเลยว่าฟินจริงๆ!!
จากภูทอกมาไม่ไกลนัก อย่าพลาดการแวะอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเชียงคานอย่างแก่งคุดคู้ แก่งหินขนาดใหญ่ซึงผุดขึ้นมาตั้งขวางเส้นทางไหลของแม่น้ำโขง ซึ่งในช่วงเช้าจะมีความงดงามเป็นพิเศษ เนื่องจากจะเห็นพระอาทิตย์กำลังไต่ขึ้นจากขอบฟ้า เห็นเรือของชาวบ้านเริ่มออกมาทอดแหหรือหาปลา แสงอาทิตย์จะเคลือบผิวหน้าของแม่น้ำโขงให้เราได้เห็นเป็นสายน้ำยาวเหยียดสีทอง ถ้ายืนมองอย่างเดียวไม่สะใจ แนะนำให้เหมาเรือแล้วล่องไปชมความงามในระยะประชิดดู แล้วจะประทับใจ
จากแก่งคุดคู้ จะผ่านเส้นทางที่มีร้านจำหน่ายของฝากยอดฮิตของเชียงคาน นั่นคือมะพร้าวแก้ว เรียงรายเป็นแถวยาวเหยียดสองฝั่งถนน อย่าลืมแวะซื้อเป็นของฝากคนทางบ้านนะ เพราะมะพร้าวแก้วของที่นี่ดีจริงอะไรจริง ยิ่งถ้าเลือกเป็นมะพร้าวแก้วเกรดเอ จะได้มะพร้าวอ่อนเนื้อนุ่ม หอม หวาน ยิ่งกินยิ่งเพลินจนไม่อยากวางถุงเลยละ เชื่อสิ
กลับเข้าเมืองเชียงคานมาก็ได้เวลาหาของอร่อยกินกันอีกแล้ว ถ้ามาถึงก่อน 9 โมงเช้า ลองแวะมาชิมปาท่องโก๋ยัดไส้ที่ร้านลุงมุขในตลาดเชียงคานกันก่อน ร้านนี้นับเป็นอีกหนึ่งร้านเก่าแก่ที่ขายคู่ตลาดเมืองเชียงคานมายาวนานกว่า 52 ปี ว่ากันว่ามีที่นี่ที่เดียวด้วยนะ
กินปาท่องโก๋แล้ว แวะมากินกาแฟต่อกันที่ร้านสุวรรณรามา ร้านนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงที่เป็นโรงภาพยนตร์เก่าในยุคก่อน จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะได้เห็นฟิล์มเก่า หรือโปสเตอร์หนังเก่าๆ มากมายประดับประดาอยู่ภายในร้าน นอกจากนั่งกินกาแฟชิลล์ๆ ร้านนี้ยังมีอาหารเช้าหลายรูปแบบให้ลองเลือกชิม ใครชอบไข่กระทะร้านนี้ก็มีให้ลองนะ มาเลย!
อิ่มมื้อเช้ากันเรียบร้อย ก็มาเดินเล่นย่อยอาหารกันบ้างดีกว่า ที่แรกที่อยากแนะนำคือวัดศรีคุณเมือง วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2485 โดยวัดนี้ถือเป็นแหล่งรวมงานศิลปะทั้งแบบล้านนาและล้านช้าง โดยจะเห็นได้จากหลังคาพระอุโบสถ รวมถึงพระพุทธรูปและธรรมาสน์เก่าแก่และงานจิตรกรรมฝาผนังด้านใน แวะไปกราบพระเป็นสิริมงคลแถมยังได้เดินชมงานพุทธศิลป์สวยๆ อีก คุ้มจะตาย
มาเชียงคานทั้งที่ ที่ไม่กินไม่ได้คือข้าวปุ้นน้ำแจ่ว อีกหนึ่งอาหารท้องถิ่นในละแวกนี้ที่บอกได้ว่ารสชาติอร่อยดีทีเดียวละ ข้าวปุ้นน้ำแจ่วที่นี่มีให้เลือกชิมหลายร้าน หนึ่งร้านที่จะแนะนำกันคือร้านป้าบัวหวานข้าวปุ้นน้ำแจ่ว แถวๆ ซอยศรีเชียงคาน 14 ข้าวปุ้นน้ำแจ่วเอาง่ายๆ ก็คล้ายกับการกินก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสนั่นละ เพียงแต่จะมีการใช้เส้นขนมจีนแทนเส้นก๋วยเตี๋ยว มีการใส่เครื่องในหมูและผักต่างๆ รวมอยู่ด้วย อร่อยเด็ดและควรค่าแก่การยกมาเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในการมาเยือนเมืองชายโขงอย่างเชียงคานกันได้เลย
หวังว่าทริปท่องเที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืนในจังหวัดเลยที่เรานำมาฝากกัน คงจะเป็นไอเดียเริ่มต้นให้หลายคนนำไปปรับใช้กับการเดินทางท่องเที่ยวในสไตล์ของตัวเองได้ไม่มากก็น้อย จังหวัดเลยยังคงอัดแน่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมทางด้านต่างๆ อีกมากมาย หากสนใจ ลองเริ่มต้นทริปท่องเที่ยวในรูปแบบของคุณเองได้ด้วยการจองที่พักกับ Traveloka แล้วคุณจะรู้ว่าการวางแผนเดินทางด้วยตัวเองน่ะ ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด!