

กรุงเทพ เมืองหลวงของประเทศไทย ไม่ได้เป็นแค่ศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศ แต่ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงผู้โดยสารจากยุโรปตอนเหนืออย่าง “ออสโล” เมืองหลวงของนอร์เวย์ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ เทือกเขา และสถาปัตยกรรมแบบสแกนดิเนเวียน
ด้วยไฟลท์ตรงที่บินสู่กรุงเทพได้ทุกวัน และสายการบินชั้นนำที่ให้บริการจาก Oslo Gardermoen (OSL) สู่สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) การวางแผนมาเยือนไทยจึงสะดวกกว่าที่เคย ทั้งสายการบินไทย (Thai Airways), Norse Atlantic Airways และทางเลือกอื่น ๆ ที่ต่อเครื่องอย่าง Lufthansa, Finnair หรือ Emirates ก็พร้อมให้บริการตลอดทั้งปี
ระยะเวลาบินเฉลี่ยเพียง 11 ชั่วโมงนิด ๆ และจากสนามบินก็มีระบบขนส่งที่เชื่อมต่อเข้าเมืองได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Airport Rail Link หรือรถแท็กซี่ พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวให้เลือกแบบไม่มีเบื่อ ไม่ว่าจะสายกิน สายวัด สายคาเฟ่ หรือสายธรรมชาติ
สายการบินยอดนิยมตั๋วเครื่องบินออสโลไปกรุงเทพ
สำหรับผู้ที่วางแผนเดินทางจากออสโลมายังกรุงเทพ การเลือกสายการบินเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นสำคัญของการวางแผนทริป ซึ่งเส้นทางนี้มีตัวเลือกที่หลากหลาย ทั้งเที่ยวบินตรงและต่อเครื่อง ตอบโจทย์ทั้งคนที่ต้องการความสะดวกสบาย และคนที่มองหาทางเลือกคุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม
ไฟลท์ บินตรง ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเส้นทางนี้คือ:
Thai Airways – สายการบินประจำชาติของไทย มีไฟลท์ตรงจาก Oslo Gardermoen (OSL) ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) โดยออกจากออสโลช่วงบ่าย และถึงกรุงเทพในตอนเช้า เหมาะกับคนที่ต้องการพักผ่อนเต็มที่บนเครื่อง บริการบนไฟลท์จัดเต็มทั้งอาหารร้อน เสิร์ฟพร้อมรอยยิ้มแบบไทย และมีระบบความบันเทิงตลอดเที่ยวบิน
Norse Atlantic Airways – สายการบินน้องใหม่จากนอร์เวย์ที่เน้นเส้นทางไกลข้ามทวีป ให้บริการเที่ยวบินตรงในบางช่วงของปี เป็นตัวเลือกยอดนิยมของชาวยุโรปที่ต้องการบินตรงในราคาประหยัด
TAP Air Portugal – แม้จะเป็นสายการบินจากโปรตุเกส แต่มีเที่ยวบินร่วมกับพันธมิตรที่ให้บริการเส้นทางนี้บางฤดูกาล
สำหรับผู้ที่เปิดใจต่อการเดินทางแบบ ต่อเครื่อง (1–2 แวะ) ก็จะมีตัวเลือกมากมาย เช่น:
Lufthansa (ต่อที่แฟรงก์เฟิร์ตหรือมิวนิก)
KLM (ต่อที่อัมสเตอร์ดัม)
Finnair (ต่อที่เฮลซิงกิ)
Qatar Airways (ต่อที่โดฮา)
Emirates (ต่อที่ดูไบ)
Etihad Airways (ต่อที่อาบูดาบี)
แต่ละสายการบินก็มีจุดเด่นต่างกัน เช่น เครื่องลำใหม่ อาหารบนเครื่องดีเยี่ยม หรือจำนวนเที่ยวบินยืดหยุ่น ซึ่งขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการของผู้โดยสารในช่วงเวลานั้น
การจองตั๋วเครื่องบินผ่าน Traveloka จะช่วยให้คุณเห็นตัวเลือกสายการบินทั้งหมดในหน้าเดียว พร้อมระบุเวลาบินที่แน่นอน จุดแวะต่อเครื่อง และรีวิวจากผู้ใช้งานจริง ทำให้วางแผนได้ง่ายกว่าที่เคย
เส้นทางจากออสโลไปกรุงเทพมีระยะทางกว่า 8,600 กิโลเมตร ใช้เวลาบินเฉลี่ยค่อนข้างนาน แต่เมื่อเทียบกับเส้นทางระยะไกลอื่น ๆ ก็ถือว่าไม่เหนื่อยเกินไป
เที่ยวบินตรง จะใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง–11 ชั่วโมง 30 นาที
ถือเป็นทางเลือกที่สะดวกและสบายที่สุด โดยเฉพาะถ้าเดินทางกับผู้สูงอายุ เด็ก หรือผู้ที่ไม่อยากเปลี่ยนเครื่องให้ยุ่งยาก
เที่ยวบินแบบต่อเครื่อง (1–2 จุดแวะ) ใช้เวลาตั้งแต่ 13 ชั่วโมง ไปจนถึงกว่า 20 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเวลาต่อเครื่อง และสนามบินที่แวะพัก
บางไฟลท์อาจต่อเครื่องเร็วเพียง 1–2 ชั่วโมง แต่บางไฟลท์อาจต้องรอนานถึง 7–10 ชั่วโมง จึงควรตรวจสอบรายละเอียดก่อนจองเสมอ
ช่วงเวลาบินยอดนิยมจากออสโลมักเป็นเที่ยว ออกตอนบ่ายหรือหัวค่ำ ซึ่งทำให้ถึงกรุงเทพในช่วงเช้ามืดของวันถัดไป ผู้โดยสารสามารถเข้าเช็กอินที่พักได้ทันที หรือเริ่มเที่ยวเบา ๆ หลังลงเครื่องโดยไม่เสียวันเดินทาง
การวางแผนให้ดีจะช่วยให้คุณถึงกรุงเทพแบบไม่เหนื่อยเกินไป และมีเวลาปรับตัวกับอากาศและโซนเวลาต่างกันถึง +6 ชั่วโมงได้อย่างสบาย
เมื่อพูดถึงการบินเข้าประเทศไทย จุดหมายหลักของเส้นทาง “จาก ออสโล ไป กรุงเทพ” มักจะมาลงที่ สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ที่สุดของไทย และอยู่ห่างจากใจกลางกรุงเทพฯ เพียงประมาณ 30 กิโลเมตร
ประเทศไทยมีสนามบินนานาชาติหลายแห่ง แต่ในกรุงเทพจะมีสนามบินหลักอยู่ 2 แห่ง ได้แก่:
สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK)
รองรับไฟลท์ขาเข้า–ออกจากยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง และอเมริกา
มีอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่ แบ่งเป็น Concourse หลายโซน พร้อม Skytrain เชื่อมต่อ
บริการครบครัน ทั้ง duty-free ร้านอาหาร Lounge โรงแรมในสนามบิน และ Airport Rail Link
เป็นสนามบินหลักของสายการบิน full-service เช่น Thai Airways, Emirates, Lufthansa, EVA Air ฯลฯ
สนามบินดอนเมือง (DMK)
รองรับสายการบินโลว์คอสต์ เช่น AirAsia, Scoot, Nok Air
ใช้สำหรับเส้นทางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในประเทศเป็นหลัก
ไม่มีเที่ยวบินตรงจากออสโล แต่สามารถใช้ต่อไปยังจังหวัดอื่น ๆ ได้
สำหรับเที่ยวบินที่มาจากยุโรป เช่น ออสโล จะมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเลือกสนามบินปลายทางให้สับสน
การเดินทางจากออสโลมายังกรุงเทพ แม้จะไม่ใช่เส้นทางที่ยุ่งยากนัก แต่ก็มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อให้ทริปเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสาร ความเข้าใจในกฎการเข้าประเทศ หรือข้อควรระวังระหว่างผ่านด่าน ตม. (ตรวจคนเข้าเมือง)
สิ่งที่ควรเตรียมไว้ ได้แก่:
หนังสือเดินทาง (Passport): ต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับจากวันเดินทางออกจากไทย หากเหลือน้อยกว่านั้นควรต่ออายุล่วงหน้า
วีซ่า: คนสัญชาตินอร์เวย์สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า หากพำนักไม่เกิน 30 วัน (ภายใต้เงื่อนไขการยกเว้นวีซ่า)
ตั๋วขาออก: เจ้าหน้าที่ ตม. ไทย อาจขอดูตั๋วเครื่องบินขาออกจากประเทศไทย เพื่อยืนยันว่าคุณมีแผนเดินทางต่อ ไม่ได้อยู่เกินกำหนด
แบบฟอร์ม ตม. / Arrival Card: ปัจจุบันไม่มีแบบฟอร์ม ตม. สำหรับนักท่องเที่ยวทางอากาศอีกแล้ว แต่ควรเตรียมข้อมูลที่อยู่ที่พักในไทยไว้แสดงต่อเจ้าหน้าที่
ประกันสุขภาพ/การเดินทาง: ไม่ได้บังคับ แต่แนะนำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงโควิดหรือหากมีแผนเที่ยวต่างจังหวัด/กิจกรรมผจญภัย
วัคซีน: ไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานวัคซีน (เว้นแต่ช่วงโรคระบาดเฉพาะหน้า) แต่ควรตรวจสุขภาพทั่วไปก่อนเดินทางไกล
การเตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้า ไม่เพียงช่วยลดความกังวล แต่ยังทำให้ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น และเข้าสู่โหมดพักผ่อนได้ไวทันทีที่ถึงไทย
Oslo Gardermoen Airport (OSL) ถือเป็นสนามบินนานาชาติหลักของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองออสโลประมาณ 47 กิโลเมตร การเดินทางไปสนามบินนี้เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว เพราะนอร์เวย์มีระบบขนส่งสาธารณะที่ตรงเวลาและเชื่อถือได้มาก
ตัวเลือกยอดนิยมในการเดินทางไปสนามบิน ได้แก่:
Flytoget (Airport Express Train):
รถไฟความเร็วสูงที่ออกจาก Oslo Central Station (Oslo S) ทุก 10 นาที ใช้เวลาเพียง 19–22 นาทีไปยังสนามบิน นั่งสบาย มีที่วางกระเป๋า และ Wi-Fi บนรถไฟ
รถบัส Flybussen:
ให้บริการหลายเส้นทางจากตัวเมืองไปสนามบิน เหมาะกับผู้ที่อยู่ในย่านที่ไม่มีสถานีรถไฟใกล้ ๆ ราคาย่อมเยากว่า Flytoget แต่ใช้เวลานานกว่า (ประมาณ 45 นาที)
รถแท็กซี่:
สะดวกถ้ามีกระเป๋าเดินทางเยอะ หรือออกจากจุดที่ไม่มีรถสาธารณะ วิ่งใช้เวลาประมาณ 40–50 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
ขับรถส่วนตัว:
สนามบินมีที่จอดรถระยะสั้นและยาวให้เลือก พร้อม shuttle bus จากลานจอดเข้าสู่อาคารผู้โดยสาร
สนามบินเปิดตลอด 24 ชั่วโมง แนะนำให้ไปถึงสนามบินอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเวลาบิน โดยเฉพาะหากเดินทางไฟลท์ข้ามทวีปหรือโหลดสัมภาระ
เมื่อลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) การเดินทางเข้าสู่กรุงเทพชั้นในสามารถทำได้หลายวิธี โดยแต่ละแบบมีข้อดีต่างกัน ขึ้นอยู่กับงบประมาณ สัมภาระ และจุดหมายปลายทางของคุณ
1. Airport Rail Link
รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสนามบินกับตัวเมือง เปิดให้บริการตั้งแต่ 06:00–24:00 น.
จุดเริ่มต้นคือสถานี Suvarnabhumi Airport → ปลายทางที่ Phaya Thai (เชื่อมต่อ BTS)
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคาไม่แพง เหมาะกับนักเดินทางที่ไม่มีสัมภาระใหญ่
2. แท็กซี่สนามบิน
มีจุดขึ้นแท็กซี่อยู่บริเวณชั้น 1 อาคารผู้โดยสาร
มีระบบคิวอัตโนมัติ ปลอดภัย มีค่าบริการเพิ่มเติมเล็กน้อยจากมิเตอร์
ใช้เวลา 30–60 นาทีขึ้นอยู่กับจราจร (ควรหลีกเลี่ยงช่วงเร่งด่วน)
3. แอปพลิเคชันเรียกรถ
แอปรถเรียกผ่านมือถือที่ได้รับความนิยม
ราคาโปร่งใส สามารถเลือกประเภทของรถได้
เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเดินทางแบบไม่ต้องต่อคิวหรืออยากได้รถขนาดใหญ่
4. รถบัสเข้าเมือง
มีหลายสายผ่านถนนหลักในกรุงเทพ เช่น สยาม สีลม อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เป็นทางเลือกประหยัด แต่จะช้ากว่าแบบอื่น
5. รถเช่าส่วนตัว/บริการรถรับ-ส่งสนามบินล่วงหน้า
เหมาะกับครอบครัว หรือผู้ที่มีสัมภาระเยอะ
สามารถจองผ่าน Traveloka ได้ล่วงหน้า พร้อมคนขับรอรับที่จุดนัดหมาย
ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด ขอแนะนำให้เตรียมที่อยู่ปลายทางเป็นภาษาไทยเพื่อให้สะดวกต่อการสื่อสารกับคนขับ หรือแสดงให้ดูผ่านแผนที่ในมือถือ
ประเทศไทยใช้สกุลเงิน “บาทไทย” (THB) เป็นสกุลเงินหลักในการใช้จ่าย ทั้งในร้านค้า ร้านอาหาร ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ รถโดยสาร และบริการต่าง ๆ ทั่วเมือง
สำหรับนักเดินทางจากออสโลที่ใช้ “โครนนอร์เวย์ (NOK)” แนะนำให้แลกเงินบางส่วนมาเป็นเงินสดไว้ล่วงหน้าสำหรับค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เช่น ค่ารถ ค่าอาหาร หรือค่าน้ำดื่ม
วิธีแลกเงินที่สะดวก:
แลกที่สนามบินออสโล : อัตราแลกอาจไม่คุ้มมาก แต่สะดวกหากต้องการพกเงินสดทันที
แลกที่สนามบินสุวรรณภูมิ : มีร้านแลกเงินหลากหลาย อัตราใกล้เคียงศูนย์กลางเมือง และเปิดให้บริการเกือบตลอด 24 ชั่วโมง
แลกในตัวเมือง : ย่านที่มีอัตราแลกดี เช่น ประตูน้ำ สีลม หรือนานา โดยเฉพาะร้าน Superrich หรือร้านที่ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
ใช้บัตรเดบิต / บัตรเครดิต : ร้านค้าส่วนมากในกรุงเทพรับบัตร โดยเฉพาะห้าง ร้านกาแฟ และโรงแรมขนาดกลาง–ใหญ่
ข้อแนะนำ : ถ้าใช้บัตรที่ออกจากนอร์เวย์ อย่าลืมตรวจสอบค่าธรรมเนียมต่างประเทศ และแจ้งธนาคารล่วงหน้า เพื่อป้องกันการระงับการใช้งานชั่วคราว
กรุงเทพเป็นเมืองที่เที่ยวได้ทั้งปี แต่แต่ละช่วงเวลาก็มีบรรยากาศและกิจกรรมที่ต่างกัน ใครอยากมาสัมผัสเมืองหลวงของไทยแบบดีที่สุด ต้องรู้จังหวะเวลาที่เหมาะกับตัวเองที่สุดก่อน
พฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ (High Season)
อากาศดีที่สุดในรอบปี อุณหภูมิ 23–30°C ไม่ร้อน ไม่ชื้นมาก
เหมาะกับการเดินเที่ยว ถ่ายรูป เล่นกิจกรรมกลางแจ้ง หรือพาคุณพ่อคุณแม่เที่ยว
โรงแรมและตั๋วเครื่องบินจะเต็มไว ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1–2 เดือน
มีนาคม–พฤษภาคม (Hot Season)
เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุดในกรุงเทพ อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 38°C
เหมาะกับคนที่อยากมาสัมผัสเทศกาลสงกรานต์แบบเต็มอารมณ์ (กลางเดือนเมษายน)
แนะนำให้เลือกที่พักติดรถไฟฟ้า และมีกิจกรรมในร่มสำรองไว้บ้าง
มิถุนายน–ตุลาคม (Green / Rainy Season)
ฤดูฝน อากาศชุ่มฉ่ำแต่ไม่ถึงกับตกตลอดวัน
ข้อดีคือคนไม่เยอะ มีโปรโรงแรมและตั๋วราคาพิเศษ
เหมาะกับสายคาเฟ่ สายกิน หรือคนที่มาแบบชิล ๆ ไม่รีบเร่ง
หนึ่งในเสน่ห์ของกรุงเทพคือ “วัฒนธรรมแบบไทยแท้” ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลประจำปี งานเฉลิมฉลองตามวัด หรืองานศิลปะสมัยใหม่ที่จัดในย่านต่าง ๆ ทั่วเมือง
เทศกาลที่คนมาเที่ยวกรุงเทพไม่ควรพลาด ได้แก่:
สงกรานต์ (13–15 เมษายน)
เทศกาลปีใหม่ไทย อากาศร้อนแต่เต็มไปด้วยกิจกรรม ทั้งขบวนแห่ สรงน้ำพระ และปาร์ตี้สาดน้ำทั่วเมือง
จุดยอดนิยม: ถนนข้าวสาร, สีลม, เซ็นทรัลเวิลด์, RCA
ลอยกระทง (พฤศจิกายน)
งานวัฒนธรรมกลางคืนที่ชวนให้ทุกคนปล่อยกระทงลงแม่น้ำ เพื่อขอขมาแม่คงคา
บรรยากาศโรแมนติก เหมาะกับคู่รักหรือคนที่ชอบถ่ายรูปสวย ๆ
สถานที่แนะนำ: สวนสันติชัยปราการ, สะพานพระราม 8, สวนหลวง ร.9
เทศกาลอาหารและศิลปะเมือง
ตลอดปีจะมีงานคราฟต์ งาน Street Food หรืองานดนตรีจัดอยู่เสมอ โดยเฉพาะแถวเจริญกรุง, ตลาดนัดรถไฟ หรืออารีย์
ใครชอบความครีเอทีฟไม่ควรพลาด
เทศกาลในกรุงเทพไม่เพียงแต่สะท้อนวัฒนธรรมไทย แต่ยังทำให้การเที่ยวมีสีสันกว่าการแค่ “เดินดูวัด” หรือ “ไปห้าง” และนี่คือสิ่งที่หลายคนติดใจจนอยากกลับมาอีกครั้ง
กรุงเทพไม่ได้มีแค่ตึกสูงกับรถติดอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เต็มไปด้วย “แลนด์มาร์กเด็ด” ที่รวมทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปะ สถาปัตยกรรม และไลฟ์สไตล์แบบไทย ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ถ้าได้มาเที่ยวทั้งที ต้องไม่พลาดสถานที่เหล่านี้:
พระบรมมหาราชวัง และวัดพระแก้ว
จุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์อันดับ 1 ของกรุงเทพ ตัวพระราชวังงดงามด้วยสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย ส่วนวัดพระแก้วเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย
วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง)
วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดดเด่นด้วยพระปรางค์สูงใหญ่ที่มักเป็นฉากหลังในโปสต์การ์ด
ICONSIAM
ห้างสุดหรูติดแม่น้ำ ที่รวมร้านค้าไทย–อินเตอร์ คาเฟ่สวย พิพิธภัณฑ์ศิลป์ และการแสดงน้ำพุดนตรียามค่ำคืน
จตุจักร
ตลาดนัดวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีตั้งแต่เสื้อผ้า ต้นไม้ ของแต่งบ้าน ไปจนถึงสัตว์เลี้ยงและอาหารแปลกตา
ถนนเยาวราช (ไชน่าทาวน์)
สวรรค์ของสายกิน ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่ เป็ดย่าง หมูแดง ขนมหวาน หรือคาเฟ่ที่ซ่อนอยู่ตามซอกซอย
การ ที่เที่ยวกรุงเทพ ให้คุ้ม คือการผสมผสานระหว่าง “เช็กอินแลนด์มาร์กหลัก” และ “เก็บประสบการณ์ใหม่ ๆ” ที่หาไม่ได้จากเมืองไหนในโลก
ถ้าคุณไม่ชอบความพลุกพล่านของแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง กรุงเทพก็ยังมี “มุมลับ” ที่ซ่อนความสงบ ความเท่ และความน่าสนใจไว้อย่างลงตัว
ป่าในกรุง
พื้นที่สีเขียวใจกลางกรุงเทพของ ปตท. ที่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาเดินเล่นท่ามกลางป่าจำลอง พร้อมสะพานไม้ลอยฟ้าและบึงน้ำธรรมชาติ
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
วัดหลวงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังรู้จักไม่มาก แต่มีความงดงามของลวดลายกระเบื้องจากยุโรป ผสมผสานกับศิลปะไทยอย่างประณีต
ถนนนานา ย่านเยาวราช
ไม่ใช่นานาอโศก! แต่คือนานาในไชน่าทาวน์ที่มีคาเฟ่เท่ ๆ และบาร์ลับอยู่ตามชั้นสองของตึกแถวเก่า ใครชอบถ่ายรูปห้ามพลาด
ชุมชนคลองบางหลวง
ย่านเก่าริมน้ำที่ยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิม มีบ้านไม้ ศิลปินวาดภาพสด และร้านกาแฟบรรยากาศดีริมคลอง
หอศิลป์ร่วมสมัย (BACC)
พื้นที่จัดนิทรรศการศิลปะฟรีใจกลางเมือง เดินทางง่ายด้วย BTS สนามกีฬาแห่งชาติ
มุมลับของกรุงเทพคือสิ่งที่ทำให้ใคร ๆ ที่เคยมาซ้ำแล้วซ้ำอีกยังค้นพบความแปลกใหม่ได้เสมอ และถ้าคุณลองแวะไปดูสักแห่ง รับรองว่าจะประทับใจไม่แพ้จุดดัง ๆ แน่นอน
โรงแรมกรุงเทพ มีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไปจนถึงโฮสเทลคูล ๆ สำหรับสายแบ็กแพ็กเกอร์ โดยแต่ละย่านก็มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันไป ใครอยากพักแบบไหนก็เลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ได้เลย
สุขุมวิท (BTS Asoke, Nana, Phrom Phong):
โซนยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีโรงแรมเยอะ เดินทางสะดวก ติดห้าง ร้านอาหาร และไนต์ไลฟ์ ใครชอบความทันสมัยเลือกโซนนี้ไม่ผิด
เยาวราช – หัวลำโพง:
สำหรับสายกิน สายวินเทจ ที่ชอบวัฒนธรรมจีน–ไทยผสมกัน หาที่พักแนวบูทีคได้ง่าย ราคาไม่แพง และเดินเล่นสนุกทุกซอกซอย
สาทร – สีลม:
เหมาะกับนักธุรกิจ หรือคนที่อยากอยู่ใกล้ใจกลางเมืองแบบเงียบสงบ มีโรงแรมระดับกลาง–สูงให้เลือกเยอะ
ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (Charoenkrung – Khlong San):
วิวสวย เหมาะกับคนที่ต้องการพักผ่อนจริง ๆ มีที่พักระดับหรูและโรงแรมวิวเจ้าพระยาให้เลือก
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – ราชเทวี:
เดินทางไปไหนก็สะดวก เป็นศูนย์กลางของรถเมล์และ BTS ราคาที่พักไม่แพง และอยู่ใกล้จุดต่อรถไปต่างจังหวัดด้วย
แม้กรุงเทพจะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศผ่อนคลายและเป็นมิตร แต่การเข้าใจมารยาทและกฎพื้นฐานบางประการก็จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด และเป็นการให้เกียรติวัฒนธรรมท้องถิ่น
สิ่งที่ควรรู้และปฏิบัติ:
การแต่งกายเข้าวัด:
ควรแต่งกายสุภาพ หลีกเลี่ยงเสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น เสื้อโชว์ไหล่ หรือรัดรูปเกินไป โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าวัดสำคัญ เช่น วัดพระแก้ว วัดอรุณ
หากไม่ได้เตรียมตัวมา บางวัดมีผ้าถุงหรือผ้าคลุมให้ยืมชั่วคราว
ห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะบางจุด:
เช่น ป้ายรถเมล์ สถานีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า สนามบิน ฯลฯ โดยเฉพาะเขตปลอดบุหรี่ที่มีป้ายแจ้งชัดเจน ฝ่าฝืนอาจโดนปรับ
ห้ามทิ้งขยะในที่สาธารณะ:
มีโทษปรับชัดเจน โดยเฉพาะในเขตเมือง เช่น สยาม สีลม หรืออนุสาวรีย์ฯ
ควรถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้านหรือบางร้านค้า:
หากเห็นชั้นวางรองเท้าหน้าร้าน หรือผู้อื่นถอดรองเท้าไว้ แสดงว่าต้องถอดก่อนเข้า
ห้ามปีนป่ายโบราณสถาน:
บางคนอาจเผลอขึ้นไปถ่ายรูปสวย ๆ บนเจดีย์หรือวัตถุโบราณ ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมาย ยังไม่เคารพสถานที่ด้วย
กรุงเทพอาจดูทันสมัยและเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายชาติ แต่คนไทยให้ความสำคัญกับเรื่อง “มารยาท” และ “การวางตัว” มาก หากเราเคารพพื้นที่ของเขา เขาก็จะยิ่งให้เกียรติและช่วยเหลือเราอย่างอบอุ่นแน่นอน
กรุงเทพมีระบบขนส่งหลากหลายที่ใช้งานง่าย และมีแอปให้เรียกใช้ได้สะดวก ไม่ว่าคุณจะมาจากยุโรปหรือเดินทางต่างจังหวัดมาก่อน ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้การเดินทางในเมืองใหญ่แห่งนี้ไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป
1. BTS / MRT (รถไฟฟ้าในกรุงเทพ):
BTS (รถไฟฟ้าบีทีเอส): ครอบคลุมแนวสุขุมวิทและสีลม สะดวกสุดสำหรับการเดินทางในเมือง
MRT (รถไฟฟ้าใต้ดิน): ครอบคลุมโซนรัชดาฯ–ลาดพร้าว และบางส่วนของฝั่งธนบุรี
เปิดบริการเวลา 05:30–เที่ยงคืน ค่าโดยสารเริ่มต้น 16 บาท มีตั๋วรายเที่ยวและบัตรเติมเงิน
2. แอปรถเรียกยอดนิยม:
Grab: แอปที่ชาวต่างชาติและคนไทยใช้เยอะที่สุด เรียกรถได้ทุกขนาด จ่ายผ่านแอปหรือเงินสด
Bolt / inDrive: คู่แข่งที่มักมีราคาถูกกว่า แต่บริการอาจยังไม่ครอบคลุมเท่า Grab ในบางพื้นที่
LINE MAN Taxi: ใช้เรียกแท็กซี่ในเครือของไทย ไม่ต้องต่อรองราคา มี GPS คำนวณค่าเดินทาง
3. รถเมล์และรถสองแถว:
ระบบขนส่งพื้นฐานที่ใช้กันมานานในกรุงเทพ แม้จะราคาถูก (เริ่มต้น 8 บาท) แต่ไม่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นเส้นทาง
แนะนำให้โหลดแอป “ViaBus” เพื่อดูสายรถเมล์แบบเรียลไทม์
4. เรือด่วนเจ้าพระยา:
การเดินทางทางน้ำที่ได้ทั้งประหยัด และชมวิวแม่น้ำ
วิ่งจากนนทบุรี–สาทร ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดอรุณ ท่ามหาราช ฯลฯ
ข้อควรระวัง:
อย่าเรียกแท็กซี่ที่ไม่กดมิเตอร์ หรือมีพฤติกรรมหลอกลวง
ควรเลือกแอปที่สามารถติดตามพิกัดและมีระบบรีวิว เพื่อความปลอดภัย
เวลาพีค (7:00–9:00 และ 17:00–20:00) การจราจรอาจติดหนัก ควรเผื่อเวลาเดินทาง
อยากบินยาวข้ามโลกจากออสโลมาถึงกรุงเทพแบบ “ประหยัดแต่ไม่ลำบาก” ต้องมีเทคนิคค่ะ การจองตั๋วเครื่องบินให้คุ้มค่านั้นไม่ใช่แค่เรื่องโชค แต่เป็นเรื่องของ “จังหวะ” และ “กลยุทธ์”
1. จองล่วงหน้าให้ไว
ตั๋วเครื่องบินระยะไกลควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2–3 เดือน โดยเฉพาะถ้าเดินทางช่วงไฮซีซัน
อย่ารอใกล้วันเดินทาง เพราะราคาจะดีดขึ้นสูงแบบคาดไม่ถึง
2. เลือกเดินทางช่วงกลางสัปดาห์
วันอังคาร–พฤหัสบดีมักเป็นวันราคาถูกที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงที่มีคนเดินทางน้อย
หลีกเลี่ยงเดินทางวันศุกร์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะราคาสูงและเที่ยวบินอาจแน่น
3. เปิดการแจ้งเตือนโปรโมชั่นใน Traveloka
แอป Traveloka มีระบบแจ้งเตือนราคาพิเศษที่สามารถตั้งเงื่อนไขได้ เช่น ช่วงเวลาเดินทาง สายการบิน หรือราคาต่ำสุด
บางช่วงมีโค้ดส่วนลดเพิ่มเติมหรือดีลพิเศษเฉพาะสมาชิก
4. อย่ามองแค่ไฟลท์ตรงอย่างเดียว
บางครั้งการต่อเครื่องเพียง 1 จุด อาจได้ราคาถูกกว่าหลายพันบาท
หากมีเวลาและไม่รีบมาก ลองเช็คไฟลท์ที่มี stopover ในเมืองที่น่าสนใจ เช่น เฮลซิงกิ, อัมสเตอร์ดัม, โดฮา ก็เป็นการพักระหว่างทางแบบฟรี ๆ
5. เปรียบเทียบตัวเลือกทั้งหมดในหน้าเดียวบน Traveloka
ใช้ฟีเจอร์การจัดเรียงตาม “ราคาถูกที่สุด” “เวลาเดินทางสั้นที่สุด” หรือ “สายการบินโปรด” เพื่อดูตัวเลือกที่ตรงใจ
ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ประหยัดเวลา และได้ไฟลท์ที่คุ้มค่าที่สุดในไม่กี่คลิก
ก่อนเดินทางจากออสโลมายังกรุงเทพ หลายคนอาจมีคำถามคาใจที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสาร ความสะดวก หรือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นเมื่อได้รับคำตอบ ลองดูสรุป 5 คำถามยอดฮิตที่เรารวบรวมมาไว้ให้ตรงนี้:
1. ต้องใช้วีซ่าไหมถ้าจะมาเที่ยวกรุงเทพจากออสโล?
– ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าล่วงหน้าสำหรับชาวนอร์เวย์ หากพำนักไม่เกิน 30 วันภายใต้เงื่อนไขการยกเว้นวีซ่า สามารถเข้าประเทศได้ทันทีผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (Immigration)
2. มีเที่ยวบินตรงจากออสโลไปกรุงเทพทุกวันไหม?
– มีเที่ยวบินตรงให้บริการหลายวันต่อสัปดาห์ โดย Thai Airways และสายการบินอื่น ๆ เช่น Norse Atlantic Airways และ TAP Air Portugal (ในบางช่วงของปี) รวมถึงตัวเลือกแบบต่อเครื่องที่มีให้เลือกตลอดวัน
3. สนามบินไหนในกรุงเทพที่ใช้ลงจากไฟลท์ออสโล?
– ไฟลท์จากออสโลจะลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) ซึ่งเป็นสนามบินหลักของกรุงเทพฯ และเป็นจุดศูนย์กลางการบินระหว่างประเทศของไทย
4. สามารถใช้เงินยูโรหรือโครนนอร์เวย์ในกรุงเทพได้ไหม?
– ไม่ได้ค่ะ ร้านค้าส่วนใหญ่รับเฉพาะเงินบาท แนะนำให้แลกเงินก่อนเดินทาง หรือใช้บัตรเดบิต/เครดิตที่มีระบบรองรับค่าเงินต่างประเทศ
5. เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเข้ากรุงเทพได้อย่างไร?
– มีหลายวิธี เช่น Airport Rail Link, แท็กซี่, Grab, รถบัส หรือรถเช่าพร้อมคนขับ ขึ้นอยู่กับงบและความสะดวกของแต่ละคน
คำถามเหล่านี้คือพื้นฐานที่นักเดินทางควรรู้ แต่หากยังมีคำถามอื่น ๆ เพิ่มเติม Traveloka ก็มีฝ่ายบริการลูกค้าคอยซัพพอร์ตตลอดเวลา ให้คุณจองได้มั่นใจและไม่ทิ้งคุณกลางทางแน่นอน
การวางแผนเดินทางข้ามทวีป ไม่ใช่แค่เลือกไฟลท์ถูกที่สุดแล้วจบ แต่ต้องมีระบบที่ “เข้าใจผู้เดินทาง” อย่างแท้จริง และนั่นคือเหตุผลที่ Traveloka เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมของคนไทยและนักเดินทางทั่วอาเซียน
Traveloka ไม่ได้แค่รวมเที่ยวบินไว้ให้เลือกเยอะที่สุด แต่ยังมาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะที่ช่วยให้คุณจองตั๋วได้ง่าย สะดวก และคุ้มค่าที่สุดในไม่กี่คลิก เช่น:
ระบบเปรียบเทียบราคาอย่างโปร่งใส
ตัวกรองสายการบิน เวลาบิน และจุดต่อเครื่องที่ยืดหยุ่นสุด ๆ
แจ้งเตือนโปรโมชั่นแบบเรียลไทม์
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงประกอบการตัดสินใจ
ระบบชำระเงินหลากหลาย รองรับบัตรต่างประเทศ และออกใบเสร็จครบถ้วน
แอปที่ใช้งานง่าย ทั้ง iOS และ Android
นอกจากนี้ Traveloka ยังไม่ใช่แค่แอปจองตั๋วเครื่องบิน แต่เป็นตัวช่วยวางแผนทริปครบวงจร ที่คุณสามารถ จองโรงแรม , บัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว, รถรับ-ส่งสนามบิน หรือแม้แต่ประกันการเดินทางได้ในที่เดียว เลือกดูตั๋วเครื่องบินไปออสโล ตั๋วเครื่งบินไปกรุงเทพจากที่สนามบินอื่นๆได้เลย!
เพื่อให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น ผู้เดินทางสามารถวางแผนทั้งทริปได้ในที่เดียว ตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ซื้อบัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว หรือบริการรับ‑ส่งสนามบิน ผ่าน Traveloka แพลตฟอร์มท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ระยะเวลาการบิน | 11 ชั่วโมง 0 นาที |
สนามบินใน ออสโล | |
สนามบินใน กรุงเทพ |
จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka ง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปที่เว็บไซต์หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Traveloka จากนั้นเลือก "จองตั๋วเครื่องบิน" แล้วเลือกเที่ยวบินที่คุณต้องการ ระบุวันเดินทาง และสายการบินได้เลย คลิกที่นี่ เพื่ออ่านรายละเอียดการจองเพิ่มเติม
การเช็กอินออนไลน์จะให้ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาไปทำการต่อแถวเช็กอินที่สนามบินมากมายนัก ซึ่งคุณสามารถทำการเช็กอินออนไลน์ได้ผ่านทั้งแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ Traveloka โดยสามารถทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้ได้เลย
ล็อกอินเข้าสู้ระบบ
ไปที่หน้า การจองของฉัน หรือ เช็คอินออนไลน์ ในหน้าแรก และเปิดตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ และกด เช็คอินออนไลน์ เพื่อดำเนินการเช็คอินออนไลน์
กรอกรายระเอียดเช็คอินออนไลน์ เมื่อยอมรับนโยบายการเช็คอินออนไลน์แล้ว กรอกรายละเอียดเช็คอินของคุณ และกด เช็คอิน เพื่อยืนยันการเช็คอินออนไลน์ของคุณ
รับการยืนยันการเช็คอินออนไลน์ เมื่อเช็คอินออนไลน์เรียบร้อยแล้ว คุณจะสามารถดูบัตรโดยสารขึ้นเครื่องได้ผ่านตั๋วอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์ของคุณ
รับบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง คุณสามารถ เปิดดู ดาวน์โหลด หรือส่ง บัตรโดยสารขึ้นเครื่องให้ผู้โดยสารคนอื่นในการจองนั้นได้ในหน้าตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ เป็นอันสิ้นสุดการเช็คอินออนไลน์
หลังจากเช็คอินออนไลน์เรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่านตั๋วอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์ของคุณ กรุณาตรวจสอบความถูกต้องของรายละเอียดต่างๆ บนตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ หากไม่ถูกต้อง กรุณาติดต่อสายการบินในทันที



