บริสเบน (Brisbane) เป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ในประเทศออสเตรเลีย มีความสำคัญคือเป็นเมืองหลวงของรัฐควีนแลนด์ นับว่าเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น และเป็นเมืองสำคัญที่สุดของรัฐ ที่สำคัญคือเป็นเมืองที่มีความใหญ่โตเป็นอันดับ 3 ของประเทศออสเตรเลียเลยทีเดียว อาณาเขตของบริสเบน นั้นได้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก และมีแม่น้ำบริสเบนไหลผ่าน สำหรับที่มาของชื่อเมืองบริสเบสนั้น ได้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติแก่ เซอร์โทมัส บริสเบน (Sir Thomas Brisbane) ความโดดเด่นของบริสเบน คือเป็นเมืองที่มีอากาศค่อนข้างอบอุ่น มีที่เที่ยวบริสเบนที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ก็คือ Great Barrier Reef แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดของโลก และอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ถือเป็นแนวปะการังที่มีความสมบูรณ์ และมีระบบนิเวศที่มีความซับซ้อนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเช่นเดียวกัน หากใครที่ชอบความแสงลม และแสงแดด อยากได้เมืองติดชายทะเล ที่มีสภาพอากาศอบอุ่น ไม่ค่อยหนาวมากเท่าไหร่ เหมาะกับการไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ขอเชียร์บริสเบน ให้เก็บไว้เป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องไปกันได้เลย ก่อนที่จะจองตั๋วเครื่องบินไปบริสเบน แนะนำให้ไปทำวีซ่าออสเตรเลียไว้ก่อน เพราะนักท่องเที่ยวไทยจะเดินทางไปเที่ยวบริสเบน นั้นจำเป็นต้องใช้วีซ่า
ใครชอบเที่ยวเมืองติดทะเล หรือว่าชอบเล่นเซิร์ฟ เป็นอันว่าต้องหลงรักเมืองบริสเบนอย่างแน่นอน เพราะความโดดเด่นของบริสเบน ก็คือเหมาะกับการโต้คลื่นเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเหมาะกับการทำกิจกรรมชายหาด หรือว่าจะดำน้ำชมแนวปะการัง ที่โด่งดังติดอันดับโลกก็ได้เช่นกัน คิดดูซิว่า เมืองบริสเบนจะต้องมีแดดออกตลอดเกือบทั้งปีแบบไหน จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่ง Sunshine State รับรองว่าไม่ต้องมีเรื่องฝนตก พายุเข้าอะไรให้กวนใจเลยสำหรับบริสเบนนี้ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมากที่สุดของบริสเบน ก็คงต้องยกให้กับ Gold Coast และ Sunshine Coast อันเป็นแหล่งเที่ยวของนักท่องเที่ยว ต่างก็พุ่งตรงมาที่สองย่านนี้ เมื่อมาเที่ยวที่บริสเบน นอกเหนือจากจุดเด่นของเรื่องที่เที่ยวริมทะเลแล้วนั้น ยังเหมาะกับการช้อปปิ้ง และยังมีสวนสนุก พร้อมกับสวนสัตว์ ที่มีสัตว์ขึ้นชื่อของออสเตรเลียอย่างโคอาล่าให้ดูอีกด้วย
บริสเบน นั้นใช้สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) โดย 1 ดอลลาร์ออสเตรเลีย จะมีค่าเท่ากับ 20.96 บาท (THB) หรืออาจจะขึ้นอยู่ของอัตราการแลกเงินในแต่ละวัน
ถ้าจะบอกว่าภูมิอากาศของเมืองบริสเบน นั้นคล้ายกับของประเทศไทยก็คงไม่ผิด เพราะว่าถูกจัดอยู่ในเขตกึ่งร้อนชื้น (Subtropical and humid) มีความโดดเด่นตรงที่มีแดดออกเกือบจะตลอดทั้งปี อุณหภูมิก็จะไม่ร้อน และไม่เย็นจนเกินไปนัก อุณหภูมิเฉลี่ยของทั้งปีจะอยู่ที่ 16-25 องศาเซสเซียส เฉลี่ยแล้วเมืองบริสเบนจะได้รับแสงแดดประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวันทั้งปี โดยจะมีทั้งหมด 4 ฤดูด้วยกัน คือ
บริสเบน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ภายในรัฐควีนแลนด์ อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงของรัฐควีนแลนด์อีกด้วย ซึ่งภายในรัฐควีนแลนด์จะประกอบไปด้วยเมืองต่างๆ ได้แก่
ที่เมืองบริสเบนมีสนามบินสำคัญอยู่แค่เพียงสนามบินเดียว นั่นก็คือ ท่าอากาศยานบริสเบน (Brisbane Airport) หรือตัวย่อ BNE จะมีเที่ยวบินทั้งนอกประเทศ และในประเทศ ถือว่าเป็นสนามบินหลักของเมืองบริสเบนนี้
หากใครที่อยากจองตั๋วเครื่องบินไปบริสเบน แบบบินตรงจากไทยไปเลย ตอนนี้ก็มีสายการบินที่ให้บริการคือ การบินไทย (Thai Airways) และ ไทยแอร์เอเชีย (Thai AirAsia) โดยจะใช้เวลาบินประมาณ 8-9 ชั่วโมงด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีสายการบินที่จำเป็นจะต้องไปต่อเครื่อง ได้แก่ รอแยลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) มาลินโดแอร์ (Malido Air) เจ็ทสตาร์ (Jetstar) และ ควอนตัส (Qantas) โดยระยะเวลาการบินก็จะขึ้นอยู่กับการต่อเครื่อง
บริสเบน (Brisbane) เป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ในประเทศออสเตรเลีย มีความสำคัญคือเป็นเมืองหลวงของรัฐควีนแลนด์ นับว่าเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น และเป็นเมืองสำคัญที่สุดของรัฐ ที่สำคัญคือเป็นเมืองที่มีความใหญ่โตเป็นอันดับ 3 ของประเทศออสเตรเลียเลยทีเดียว อาณาเขตของบริสเบน นั้นได้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก และมีแม่น้ำบริสเบนไหลผ่าน สำหรับที่มาของชื่อเมืองบริสเบสนั้น ได้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติแก่ เซอร์โทมัส บริสเบน (Sir Thomas Brisbane) ความโดดเด่นของบริสเบน คือเป็นเมืองที่มีอากาศค่อนข้างอบอุ่น มีที่เที่ยวบริสเบนที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ก็คือ Great Barrier Reef แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดของโลก และอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ถือเป็นแนวปะการังที่มีความสมบูรณ์ และมีระบบนิเวศที่มีความซับซ้อนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเช่นเดียวกัน หากใครที่ชอบความแสงลม และแสงแดด อยากได้เมืองติดชายทะเล ที่มีสภาพอากาศอบอุ่น ไม่ค่อยหนาวมากเท่าไหร่ เหมาะกับการไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ขอเชียร์บริสเบน ให้เก็บไว้เป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องไปกันได้เลย ก่อนที่จะจองตั๋วเครื่องบินไปบริสเบน แนะนำให้ไปทำวีซ่าออสเตรเลียไว้ก่อน เพราะนักท่องเที่ยวไทยจะเดินทางไปเที่ยวบริสเบน นั้นจำเป็นต้องใช้วีซ่า
ใครชอบเที่ยวเมืองติดทะเล หรือว่าชอบเล่นเซิร์ฟ เป็นอันว่าต้องหลงรักเมืองบริสเบนอย่างแน่นอน เพราะความโดดเด่นของบริสเบน ก็คือเหมาะกับการโต้คลื่นเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเหมาะกับการทำกิจกรรมชายหาด หรือว่าจะดำน้ำชมแนวปะการัง ที่โด่งดังติดอันดับโลกก็ได้เช่นกัน คิดดูซิว่า เมืองบริสเบนจะต้องมีแดดออกตลอดเกือบทั้งปีแบบไหน จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่ง Sunshine State รับรองว่าไม่ต้องมีเรื่องฝนตก พายุเข้าอะไรให้กวนใจเลยสำหรับบริสเบนนี้ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมากที่สุดของบริสเบน ก็คงต้องยกให้กับ Gold Coast และ Sunshine Coast อันเป็นแหล่งเที่ยวของนักท่องเที่ยว ต่างก็พุ่งตรงมาที่สองย่านนี้ เมื่อมาเที่ยวที่บริสเบน นอกเหนือจากจุดเด่นของเรื่องที่เที่ยวริมทะเลแล้วนั้น ยังเหมาะกับการช้อปปิ้ง และยังมีสวนสนุก พร้อมกับสวนสัตว์ ที่มีสัตว์ขึ้นชื่อของออสเตรเลียอย่างโคอาล่าให้ดูอีกด้วย
บริสเบน นั้นใช้สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) โดย 1 ดอลลาร์ออสเตรเลีย จะมีค่าเท่ากับ 20.96 บาท (THB) หรืออาจจะขึ้นอยู่ของอัตราการแลกเงินในแต่ละวัน
ถ้าจะบอกว่าภูมิอากาศของเมืองบริสเบน นั้นคล้ายกับของประเทศไทยก็คงไม่ผิด เพราะว่าถูกจัดอยู่ในเขตกึ่งร้อนชื้น (Subtropical and humid) มีความโดดเด่นตรงที่มีแดดออกเกือบจะตลอดทั้งปี อุณหภูมิก็จะไม่ร้อน และไม่เย็นจนเกินไปนัก อุณหภูมิเฉลี่ยของทั้งปีจะอยู่ที่ 16-25 องศาเซสเซียส เฉลี่ยแล้วเมืองบริสเบนจะได้รับแสงแดดประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวันทั้งปี โดยจะมีทั้งหมด 4 ฤดูด้วยกัน คือ
บริสเบน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ภายในรัฐควีนแลนด์ อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงของรัฐควีนแลนด์อีกด้วย ซึ่งภายในรัฐควีนแลนด์จะประกอบไปด้วยเมืองต่างๆ ได้แก่
ที่เมืองบริสเบนมีสนามบินสำคัญอยู่แค่เพียงสนามบินเดียว นั่นก็คือ ท่าอากาศยานบริสเบน (Brisbane Airport) หรือตัวย่อ BNE จะมีเที่ยวบินทั้งนอกประเทศ และในประเทศ ถือว่าเป็นสนามบินหลักของเมืองบริสเบนนี้
หากใครที่อยากจองตั๋วเครื่องบินไปบริสเบน แบบบินตรงจากไทยไปเลย ตอนนี้ก็มีสายการบินที่ให้บริการคือ การบินไทย (Thai Airways) และ ไทยแอร์เอเชีย (Thai AirAsia) โดยจะใช้เวลาบินประมาณ 8-9 ชั่วโมงด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีสายการบินที่จำเป็นจะต้องไปต่อเครื่อง ได้แก่ รอแยลบรูไนแอร์ไลน์ (Royal Brunei Airlines) มาลินโดแอร์ (Malido Air) เจ็ทสตาร์ (Jetstar) และ ควอนตัส (Qantas) โดยระยะเวลาการบินก็จะขึ้นอยู่กับการต่อเครื่อง