ตั๋วเครื่องบินไป Manila (MNL)

ทราเวลโลก้าช่วยให้คุณค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกและโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินไปยัง Manila (MNL)

เส้นทาง

สายการบิน

ตารางบิน

ราคาเริ่มต้น

ทาโคลบาน (TAC) → มะนิลา (MNL)
PAL Express
อังคาร, 21 พ.ค. 2024
THB 1,590.59
กัวลาลัมเปอร์ (KUL) → มะนิลา (MNL)
Jetstar Asia Airways
เสาร์, 11 พ.ค. 2024
THB 3,045.38
เมดาน (KNO) → มะนิลา (MNL)
สายการบิน
พฤหัสบดี, 16 พ.ค. 2024
THB 4,698.90
หาดใหญ่ (HDY) → มะนิลา (MNL)
สายการบิน
จันทร์, 29 เม.ย. 2024
THB 5,021.12
บันดาลัมปุง (TKG) → มะนิลา (MNL)
สายการบิน
อาทิตย์, 26 พ.ค. 2024
THB 5,551.72
Yogyakarta (YIA) → มะนิลา (MNL)
สายการบิน
เสาร์, 18 พ.ค. 2024
THB 5,932.94
ลอมบอก (LOP) → มะนิลา (MNL)
สายการบิน
อาทิตย์, 05 พ.ค. 2024
THB 8,039.50
อาบูดาบี (AUH) → มะนิลา (MNL)
สายการบิน
อาทิตย์, 28 เม.ย. 2024
THB 9,856.65
ฮิโรชิม่า (HIJ) → มะนิลา (MNL)
สายการบิน
เสาร์, 27 เม.ย. 2024
THB 18,448.96

โรงแรมยอดนิยมใน Manila

Manila Manor Hotel
Manila Manor Hotel
Go Hotels Ermita
Go Hotels Ermita
Eurotel Pedro Gil
Eurotel Pedro Gil
Red Planet Manila Malate Mabini
Red Planet Manila Malate Mabini
V Hotel Manila
V Hotel Manila
Casa Bocobo Hotel
Casa Bocobo Hotel
แสดงโรงแรมทั้งหมด

กิจกรรมที่น่าสนใจใน Manila

ทัวร์อินทรามูรอสครึ่งวันในกรุงมะนิลา | ฟิลิปปินส์
ทัวร์อินทรามูรอสครึ่งวันในกรุงมะนิลา | ฟิลิปปินส์
THB 2,368.46
Bakebe SM Aura
Bakebe SM Aura
THB 768.48
THB 704.40
Private Transfer Between Metro Manila and Dagupan
Private Transfer Between Metro Manila and Dagupan
THB 5,127.45
THB 4,290.30
กิน เดิน และสำรวจรอบๆ มะนิลา - ทัวร์ร่วมวัน: ตลาด Quiapo, ไชน่าทาวน์ Binondo, ไม้ไผ่อินทรามูรอส | ฟิลิปปินส์
กิน เดิน และสำรวจรอบๆ มะนิลา - ทัวร์ร่วมวัน: ตลาด Quiapo, ไชน่าทาวน์ Binondo, ไม้ไผ่อินทรามูรอส | ฟิลิปปินส์
THB 1,794.61
Wi-Fi แบบพกพา 4G LTE ของฮ่องกง (รับและจัดส่งที่สนามบินในเมโทรมะนิลา) | ฟิลิปปินส์
Wi-Fi แบบพกพา 4G LTE ของฮ่องกง (รับและจัดส่งที่สนามบินในเมโทรมะนิลา) | ฟิลิปปินส์
THB 115.26
Wi-Fi แบบพกพา 4G LTE ของจีน (รับและจัดส่งที่สนามบินในเมโทรมะนิลา) | ฟิลิปปินส์
Wi-Fi แบบพกพา 4G LTE ของจีน (รับและจัดส่งที่สนามบินในเมโทรมะนิลา) | ฟิลิปปินส์
THB 115.26
แสดงกิจกรรมทั้งหมด

ข้อมูลทั่วไปมะนิลา

กรุงมะนิลา (Manila) เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ ณ ปากแม่น้ำปาชิก (Pasig) ชายฝั่งตะวันออกของอ่าวมะนิลา (Manila Bay) บนเกาะลูซอน (Luzon)  ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด และตั้งอยู่ทางเหนือสุดของฟิลิปปินส์ เป็นเมืองหลวงที่มีพื้นที่ขนาดเล็กที่สุด เมื่อเทียบกับพื้นที่เมืองหลวงทุกประเทศในทวีปเอเชีย แต่ก็เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลกด้วยจำนวน 41,515 คนต่อตารางกิโลเมตร เป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรม รวมไปถึงการท่องเที่ยวที่สำคัญของฟิลิปปินส์ ที่นี่ถูกขนานนามว่าเป็นเขตนครหลวงแห่งชาติ (National Capital Region หรือ NCR) เพราะเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างในประเทศ ทั้ง รัฐบาล การค้า และวัฒนธรรม อีกทั้งหน่วยงานของภาครัฐเกือบทั้งหมด และสำนักงานใหญ่ของบริษัทเอกชน อันที่จริงเองมะนิลาก็มีที่เที่ยวเขตเมืองเก่ามากมาย หากใครสนใจจองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลาได้เลย

 

กรุงมะนิลา เดิมชื่อ ไมนีลัด เพราะมีต้นนีลัด ออกดอกสีขาวพราวไปหมด  เจ้าของฉายา  “ไข่มุกแห่งบูรพา” (Pearl of The Orient) โดดเด่นด้วยวัฒนธรรมที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสเปนและอเมริกาในยุคอาณานิคม  300 ปีที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของชาวสเปน มีความผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมทั้งความเป็นตะวันออกและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกัน  ทำให้มะนิลามีความพิเศษทางวัฒนธรรมในด้านจารีต ความเชื่อ และประเพณี เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางด้านสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยราวกับอยู่ในยุโรป เมืองนี้เป็นแหล่งของร้านอาหารและอาหารข้างทางที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย มีไชน่าทาวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และมีสถานที่ท่องเที่ยวชั้นเยี่ยมอีกมากมายให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลาได้เยี่ยมชม  

 

สกุลเงินที่ใช้

สกุลเงินที่ใช้ในเมืองมะนิลา คือเปโซฟิลิปปินส์ (PHP)  โดย 1 เปโซมี 100 เซนตาโว ธนบัตรใบละ 1,000, 500, 200, 100, 50, 20, 10 และ 5 เปโซฟิลิปปินส์ และเหรียญขนาด 10, 5, 2 และ 1 เปโซฟิลิปปินส์ และ 50, 25, 10 และ 5 เซนตาโว

 

ฤดูกาลของเมืองมะนิลา

กรุงมะนิลา ตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร จึงมีลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบกึ่งร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง 24-29 องศาเซลเซียส เนื่องจากมะนิลาอยู่ในเขตมรสุม ทำให้มีสภาพอากาศแปรปรวนและฝนตกหนักอันเนื่องจากพายุและไต้ฝุ่นโดยเฉลี่ยปีละ 18 ครั้ง 

กรุงมะนิลามี 3 ฤดูกาล คือ

  • ฤดูร้อน เริ่มต้นเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม  อากาศร้อนและมีฝุ่นละอองมาก อากาศร้อนที่สุดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 35 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส
  • ฤดูฝน เริ่มต้นเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม  ด้วยอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน ทำให้มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ในช่วงกรกฎาคมถึงตุลาคม มักมีลมพายุหลายลูกก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันออกของเกาะลูซอน  
  • ฤดูหนาว เริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยกลางวันประมาณ 28 องศาเซลเซียส และกลางคืน 17 องศาเซลเซียส โดยหนาวที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม

 

 ภูมิภาคของมะนิลา 

เขตการปกครองของมะนิลา แบ่งออกเป็น มหานครมะนิลา (Metro Manila) อันเป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญทั้ง 15 แห่ง ซึ่งรวมถึงเมืองหลวงมะนิลา ซึ่งมีเขตต่างๆ อยู่ 16 เขต  และมี 897 บารังไกย์ (ตำบล

 

สนามบินสำคัญมะนิลา

ท่าอากาศยานนานาชาตินินอยอากีโน  (Ninoy Aquino International Airport)

หรือเรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินมะนิลา” (Manila Airport) เป็นสนามบินหลักของกรุงมะนิลา (Manila) และของประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines) และเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ในในย่านปาไซ (Pasay) ในเขตตัวเมืองมะนิลาชั้นใน ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร สามารถเดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมืองได้หลายวิธี ได้แก่ รถไฟ รถไฟฟ้า รถบัสสนามบิน รถโดยสารท้องถิ่น รถโดยสารประจำทาง รถแท็กซี่ และ รถเช่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 – 50 นาที ในการเดินทาง แต่เนื่องจากการจราจรให้กรุงมะนิลาค่อนข้างติดขัด การเดินทางด้วยระบบขนส่งยังไม่สะดวกเพียง ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมงในการเดินทาง การเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดคือ รถไฟฟ้า 

*สนามบินอื่นๆ ที่ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ ได้แก่ สนามบินซูบิคเบย์  สนามบินคลาร์กอินเตอร์เนชั่นแนล สนามบินมารินดูเก สนามบินซานโฮเซ และสนามบินนากา  

 

 

การเดินทางไปมะนิลา

การเดินทางในมะนิลา

  • - เครื่องบิน มะนิลามีสนามบินหลักคือ ท่าอากาศยานนานาชาตินินอยอากีโน ซึ่งเป็นประตูสู่ภูมิภาคอื่นๆ ในฟิลิปปินส์ และมีสนามบินคลาร์กอินเตอร์เนชั่นแนล เป็นศูนย์เชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆ ในประเทศ ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำเป็นหลัก โดยมีสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ (Philippine Airlines) เป็นสายการบินประจำชาติ 
  • - รถบัสสนามบิน (Airport Bus) มีบริการรถบัสจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง และไปยังเขตต่างๆ ในตัวเมือง โดยอัตราค่าบริการประมาณ 150 เปโซ ต่อเที่ยว
  • - รถไฟ  เป็นเส้นทางรถไฟสายเดียวของกรุงมะนิลา ที่ให้บริการจากสถานีมะนิลา (Manila) ในเขตนครหลวงมะนิลา ไปยังสถานีคาลัมบา Calamba ในจังหวัดลากูนา (Laguna)  
  • - รถไฟลอยฟ้า (LRTA) มีทั้งหมด 31 สถานี ระยะทางทั้งหมด 31 กิโลเมตร วิ่งผ่านเมืองต่างๆ ในเขตนครหลวงมะนิลา ได้แก่ คาโลโอคัน (Caloocan)  มะนิลา (Manila) มาริกินา (Marikina)  ปาไซ (Pasay) ซานฮวน (San Juan) และ เกซอนซิตี (Quezon City)  
  • - รถไฟใต้ดิน (MRTC) มีทั้งหมด 13 สถานี มีระยะทางทั้งหมด 16.95 กิโลเมตร ผ่านเมืองต่างๆ ในเขตนครหลวงมะนิลาได้แก่ มากาตี (Makati)  แมนดาลูยอง (Mandaluyong) ปาไซ (Pasay) และ เกซอนซิตี (Quezon City)
  • - รถจิ๊ปนีย์ (Jeepney) สองแถวที่ดัดแปลงมาจากรถจี๊ปทหารสหรัฐฯ ที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  ที่เป็นสัญลักษณ์ของชาวมะนิลา บริการรับส่งผู้โดยสารจากสนามบินไปยังตัวเมืองกรุงมะนิลา และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ค่าบริการประมาณ 8-12 เปโซ ต่อเที่ยว
  • - รถแท็กซี่ (Taxi) นักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถแท็กซี่ได้ทุกแห่ง ควรใช้บริการเฉพาะแท็กซี่มิเตอร์เท่านั้น  หรือใช้บริการ Grab Taxi ซึ่งมีแบบเรียกธรรมดาและแบบ Share Taxi ซึ่งจะถูกกว่าราคาปกติเกือบครึ่ง ดาวน์โหลด Grab Taxi หรือ Easy Taxi มาใช้ครับ เรียกผ่านแอ้บ เสียค่าบริการเพิ่ม 40-70
  • - รถเช่า เป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด  
  • - เรือเฟอรี่ บริษัทที่ให้บริการคือ Pasig River Ferry Service ซึ่งมีท่าเรือทั้งหมด 17 ท่า โดยแล่นตั้งแต่ สนามกีฬาพลาซาเม็กซิโก (Plaza Mexico) ในเมืองอินทรามูรอส (Intramuros) จนถึงเมืองปาซิก (Pasig)

  

สถานที่เที่ยวสำคัญในมะนิลา

  1. 1. ป้อมซานติอาโก (Fort Santiago) ป้อมปราการของสเปนที่เก่าแก่ที่สุด อายุกว่า 400 ปี เป็นป้อมปราการด่านแรกที่ป้องกันการโจมตีจากข้าศึกที่เข้ามาทางปากอ่าวมะนิลา ความโดดเด่นของป้อมอยู่บนซุ้มประตูที่มีรูปสลัก “เซนต์เจมส์ผู้พิฆาตแขกมัวร์(Saint James the Moor-slayer) ซึ่งเป็นนักบุญในคริสต์ศาสนาที่ชาวสเปนนับถือกันมาก และช่วยให้กองทัพสเปนชนะแขกมัวร์ด้วย ป้อมแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่กักขังวีรบุรุษแห่งชาติอย่าง “โจเซ ไรซาล” (Jose Rizal)  และยังเป็นที่กักขังเหล่านักรบเสรีภาพ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นบุกยึดฟิลิปปินส์ โดยญี่ปุ่นใช้เป็นที่ตั้งหน่วยทหาร ทำให้ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของกองทัพสหรัฐ ต่อมาได้บูรณะซ่อมแซมเพื่อให้เป็น “ปูชนียสถานแห่งเสรีภาพ” (Shrine of Freedom) แต่เดิมป้อมนี้จะมีกำแพงหนาและยาวล้อมรอบเนินเขาเล็กๆ ชื่อว่าเนินเขามะละกา จนกระทั่งในภายหลังเมืองมะละกาได้ถูกครอบครองโดยอังกฤษ ป้อมได้ถูกทำลายเพื่อป้องกันการอ้างสิทธิ์ครอบครองดินแดนของฮอลันดา เมื่อเซอร์โทมัส สแตมฟอร์ด ราฟเฟิลส์ (Sir Thomas Stamford Raffles) เดินทางมาจากสิงคโปร์ และได้เห็นเหตุการณ์ในขณะกำลังทำลายกำแพงและป้อมปราการ จึงได้ขอยับยั้งการทุบซากของประตูไว้ ผู้คนได้ขนานนามประตูแห่งนี้ว่า  "ประตูไร้กำแพง" ที่สูง 7 เมตร หนา 2.5 เมตร สร้างด้วยก้อนหินศิลาแลงฉาบปูน บริเวณด้านหน้ามีปืนใหญ่ตั้งอยู่รายรอบ มีบริการรถม้าพาชมรอบพื้นที่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลาได้สัมผัสถึงประวัติศาสตร์ในยุคอาณานิคม 
  2. 2. อินทรามูรอส (Intramuros) เมืองโบราณที่เป็นแลนด์มาร์กของกรุงมะนิลา เปรียบเหมือนหัวใจของฟิลิปินส์ เพราะมีประวัติเกี่ยวเนื่องยาวนานหลายร้อยปี ในยุคประเทศตะวันตกล่าอาณานิคม ทุกตารางนิ้วของเมืองมีเรื่องราวมากมายทั้งภัยสงครามหลายยุค และเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรง ซึ่งไม่อาจถูกลืมเลือนไปได้จากประวัติศาสตร์ของชาติและของโลก เมืองอินทรามูรอสตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำปาซิก ในบริเวณอ่าวมะนิลา มีรูปแบบการวางผังเมืองและสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมตะวันออก มีลักษณะเป็นป้อมปราการ และกำแพงที่แต่ละด้านยาว 4 กิโลเมตร โอบล้อมชุมชนและสถานที่สำคัญไว้ภายใน กลายเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 395 ไร่ มีสถานที่สำคัญที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาประวัติศาสตร์ อาทิ “ป้อมซานติเอโก” (Fort Santiago) “โบสถ์ซานอากุสติน” (San Agustin Church) โบสถ์หินอ่อนแบบสถาปัตยกรรมสเปน เป็นมรดกโลก และเป็นสิ่งก่อสร้างแห่งเดียวในอินทรามูรอสที่รอดจากการถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลก “สุสานทหารอเมริกา” (Manila American Cemetery and Memorial) ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 “คาซามะนิลา” (Casa Manila) อาคารบ้านเรือนสถาปัตยกรรมแบบสเปน จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสเปนในอดีต นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแล้ว อินทรามูรอสยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ อย่าง วิทยาลัยซานฮวน เดอ เลตราน (Colegio de San Juan de Letran) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1620 แต่ได้ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลก ทำให้ฟิลิปปินส์สร้างสถานศึกษาแห่งนี้ขึ้นใหม่ในบริเวณเดิม เช่นเดียวกับสถานศึกษาอื่นๆ ที่ได้รับความเสียหายในช่วงเดียวกัน
  3. 3. สวนไรซาล (Rizal Park) สวนไรซาล (Rizal Park) หรือลูเนต้า (Luneta) เพราะพื้นที่มีลักษณะคล้ายรูปพระจันทร์ เป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงมะนิลา ที่ไม่เพียงเป็นจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่น สวนแห่งนี้แล้วยังมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ด้วย สวนไรซาลมีเนื้อที่ครอบคลุม 143 ไร่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่แห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สวนแห่งนี้ถูกสร้างในปี 1913 เพื่อเป็นเกียรติแด่ “โฮเซ่ ไรซาล” (Jose Rizal) ผู้ได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษของชาวฟิลิปปินส์ ผู้นำการต่อต้านระบบอาณานิคมของสเปน ในช่วงปี 1896-1898 อนุสาวรีย์ตั้งโดดเด่นอยู่กลางผืนหญ้าเขียวขจี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ท่านถูกประหารชีวิตในอดีต รูปหล่อทองเหลืองของเขาตั้งอยู่บนฐานหินแกรนิตประมาณ 12 เมตร และยังมีรูปหล่อของชาวพื้นเมืองอยู่บนฐานเดียวกันด้วย ภายในอนุสาวรีย์ยังบรรจุกระดูกของโฮเซ่ ไรซาลไว้ด้วย และมีทหารฟิลิปปินส์เข้าเวรยามรักษาการณ์ตลอดเวลา และในบริเวณเดียวกันมีเสาธง อันแสดงถึงบริเวณที่ฟิลิปปินส์ประกาศอิสรภาพเหนือสหรัฐอเมริกา ในปี 1941 ยิ่งไปกว่านั้นอนุสาวรีย์นี้ยังถือเป็นหลักกิโลเมตรสำหรับนับระยะถนนสายต่างๆ บนเกาะลูซอน  สวนแห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นสถานที่จัดแสดงมินิคอนเสิร์ตกลางแจ้งทุกวันอาทิตย์  มีสวนญี่ปุ่นและสวนจีนให้ชมความสวยงามแฝงปรัชญาและสัมผัสคามสวยสดของกล้วยไม้นานาพันธุ์ที่Orchidariumซึ่งมีดงผีเสื้อที่มีมากมายหลายพันตัวโบยบินละลานตา
  4.  4. อ่าวมะนิลา (Manila Bay) อ่าวมะนิลาอาจไม่ใช่พื้นที่ที่มีทรายสีขาวน้ำใส แต่เป็นชายหาดมีการเอาหินมาทำเป็นกำแพงหินสูงแนวยาว เพื่อป้องกันคลื่นน้ำซัดเซาะฝั่งให้เสียหาย อ่าวแห่งนี้มีอาณาเขตกว้างใหญ่มีพื้นที่ทั้งหมด 2,000 ตารางกิโลเมตร เนื่องจากอ่าวมะนิลามีที่ตั้งอยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่สร้างมานานหลายร้อยปี  ในยุคล่าอาณานิคมเคยใช้เป็นที่จอดทอดสมอของเรือรบของสเปนเมื่อปี 1571 และเคยเป็นสมรภูมิรบในยุทธการอ่าวมะนิลาในปี 1898 ในปัจจุบันได้ปรับปรุงให้ทันสมัย มีการจัดให้เป็นจุดบริการทริปเรือออกเดินทางมากมาย สามารถนั่งเรือล่องชมวิวทิวทัศน์รอบๆ อ่าว มองเห็นความเจริญตึกระฟ้าของเมืองมะนิลา ที่ให้บรรยากาศแปลกตาเหมือนอยู่คนละโลกกับความวุ่นวายในเมืองมะนิลาได้ตลอดวัน และยังมีเรือภัตตาคารอาหารรองรับผู้มาเยี่ยมเยือน ให้เพลิดเพลินกับอาหารฟิลิปปินส์รสเลิศ เคล้าเสียงดนตรีประจำท้องถิ่นขับกล่อมระหว่างล่องเรือชมภูมิประเทศ ท่ามบรรยากาศยามเย็นขณะพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ในขณะแสงสีที่ฝั่งเมืองเริ่มส่องแสงแพรวพราวยามค่ำคืนทาบขอบฟ้าให้ได้เห็นแล้ว ยังมีทางเดินริมอ่าวมะนิลา (Manila Baywalk) ให้เดินชมความงามของอ่าว ใกล้กันนั้นเป็นย่านแอเรอร์มิต้า (Ermita) ที่เต็มไปด้วยโรงแรมระดับสี่ดาวขึ้นไป เดินเล่นไปตามเส้นทาง แวะที่ร้านกาแฟกลางแจ้ง และฟังเสียงขับกล่อมจากนักดนตรีที่อาจมาตั้งเวทีในคืนวันศุกร์และวันเสาร์ และยังมีศูนย์วัฒนธรรมของฟิลิปปินส์ (The Cultural Centre of The Philippines) ที่โดดเด่นเปรียบเหมือนแลนด์มาร์คของอ่าวมะนิลา และยังมีสวนสนุก “สตาร์ซิตี้” (Star City) ไว้รองรับความสนุกของครอบครัวด้วย 
  5. 5. โบสถ์ซานออกุสติน (San Agustin Church) โบสถ์คาทอลิกแห่งแรกที่สร้างขึ้นบนเกาะลูซอน โดยชาวสเปนในช่วงศตวรรษที่ 16 และตั้งชื่อตามนักบุญอะกุสตินแห่งฮิปโป ที่ชาวสเปนนับถือ และยังเป็นหนึ่งในกลุ่มโบสถ์ 4 หลัง ตัวอย่างของศิลปะยุโรปแบบบาโรก ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อ ค.ศ.1993 ตั้งอยู่ ณ อินทรามูรอส เมืองประวัติศาสตร์ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงโบราณภายในกรุงมะนิลา โบสถ์ซานออกุสตินในปัจจุบันเป็นโบสถ์หลังที่ 3 ที่สร้างขึ้นบนซากโบสถ์ 2 หลัง ณ ที่เดิม โดยโบสถ์หลังแรกสร้างจากไม้ไผ่และใบจาก ซึ่งถูกไฟไหม้ และโบสถ์หลังที่ 2 ถูกขึ้นแทนด้วยไม้ แต่ก็ถูกทำลายลงไป โบสถ์หลังที่ 3 จึงถูกสร้างขึ้นด้วยหิน มีโครงสร้างที่แปลกตาจากการออกแบบที่ผ่านการศึกษาวิเคราะห์สภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศของฟิลิปปินส์ ทำให้โบสถ์แห่งนี้นอกจากจะมีความสวยงามอย่างยิ่งด้วยรูปทรงแล้ว ยังโดดเด่นด้วยแสงและเงาที่ผ่านการคำนวณมาอย่างละเอียดได้เป็นที่ชวนตื่นตา โบสถ์ซานออกุสตินนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์และของโลกในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์แห่งหนึ่ง ได้รับการปรับปรุงให้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ซานออกุสติน (San Agustin Museum) ซึ่งภายในมีการจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของโบสถ์ ชีวประวัติของบุคลสำคัญของประเทศฟิลิปปินส์ตั้งแต่เริ่มแรก ตลอดจนประวัติศาสตร์ทางการเมือง และศิลปะทุกแขนง นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนในโครงการด้วยทรงคุณค่าโดดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม ศิลปกรรม ประวัติศาสตร์ สิ่งแวดล้อมหรือชีววิทยา และได้รับความคุ้มครองภายใต้สนธิสัญญาข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ นับเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรและเครื่องสืบทอดวัฒนธรรมร่วมกันของมนุษยชาติ

 

เทศกาลสำคัญมะนิลา

  1. 1. เทศกาลอาติอาติหาน (AtiAtihan) เทศกาลเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงและสีสัน จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม โดยจัดต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 3 วัน 3 คืน เพื่อเป็นการระลึกถึงและแสดงความเคารพต่อชาวพื้นเมือง เอตาส (Aetas) หรือ ชาวอาติ ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในหมู่เกาะของฟิลิปปินส์ และยังเป็นการรำลึกถึงพระเยซูคริสต์ในวัยเด็ก ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการนำศาสนาคริตส์เข้ามาเผยแผ่ในฟิลิปปินส์เป็นครั้งแรก ในวันงานชาวฟิลิปปินส์จะแต่งกายแบบชาวอาติ โดยใช้สีเขียนใบหน้าให้ดำ หรือเขียนเป็นลวดลายต่างๆ แต่งกายด้วยชุดที่ประดับด้วยขนนกสีสันสดใส และเต้นรำไปตามถนนแต่ละสายของกรุงมะนิลา นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลาสามารถเข้าร่วมสนุกได้ ด้วยการแต่งชุดแฟนซีต่างๆ เข้าร่วมขบวนแห่
  2.  2. เทศกาลฉลองพระเยซูดำ  (Black Nazarene Procession) เทศกาลร่วมขบวนแห่พระเยซูดำ ซึ่งถือเป็นเทศกาลที่เก่าแก่ของชาวฟิลิปปินส์ และเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก จัดขึ้นในวันที่  9  มกราคมของทุกปี  ที่สนามกีฬาตรงข้ามสวนสาธารณะรีซัลปาร์ค  (Rizal Park) ในเมืองเกียโป (Quiapo) ซึ่งเป็นเมืองเก่าของกรุงมะนิลา พระเยซูดำ (Black Nazarene) ทำมาจากไม้แกะสลักขนาดเท่าคนจริง และส่งตรงมาจากประเทศเม็กซิโกเมื่อสมัยศตวรรษที่ 17 แต่เรือที่ใช้ขนส่งนั้นเกิดไฟไหม้ จึงทำให้รูปแกะสลักของพระเยซูเปลี่ยนเป็นสีดำ แต่ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ชาวฟิลิปปินส์จึงเชื่อว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของพระองค์  ก่อนวันเฉลิมฉลอง ชาวฟิลิปปินส์ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกจะมาร่วมพิธีมิซาที่โบสถ์เกียโป ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระเยซูดำ และหลังจากที่พิธีมิซาสิ้นสุดลง ขบวนแห่จะเริ่มแห่ไปตามจุดต่างๆ รอบเมือง โดยมีผู้ศรัทธาพยายามเข้าไปให้ถึงพระรูปพระเยซูดำ เพื่อนำผ้าไปสัมผัสกับพระรูปเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต จองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานได้ในเดือนมกราคมของทุกปี
  3. 3. เทศกาลภาพยนตร์อิสระ  (Cinemalaya) เทศกาลภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ จัดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 12-17 กรกฎาคม 2005 จุดมุ่งหมายเพื่อค้นหาผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ไฟแรงพรสวรรค์เยี่ยม ทุกปีผู้กำกับฯ หน้าใหม่ 10 คน จะได้รับทุน 500,000 เปโซ หรือประมาณ 300,000 บาท เพื่อผลิตภาพยนตร์ยาว 10 เรื่อง และประกวดในสายพันธุ์ใหม่ (New Breed) ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเทศกาลภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในฟิลิปปินส์ เพื่อส่งเสริมภาพยนตร์อิสระของฟิลิปปินส์ทั้งในและต่างประเทศ ภายในงานจะเป็นการฉายผลงานที่ได้รับการคัดเลือก และได้รับรางวัล Balanghai อันทรงเกียรติ โดยสถานที่ฉายหลักคือศูนย์วัฒนธรรมแห่งฟิลิปปินส์ (The Cultural Centre of The Philippines) ในกรุงมะนิลา ในแต่ละปียังมีภาพยนตร์ที่ได้รับทุนให้ผลิต และประกวดในสายผู้กำกับฯ (Director’s  Showcase) ปีละ 5 เรื่อง นอกจากนี้ยังมีการประกวดภาพยนตร์สั้นและสารคดี เพื่อเป็นพื้นที่ให้คนทำหนังสารคดีหน้าใหม่ได้มีโอกาสแสดงโชว์ฝีมือเช่นกัน จองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลาเพื่อร่วมเทศกาลได้ในเดือนกรกฎาคม

  

เคล็ดลับการเดินทางไปมะนิลา

  • - เวลาของกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง และไม่มีการปรับเวลาตามฤดูกาล
  • - ควรจะพกเอกสารประจำตัวต่างๆ ไว้กับตัวตลอดระยะเวลาที่ท่องเที่ยวอยู่ในกรุงมะนิลา โดยเก็บไว้ในกระเป๋าคาดเอวหรือสะพายด้านหน้า ควรจะถ่ายสำเนาเก็บเอาไว้ในกระเป๋าใหญ่อย่างน้อย 2 ชุด
  • - การนำยาประจำตัวใดๆ ติดตัวไปด้วยต้องได้รับอนุญาตจากทางราชการประเทศฟิลิปปินส์ก่อน
  • - นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังมะนิลาได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และอยู่ยาวได้ถึง 30 วัน
  • - อย่าพลาดชิม อโดโบ (Adobo) คืออาหารประจำชาติฟิลิปปินส์ เนื้อหมูหรือเนื้อไก่หมักน้ำส้มสายชูและเครื่องเทศ แล้วนำไปอบหรือทอด ทานกับข้าวสวยร้อนๆ
  • - ขนมหวานประจำชาติมีชื่อ ฮาโลฮาโล (Halo Halo) น้ำแข็งบดเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล วุ้นมะพร้าว ราดด้วยนมสด คล้ายรวมมิตรของไทย
  • - แหล่งบันเทิงยามราตรีชื่อดัง พุ่งตรงไปที่ย่านกาลายาน (Kalayann Street) ที่รวมถนนข้าวสาร ซอยคาวบอยและพัทยาวอล์กกิ้งสตรีทไว้ในที่เดียว
  • - หากใช้บริการ Grab Taxi ไปยังสนามบิน เพื่อบินกลับไทย อย่าลืมปักหมุดที่เทอร์มินัลหมายเลข 3 เท่านั้น เพราะสายการบินแห่งชาติลงที่นั่น ส่วนเทอร์มินัล 1 ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินในประเทศเท่านั้น 

กรุงมะนิลา (Manila) เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ ณ ปากแม่น้ำปาชิก (Pasig) ชายฝั่งตะวันออกของอ่าวมะนิลา (Manila Bay) บนเกาะลูซอน (Luzon)  ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด และตั้งอยู่ทางเหนือสุดของฟิลิปปินส์ เป็นเมืองหลวงที่มีพื้นที่ขนาดเล็กที่สุด เมื่อเทียบกับพื้นที่เมืองหลวงทุกประเทศในทวีปเอเชีย แต่ก็เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลกด้วยจำนวน 41,515 คนต่อตารางกิโลเมตร เป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรม รวมไปถึงการท่องเที่ยวที่สำคัญของฟิลิปปินส์ ที่นี่ถูกขนานนามว่าเป็นเขตนครหลวงแห่งชาติ (National Capital Region หรือ NCR) เพราะเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างในประเทศ ทั้ง รัฐบาล การค้า และวัฒนธรรม อีกทั้งหน่วยงานของภาครัฐเกือบทั้งหมด และสำนักงานใหญ่ของบริษัทเอกชน อันที่จริงเองมะนิลาก็มีที่เที่ยวเขตเมืองเก่ามากมาย หากใครสนใจจองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลาได้เลย

 

กรุงมะนิลา เดิมชื่อ ไมนีลัด เพราะมีต้นนีลัด ออกดอกสีขาวพราวไปหมด  เจ้าของฉายา  “ไข่มุกแห่งบูรพา” (Pearl of The Orient) โดดเด่นด้วยวัฒนธรรมที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสเปนและอเมริกาในยุคอาณานิคม  300 ปีที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของชาวสเปน มีความผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมทั้งความเป็นตะวันออกและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกัน  ทำให้มะนิลามีความพิเศษทางวัฒนธรรมในด้านจารีต ความเชื่อ และประเพณี เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางด้านสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยราวกับอยู่ในยุโรป เมืองนี้เป็นแหล่งของร้านอาหารและอาหารข้างทางที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย มีไชน่าทาวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และมีสถานที่ท่องเที่ยวชั้นเยี่ยมอีกมากมายให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลาได้เยี่ยมชม  

 

สกุลเงินที่ใช้

สกุลเงินที่ใช้ในเมืองมะนิลา คือเปโซฟิลิปปินส์ (PHP)  โดย 1 เปโซมี 100 เซนตาโว ธนบัตรใบละ 1,000, 500, 200, 100, 50, 20, 10 และ 5 เปโซฟิลิปปินส์ และเหรียญขนาด 10, 5, 2 และ 1 เปโซฟิลิปปินส์ และ 50, 25, 10 และ 5 เซนตาโว

 

ฤดูกาลของเมืองมะนิลา

กรุงมะนิลา ตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร จึงมีลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบกึ่งร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง 24-29 องศาเซลเซียส เนื่องจากมะนิลาอยู่ในเขตมรสุม ทำให้มีสภาพอากาศแปรปรวนและฝนตกหนักอันเนื่องจากพายุและไต้ฝุ่นโดยเฉลี่ยปีละ 18 ครั้ง 

กรุงมะนิลามี 3 ฤดูกาล คือ

  • ฤดูร้อน เริ่มต้นเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม  อากาศร้อนและมีฝุ่นละอองมาก อากาศร้อนที่สุดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 35 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส
  • ฤดูฝน เริ่มต้นเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม  ด้วยอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน ทำให้มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ในช่วงกรกฎาคมถึงตุลาคม มักมีลมพายุหลายลูกก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันออกของเกาะลูซอน  
  • ฤดูหนาว เริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยกลางวันประมาณ 28 องศาเซลเซียส และกลางคืน 17 องศาเซลเซียส โดยหนาวที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม

 

 ภูมิภาคของมะนิลา 

เขตการปกครองของมะนิลา แบ่งออกเป็น มหานครมะนิลา (Metro Manila) อันเป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญทั้ง 15 แห่ง ซึ่งรวมถึงเมืองหลวงมะนิลา ซึ่งมีเขตต่างๆ อยู่ 16 เขต  และมี 897 บารังไกย์ (ตำบล

 

สนามบินสำคัญมะนิลา

ท่าอากาศยานนานาชาตินินอยอากีโน  (Ninoy Aquino International Airport)

หรือเรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินมะนิลา” (Manila Airport) เป็นสนามบินหลักของกรุงมะนิลา (Manila) และของประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines) และเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ในในย่านปาไซ (Pasay) ในเขตตัวเมืองมะนิลาชั้นใน ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 7 กิโลเมตร สามารถเดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมืองได้หลายวิธี ได้แก่ รถไฟ รถไฟฟ้า รถบัสสนามบิน รถโดยสารท้องถิ่น รถโดยสารประจำทาง รถแท็กซี่ และ รถเช่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 – 50 นาที ในการเดินทาง แต่เนื่องจากการจราจรให้กรุงมะนิลาค่อนข้างติดขัด การเดินทางด้วยระบบขนส่งยังไม่สะดวกเพียง ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมงในการเดินทาง การเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดคือ รถไฟฟ้า 

*สนามบินอื่นๆ ที่ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ ได้แก่ สนามบินซูบิคเบย์  สนามบินคลาร์กอินเตอร์เนชั่นแนล สนามบินมารินดูเก สนามบินซานโฮเซ และสนามบินนากา  

 

 

การเดินทางไปมะนิลา

การเดินทางในมะนิลา

  • - เครื่องบิน มะนิลามีสนามบินหลักคือ ท่าอากาศยานนานาชาตินินอยอากีโน ซึ่งเป็นประตูสู่ภูมิภาคอื่นๆ ในฟิลิปปินส์ และมีสนามบินคลาร์กอินเตอร์เนชั่นแนล เป็นศูนย์เชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆ ในประเทศ ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำเป็นหลัก โดยมีสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ (Philippine Airlines) เป็นสายการบินประจำชาติ 
  • - รถบัสสนามบิน (Airport Bus) มีบริการรถบัสจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง และไปยังเขตต่างๆ ในตัวเมือง โดยอัตราค่าบริการประมาณ 150 เปโซ ต่อเที่ยว
  • - รถไฟ  เป็นเส้นทางรถไฟสายเดียวของกรุงมะนิลา ที่ให้บริการจากสถานีมะนิลา (Manila) ในเขตนครหลวงมะนิลา ไปยังสถานีคาลัมบา Calamba ในจังหวัดลากูนา (Laguna)  
  • - รถไฟลอยฟ้า (LRTA) มีทั้งหมด 31 สถานี ระยะทางทั้งหมด 31 กิโลเมตร วิ่งผ่านเมืองต่างๆ ในเขตนครหลวงมะนิลา ได้แก่ คาโลโอคัน (Caloocan)  มะนิลา (Manila) มาริกินา (Marikina)  ปาไซ (Pasay) ซานฮวน (San Juan) และ เกซอนซิตี (Quezon City)  
  • - รถไฟใต้ดิน (MRTC) มีทั้งหมด 13 สถานี มีระยะทางทั้งหมด 16.95 กิโลเมตร ผ่านเมืองต่างๆ ในเขตนครหลวงมะนิลาได้แก่ มากาตี (Makati)  แมนดาลูยอง (Mandaluyong) ปาไซ (Pasay) และ เกซอนซิตี (Quezon City)
  • - รถจิ๊ปนีย์ (Jeepney) สองแถวที่ดัดแปลงมาจากรถจี๊ปทหารสหรัฐฯ ที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  ที่เป็นสัญลักษณ์ของชาวมะนิลา บริการรับส่งผู้โดยสารจากสนามบินไปยังตัวเมืองกรุงมะนิลา และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ค่าบริการประมาณ 8-12 เปโซ ต่อเที่ยว
  • - รถแท็กซี่ (Taxi) นักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถแท็กซี่ได้ทุกแห่ง ควรใช้บริการเฉพาะแท็กซี่มิเตอร์เท่านั้น  หรือใช้บริการ Grab Taxi ซึ่งมีแบบเรียกธรรมดาและแบบ Share Taxi ซึ่งจะถูกกว่าราคาปกติเกือบครึ่ง ดาวน์โหลด Grab Taxi หรือ Easy Taxi มาใช้ครับ เรียกผ่านแอ้บ เสียค่าบริการเพิ่ม 40-70
  • - รถเช่า เป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด  
  • - เรือเฟอรี่ บริษัทที่ให้บริการคือ Pasig River Ferry Service ซึ่งมีท่าเรือทั้งหมด 17 ท่า โดยแล่นตั้งแต่ สนามกีฬาพลาซาเม็กซิโก (Plaza Mexico) ในเมืองอินทรามูรอส (Intramuros) จนถึงเมืองปาซิก (Pasig)

  

สถานที่เที่ยวสำคัญในมะนิลา

  1. 1. ป้อมซานติอาโก (Fort Santiago) ป้อมปราการของสเปนที่เก่าแก่ที่สุด อายุกว่า 400 ปี เป็นป้อมปราการด่านแรกที่ป้องกันการโจมตีจากข้าศึกที่เข้ามาทางปากอ่าวมะนิลา ความโดดเด่นของป้อมอยู่บนซุ้มประตูที่มีรูปสลัก “เซนต์เจมส์ผู้พิฆาตแขกมัวร์(Saint James the Moor-slayer) ซึ่งเป็นนักบุญในคริสต์ศาสนาที่ชาวสเปนนับถือกันมาก และช่วยให้กองทัพสเปนชนะแขกมัวร์ด้วย ป้อมแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่กักขังวีรบุรุษแห่งชาติอย่าง “โจเซ ไรซาล” (Jose Rizal)  และยังเป็นที่กักขังเหล่านักรบเสรีภาพ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นบุกยึดฟิลิปปินส์ โดยญี่ปุ่นใช้เป็นที่ตั้งหน่วยทหาร ทำให้ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของกองทัพสหรัฐ ต่อมาได้บูรณะซ่อมแซมเพื่อให้เป็น “ปูชนียสถานแห่งเสรีภาพ” (Shrine of Freedom) แต่เดิมป้อมนี้จะมีกำแพงหนาและยาวล้อมรอบเนินเขาเล็กๆ ชื่อว่าเนินเขามะละกา จนกระทั่งในภายหลังเมืองมะละกาได้ถูกครอบครองโดยอังกฤษ ป้อมได้ถูกทำลายเพื่อป้องกันการอ้างสิทธิ์ครอบครองดินแดนของฮอลันดา เมื่อเซอร์โทมัส สแตมฟอร์ด ราฟเฟิลส์ (Sir Thomas Stamford Raffles) เดินทางมาจากสิงคโปร์ และได้เห็นเหตุการณ์ในขณะกำลังทำลายกำแพงและป้อมปราการ จึงได้ขอยับยั้งการทุบซากของประตูไว้ ผู้คนได้ขนานนามประตูแห่งนี้ว่า  "ประตูไร้กำแพง" ที่สูง 7 เมตร หนา 2.5 เมตร สร้างด้วยก้อนหินศิลาแลงฉาบปูน บริเวณด้านหน้ามีปืนใหญ่ตั้งอยู่รายรอบ มีบริการรถม้าพาชมรอบพื้นที่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลาได้สัมผัสถึงประวัติศาสตร์ในยุคอาณานิคม 
  2. 2. อินทรามูรอส (Intramuros) เมืองโบราณที่เป็นแลนด์มาร์กของกรุงมะนิลา เปรียบเหมือนหัวใจของฟิลิปินส์ เพราะมีประวัติเกี่ยวเนื่องยาวนานหลายร้อยปี ในยุคประเทศตะวันตกล่าอาณานิคม ทุกตารางนิ้วของเมืองมีเรื่องราวมากมายทั้งภัยสงครามหลายยุค และเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรง ซึ่งไม่อาจถูกลืมเลือนไปได้จากประวัติศาสตร์ของชาติและของโลก เมืองอินทรามูรอสตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำปาซิก ในบริเวณอ่าวมะนิลา มีรูปแบบการวางผังเมืองและสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมตะวันออก มีลักษณะเป็นป้อมปราการ และกำแพงที่แต่ละด้านยาว 4 กิโลเมตร โอบล้อมชุมชนและสถานที่สำคัญไว้ภายใน กลายเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 395 ไร่ มีสถานที่สำคัญที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาประวัติศาสตร์ อาทิ “ป้อมซานติเอโก” (Fort Santiago) “โบสถ์ซานอากุสติน” (San Agustin Church) โบสถ์หินอ่อนแบบสถาปัตยกรรมสเปน เป็นมรดกโลก และเป็นสิ่งก่อสร้างแห่งเดียวในอินทรามูรอสที่รอดจากการถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลก “สุสานทหารอเมริกา” (Manila American Cemetery and Memorial) ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 “คาซามะนิลา” (Casa Manila) อาคารบ้านเรือนสถาปัตยกรรมแบบสเปน จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสเปนในอดีต นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแล้ว อินทรามูรอสยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ อย่าง วิทยาลัยซานฮวน เดอ เลตราน (Colegio de San Juan de Letran) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1620 แต่ได้ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลก ทำให้ฟิลิปปินส์สร้างสถานศึกษาแห่งนี้ขึ้นใหม่ในบริเวณเดิม เช่นเดียวกับสถานศึกษาอื่นๆ ที่ได้รับความเสียหายในช่วงเดียวกัน
  3. 3. สวนไรซาล (Rizal Park) สวนไรซาล (Rizal Park) หรือลูเนต้า (Luneta) เพราะพื้นที่มีลักษณะคล้ายรูปพระจันทร์ เป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงมะนิลา ที่ไม่เพียงเป็นจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่น สวนแห่งนี้แล้วยังมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ด้วย สวนไรซาลมีเนื้อที่ครอบคลุม 143 ไร่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่แห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สวนแห่งนี้ถูกสร้างในปี 1913 เพื่อเป็นเกียรติแด่ “โฮเซ่ ไรซาล” (Jose Rizal) ผู้ได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษของชาวฟิลิปปินส์ ผู้นำการต่อต้านระบบอาณานิคมของสเปน ในช่วงปี 1896-1898 อนุสาวรีย์ตั้งโดดเด่นอยู่กลางผืนหญ้าเขียวขจี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ท่านถูกประหารชีวิตในอดีต รูปหล่อทองเหลืองของเขาตั้งอยู่บนฐานหินแกรนิตประมาณ 12 เมตร และยังมีรูปหล่อของชาวพื้นเมืองอยู่บนฐานเดียวกันด้วย ภายในอนุสาวรีย์ยังบรรจุกระดูกของโฮเซ่ ไรซาลไว้ด้วย และมีทหารฟิลิปปินส์เข้าเวรยามรักษาการณ์ตลอดเวลา และในบริเวณเดียวกันมีเสาธง อันแสดงถึงบริเวณที่ฟิลิปปินส์ประกาศอิสรภาพเหนือสหรัฐอเมริกา ในปี 1941 ยิ่งไปกว่านั้นอนุสาวรีย์นี้ยังถือเป็นหลักกิโลเมตรสำหรับนับระยะถนนสายต่างๆ บนเกาะลูซอน  สวนแห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นสถานที่จัดแสดงมินิคอนเสิร์ตกลางแจ้งทุกวันอาทิตย์  มีสวนญี่ปุ่นและสวนจีนให้ชมความสวยงามแฝงปรัชญาและสัมผัสคามสวยสดของกล้วยไม้นานาพันธุ์ที่Orchidariumซึ่งมีดงผีเสื้อที่มีมากมายหลายพันตัวโบยบินละลานตา
  4.  4. อ่าวมะนิลา (Manila Bay) อ่าวมะนิลาอาจไม่ใช่พื้นที่ที่มีทรายสีขาวน้ำใส แต่เป็นชายหาดมีการเอาหินมาทำเป็นกำแพงหินสูงแนวยาว เพื่อป้องกันคลื่นน้ำซัดเซาะฝั่งให้เสียหาย อ่าวแห่งนี้มีอาณาเขตกว้างใหญ่มีพื้นที่ทั้งหมด 2,000 ตารางกิโลเมตร เนื่องจากอ่าวมะนิลามีที่ตั้งอยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่สร้างมานานหลายร้อยปี  ในยุคล่าอาณานิคมเคยใช้เป็นที่จอดทอดสมอของเรือรบของสเปนเมื่อปี 1571 และเคยเป็นสมรภูมิรบในยุทธการอ่าวมะนิลาในปี 1898 ในปัจจุบันได้ปรับปรุงให้ทันสมัย มีการจัดให้เป็นจุดบริการทริปเรือออกเดินทางมากมาย สามารถนั่งเรือล่องชมวิวทิวทัศน์รอบๆ อ่าว มองเห็นความเจริญตึกระฟ้าของเมืองมะนิลา ที่ให้บรรยากาศแปลกตาเหมือนอยู่คนละโลกกับความวุ่นวายในเมืองมะนิลาได้ตลอดวัน และยังมีเรือภัตตาคารอาหารรองรับผู้มาเยี่ยมเยือน ให้เพลิดเพลินกับอาหารฟิลิปปินส์รสเลิศ เคล้าเสียงดนตรีประจำท้องถิ่นขับกล่อมระหว่างล่องเรือชมภูมิประเทศ ท่ามบรรยากาศยามเย็นขณะพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ในขณะแสงสีที่ฝั่งเมืองเริ่มส่องแสงแพรวพราวยามค่ำคืนทาบขอบฟ้าให้ได้เห็นแล้ว ยังมีทางเดินริมอ่าวมะนิลา (Manila Baywalk) ให้เดินชมความงามของอ่าว ใกล้กันนั้นเป็นย่านแอเรอร์มิต้า (Ermita) ที่เต็มไปด้วยโรงแรมระดับสี่ดาวขึ้นไป เดินเล่นไปตามเส้นทาง แวะที่ร้านกาแฟกลางแจ้ง และฟังเสียงขับกล่อมจากนักดนตรีที่อาจมาตั้งเวทีในคืนวันศุกร์และวันเสาร์ และยังมีศูนย์วัฒนธรรมของฟิลิปปินส์ (The Cultural Centre of The Philippines) ที่โดดเด่นเปรียบเหมือนแลนด์มาร์คของอ่าวมะนิลา และยังมีสวนสนุก “สตาร์ซิตี้” (Star City) ไว้รองรับความสนุกของครอบครัวด้วย 
  5. 5. โบสถ์ซานออกุสติน (San Agustin Church) โบสถ์คาทอลิกแห่งแรกที่สร้างขึ้นบนเกาะลูซอน โดยชาวสเปนในช่วงศตวรรษที่ 16 และตั้งชื่อตามนักบุญอะกุสตินแห่งฮิปโป ที่ชาวสเปนนับถือ และยังเป็นหนึ่งในกลุ่มโบสถ์ 4 หลัง ตัวอย่างของศิลปะยุโรปแบบบาโรก ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อ ค.ศ.1993 ตั้งอยู่ ณ อินทรามูรอส เมืองประวัติศาสตร์ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงโบราณภายในกรุงมะนิลา โบสถ์ซานออกุสตินในปัจจุบันเป็นโบสถ์หลังที่ 3 ที่สร้างขึ้นบนซากโบสถ์ 2 หลัง ณ ที่เดิม โดยโบสถ์หลังแรกสร้างจากไม้ไผ่และใบจาก ซึ่งถูกไฟไหม้ และโบสถ์หลังที่ 2 ถูกขึ้นแทนด้วยไม้ แต่ก็ถูกทำลายลงไป โบสถ์หลังที่ 3 จึงถูกสร้างขึ้นด้วยหิน มีโครงสร้างที่แปลกตาจากการออกแบบที่ผ่านการศึกษาวิเคราะห์สภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศของฟิลิปปินส์ ทำให้โบสถ์แห่งนี้นอกจากจะมีความสวยงามอย่างยิ่งด้วยรูปทรงแล้ว ยังโดดเด่นด้วยแสงและเงาที่ผ่านการคำนวณมาอย่างละเอียดได้เป็นที่ชวนตื่นตา โบสถ์ซานออกุสตินนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์และของโลกในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์แห่งหนึ่ง ได้รับการปรับปรุงให้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ซานออกุสติน (San Agustin Museum) ซึ่งภายในมีการจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของโบสถ์ ชีวประวัติของบุคลสำคัญของประเทศฟิลิปปินส์ตั้งแต่เริ่มแรก ตลอดจนประวัติศาสตร์ทางการเมือง และศิลปะทุกแขนง นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนในโครงการด้วยทรงคุณค่าโดดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม ศิลปกรรม ประวัติศาสตร์ สิ่งแวดล้อมหรือชีววิทยา และได้รับความคุ้มครองภายใต้สนธิสัญญาข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ นับเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรและเครื่องสืบทอดวัฒนธรรมร่วมกันของมนุษยชาติ

 

เทศกาลสำคัญมะนิลา

  1. 1. เทศกาลอาติอาติหาน (AtiAtihan) เทศกาลเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงและสีสัน จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม โดยจัดต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 3 วัน 3 คืน เพื่อเป็นการระลึกถึงและแสดงความเคารพต่อชาวพื้นเมือง เอตาส (Aetas) หรือ ชาวอาติ ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในหมู่เกาะของฟิลิปปินส์ และยังเป็นการรำลึกถึงพระเยซูคริสต์ในวัยเด็ก ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการนำศาสนาคริตส์เข้ามาเผยแผ่ในฟิลิปปินส์เป็นครั้งแรก ในวันงานชาวฟิลิปปินส์จะแต่งกายแบบชาวอาติ โดยใช้สีเขียนใบหน้าให้ดำ หรือเขียนเป็นลวดลายต่างๆ แต่งกายด้วยชุดที่ประดับด้วยขนนกสีสันสดใส และเต้นรำไปตามถนนแต่ละสายของกรุงมะนิลา นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลาสามารถเข้าร่วมสนุกได้ ด้วยการแต่งชุดแฟนซีต่างๆ เข้าร่วมขบวนแห่
  2.  2. เทศกาลฉลองพระเยซูดำ  (Black Nazarene Procession) เทศกาลร่วมขบวนแห่พระเยซูดำ ซึ่งถือเป็นเทศกาลที่เก่าแก่ของชาวฟิลิปปินส์ และเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก จัดขึ้นในวันที่  9  มกราคมของทุกปี  ที่สนามกีฬาตรงข้ามสวนสาธารณะรีซัลปาร์ค  (Rizal Park) ในเมืองเกียโป (Quiapo) ซึ่งเป็นเมืองเก่าของกรุงมะนิลา พระเยซูดำ (Black Nazarene) ทำมาจากไม้แกะสลักขนาดเท่าคนจริง และส่งตรงมาจากประเทศเม็กซิโกเมื่อสมัยศตวรรษที่ 17 แต่เรือที่ใช้ขนส่งนั้นเกิดไฟไหม้ จึงทำให้รูปแกะสลักของพระเยซูเปลี่ยนเป็นสีดำ แต่ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ชาวฟิลิปปินส์จึงเชื่อว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของพระองค์  ก่อนวันเฉลิมฉลอง ชาวฟิลิปปินส์ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกจะมาร่วมพิธีมิซาที่โบสถ์เกียโป ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระเยซูดำ และหลังจากที่พิธีมิซาสิ้นสุดลง ขบวนแห่จะเริ่มแห่ไปตามจุดต่างๆ รอบเมือง โดยมีผู้ศรัทธาพยายามเข้าไปให้ถึงพระรูปพระเยซูดำ เพื่อนำผ้าไปสัมผัสกับพระรูปเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต จองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานได้ในเดือนมกราคมของทุกปี
  3. 3. เทศกาลภาพยนตร์อิสระ  (Cinemalaya) เทศกาลภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ จัดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 12-17 กรกฎาคม 2005 จุดมุ่งหมายเพื่อค้นหาผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ไฟแรงพรสวรรค์เยี่ยม ทุกปีผู้กำกับฯ หน้าใหม่ 10 คน จะได้รับทุน 500,000 เปโซ หรือประมาณ 300,000 บาท เพื่อผลิตภาพยนตร์ยาว 10 เรื่อง และประกวดในสายพันธุ์ใหม่ (New Breed) ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเทศกาลภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในฟิลิปปินส์ เพื่อส่งเสริมภาพยนตร์อิสระของฟิลิปปินส์ทั้งในและต่างประเทศ ภายในงานจะเป็นการฉายผลงานที่ได้รับการคัดเลือก และได้รับรางวัล Balanghai อันทรงเกียรติ โดยสถานที่ฉายหลักคือศูนย์วัฒนธรรมแห่งฟิลิปปินส์ (The Cultural Centre of The Philippines) ในกรุงมะนิลา ในแต่ละปียังมีภาพยนตร์ที่ได้รับทุนให้ผลิต และประกวดในสายผู้กำกับฯ (Director’s  Showcase) ปีละ 5 เรื่อง นอกจากนี้ยังมีการประกวดภาพยนตร์สั้นและสารคดี เพื่อเป็นพื้นที่ให้คนทำหนังสารคดีหน้าใหม่ได้มีโอกาสแสดงโชว์ฝีมือเช่นกัน จองตั๋วเครื่องบินไปมะนิลาเพื่อร่วมเทศกาลได้ในเดือนกรกฎาคม

  

เคล็ดลับการเดินทางไปมะนิลา

  • - เวลาของกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง และไม่มีการปรับเวลาตามฤดูกาล
  • - ควรจะพกเอกสารประจำตัวต่างๆ ไว้กับตัวตลอดระยะเวลาที่ท่องเที่ยวอยู่ในกรุงมะนิลา โดยเก็บไว้ในกระเป๋าคาดเอวหรือสะพายด้านหน้า ควรจะถ่ายสำเนาเก็บเอาไว้ในกระเป๋าใหญ่อย่างน้อย 2 ชุด
  • - การนำยาประจำตัวใดๆ ติดตัวไปด้วยต้องได้รับอนุญาตจากทางราชการประเทศฟิลิปปินส์ก่อน
  • - นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังมะนิลาได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และอยู่ยาวได้ถึง 30 วัน
  • - อย่าพลาดชิม อโดโบ (Adobo) คืออาหารประจำชาติฟิลิปปินส์ เนื้อหมูหรือเนื้อไก่หมักน้ำส้มสายชูและเครื่องเทศ แล้วนำไปอบหรือทอด ทานกับข้าวสวยร้อนๆ
  • - ขนมหวานประจำชาติมีชื่อ ฮาโลฮาโล (Halo Halo) น้ำแข็งบดเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล วุ้นมะพร้าว ราดด้วยนมสด คล้ายรวมมิตรของไทย
  • - แหล่งบันเทิงยามราตรีชื่อดัง พุ่งตรงไปที่ย่านกาลายาน (Kalayann Street) ที่รวมถนนข้าวสาร ซอยคาวบอยและพัทยาวอล์กกิ้งสตรีทไว้ในที่เดียว
  • - หากใช้บริการ Grab Taxi ไปยังสนามบิน เพื่อบินกลับไทย อย่าลืมปักหมุดที่เทอร์มินัลหมายเลข 3 เท่านั้น เพราะสายการบินแห่งชาติลงที่นั่น ส่วนเทอร์มินัล 1 ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินในประเทศเท่านั้น 
Flight-destination-article-image

สายการบินพันธมิตร

สายการบินพันธมิตรทั้งในและระหว่างประเทศ
เราร่วมมือกับสายการบินต่างๆ ทั่วโลก เพื่อรองรับทุกจดหมายปลายทางที่คุณต้องการ

พันธมิตรผู้ให้บริการชำระเงิน

เราร่วมมือกับผู้ให้บริการชำระเงินที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าการชำระเงินของคุณสะดวกและปลอดภัย

เส้นทางยอดนิยม