มิวนิก (Munich) เป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย (Bavaria) หรือ บาเยิร์น (Bayern) ในภาษาเยอรมัน ซึ่งเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ตั้งอยู่บนที่ราบสูงบาวาเรีย ทางตอนใต้ของเยอรมนีบนฝั่งแม่น้ำอีซาร์ (Isar) และอยู่ห่างจากเทือกเขาแอลป์ไปทางทิศเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 520 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 70,533 ตารางกิโลเมตร เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของเยอรมนี เบอร์ลิน (Berlin) และ ฮัมบูร์ก (Hamburg) มีประชาการอยู่ประมาณ 2.7 ล้านคน เป็นศูนย์กลางธุรกิจและคมนาคมของเยอรมนีตอนใต้ และเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งที่สุดในประเทศเยอรมนี ได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในเยอรมัน โดยมีคำขวัญน่ารักๆ ว่า Munich Loves You อยากเที่ยวมิวนิก แนะนำจองตั๋วเครื่องบินไปมิวนิกกันได้เลย
เมืองมิวนิก หรือ มึนเช่น (Muenchen) ในภาษาเยอรมัน ในอดีตเมื่อราวช่วงศตวรรษที่ 10 - 11 มีพระจากสำนักสงฆ์เทแก้ร์นเซ (Kloster Tegernsee) มาตั้งรกรากริมฝั่งแม่น้ำอิซาร์ และได้เรียกชื่อที่นี้ว่า มึนเชน (Munchen) ในภาษาเยอรมันคำว่า Monchen แปลว่า พระ นั่นเอง มิวนิกเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ของขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าแก่ เป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบไปด้วยศิลปะความสวยงามของสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์และบารอก หอศิลปะและพิพิธภัณฑ์รวบรวมข้าวของล้ำค่า และเป็นศูนย์รวมของศิลปินหลากหลายสาขา ทั้งจิตรกรและคีตกวี และอาคารใหม่ทันสมัยที่สร้างด้วยนวัตกรรมล้ำอนาคต เป็นเมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน หลายเชื้อชาติ หลายภาษา มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ และยังเป็นจุดเริ่มต้นและจุดศูนย์กลางของการเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆ ในยุโรป ทั้งหมดนี้จึงทำให้มิวนิกกลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
สกุลเงินที่ใช้
มิวนิกใช้เงินสกุล ยูโร (EUR) สำหรับธนบัตรมีชนิด 5, 10, 20, 50, 100, 200 และ 500 ยูโร โดย 1 ยูโร แบ่งออกเป็น 100 เซนต์ สำหรับเหรียญมี 1, 2, 5, 10, 20, 50 เซ็นต์, 1 และ 2 ยูโร อัตราเเลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 33.66 บาท ต่อ 1 ยูโร
ฤดูกาลของเมืองมิวนิก
มิวนิกมีสภาพอากาศแบบไหล่ทวีป มีการเปลี่ยนแปลงตามเทือกเขาแอลป์ อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืน หรือฤดูหนาวและฤดูร้อน ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมาก ลมอุ่นจากเทือกเขาแอลป์ที่เรียกว่า ลมเฟิห์น สามารถเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้รวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้แต่ในฤดูหนาว ทั้งนี้ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนจองตั๋วเครื่องบินไปมิวนิก
มิวนิกมี 4 ฤดูกาล คือ
- ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มต้นเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นหลังจากผ่านฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ราว 0-18 องศาเซลเซียส เดือนที่ฝนตกชุกที่สุด คือ เดือนพฤษภาคม ดอกไม้เริ่มบานและต้นไม้แตกใบอ่อนอีกครั้ง
- ฤดูร้อน เริ่มต้นเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ราว 10-23 องศาเซลเซียส เดือนที่ร้อนที่สุด คือ เดือนกรกฎาคม
- ฤดูใบไม้ร่วง เริ่มต้นเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ราว 0-19 องศาเซลเซียส ในเดือนพฤศจิกายนอากาศเริ่มหนาวเย็น และอาจมีหิมะตกในบางเวลา เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่หนาแน่นเท่ากับช่วงฤดูร้อน ตั๋วเครื่องบินและที่พักปรับลดราคาลง
- ฤดูหนาว เริ่มต้นเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ราว -2-4 องศาเซลเซียส อาจมีฝนตกหนัก แต่ไม่บ่อยนักเดือนที่หนาวที่สุด คือ เดือนมกราคม ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -1องศาเซลเซียส และมีหิมะจะปกคลุมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ในช่วงฤดูหนาว
ภูมิภาคของเมืองมิวนิก
เมืองมิวนิกประกอบด้วยเขตนครจำนวนทั้งสิ้น 25 เขต ได้แก่
- อัลชตัทเลเฮิล (Altstadt Lehel)
- ลูทวิชส์ฟอร์ชตัท อีซาร์ฟอร์ชตัท (Ludwigsvorstadt Isarvorstadt)
- มักฟอร์ชตัท (Maxvorstadt)
- ชวาบิงเวสท์ (Schwabing West)
- เอาฮาอิดเฮาเซิน (Au Haidhausen)
- เซ็นด์ลิง (Sendling)
- เซ็นด์ลิง เวสท์พาร์ค (Sendling Westpark)
- ชวันทาเลอร์เฮอเออ (Schwanthalerhöhe)
- น็อยเฮาเซิน นิมเฟินบวร์ค (Neuhausen Nymphenburg)
- โมซัค (Moosach)
- มิลแบทส์โฮเฟินอัมฮาร์ท (Milbertshofen Am Hart)
- ชวาบิงไฟรมัน (Schwabing Freimann)
- โบเกินเฮาเซิน (Bogenhausen)
- แบร์คอัมไลม์ (Berg Am Laim)
- ทรูแดริงไรม์ (Trudering Riem)
- ราเมิร์สดอร์ฟแพร์ลัค (RamersdorfPerlach)
- โอเบอร์กีซิง (Obergiesing)
- อุนเทอร์กีซิงฮาร์ลัคชิง (Untergiesing-Harlaching)
- ทาลเคียร์เชิน โอเบอร์เซ็นด์ลิง ฟอร์สเทินรีท เฟือร์สเทินรีทซ็อลเลิน (Thalkirchen Obersendling Forstenried Furstenried Solln)
- ฮาเดิร์น (Hadern)
- พัสซิงโอเบอร์เม็นซิง (Pasing Obermenzing)
- เอาบิงล็อกเฮาเซินลังวีด (Aubing Lochhausen Langwied)
- อัลลัค-อุนเทอร์เม็นซิง (Allach-Untermenzing)
- เฟ็ลด์ม็อคคิง-ฮาเซินแบร์ค (Feldmoching-Hasenbergl)
- ไลม์ (Laim)
สนามบินสำคัญมิวนิก
ท่าอากาศยานมิวนิก (Munich Airport) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า สนามบินมิวนิก มีชื่อเต็มว่า ท่าอากาศยานมิวนิกฟรันทซ์โยเซ็ฟชเตราส์ (Munich Franz Joseph Strauss) เป็นสนามบินนานาชาติหลักของมิวนิก และเป็นสนามบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเยอรมนี รองจากสนามบินนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt International Airport) ให้บริการเที่ยวบินทั้งภายในและระหว่างประเทศ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองมิวนิกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 28.5 กิโลเมตร เดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมืองได้หลายวิธี ได้แก่ รถโดยสารประจำทาง รถไฟ รถไฟความเร็วสูง S-BAHN รถแท็กซี่ รถลีมูซีน และรถเช่า โดยการเดินทางด้วยรถไฟจะสะดวกและรวดเร็วที่สุด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
การเดินทางไปเมืองมิวนิก
การเดินทางในเมืองมิวนิก
- - เครื่องบิน สายการบินแห่งชาติเยอรมนี คือ ลุฟทันซ่า (Lufthansa) โดยมีสนามบินมิวนิกเป็นสนามบินหลัก ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ
- - รถไฟใต้ดิน U-Bahn (Underground) ให้บริการวิ่งในเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มี 8 เส้นทาง ขึ้นต้นด้วย U แล้วตามด้วยเลขประจำสาย
- - รถไฟชานเมือง S-Bahn (Suburban Trains) เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใหญ่ในเยอรมนี สะดวกที่สุดสำหรับการเดินทางในเมือง ให้บริการทั้งระยะสั้นและระยะยาว เชื่อมต่อระหว่างเมืองโดยรอบ ซึ่งมีทั้งระยะวิ่งบนดิน และลงใต้ดิน จอดแค่สถานีหลักๆ มี 8 เส้นทาง ขึ้นต้นด้วย S คือ S1 – S8
- - รถไฟข้ามเมืองด่วน ICE (Inter City Express) เป็นการเดินรถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศจากเมืองมิวนิก ไปยังเมืองอื่นๆ ในยุโรป เช่น ซูริก (Zrich) เวียนนา (Vienna) โคเปนเฮเกน (Copenhagen) ปารีส (Paris) อัมสเตอร์ดัม อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) และ บรัสเซลล์ (Brussels)
- - รถไฟท้องถิ่น IRE (Interregio-Express) เชื่อมต่อระหว่างเมืองเข้าด้วยกัน และจอดรับส่งเฉพาะบางสถานี แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ Regional-Express (RE) เชื่อมต่อกับเส้นทางหลักของเมืองและรถไฟท้องถิ่น S-Bahn ให้บริการตลอดทั้งวัน และ Regional Bahn (RB) ถือเป็นรถไฟหลักของรถไฟท้องถิ่น เชื่อมต่อระหว่างสถานีต่างๆ ทุกสถานี ให้บริการระหว่างแคว้น และเมืองต่างๆ
- รถราง (Tram) ให้บริการครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ใช้สัญลักษณ์ H วิ่งทุก ๆ 20-30 นาที
- รถประจำทาง (Bus) มีทั้งสายที่วิ่งตามเส้นทางรถไฟหลัก และสายที่เปิดให้บริการสำหรับบางแห่งที่ไม่สามารถเดินทางด้วยรถไฟได้ สถานีรถประจำทางหลักๆ มักจะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟของแต่ละเมือง
- แท็กซี่ ทางเลือกการเดินทางแบบเป็นกลุ่มที่ต้องการความสะดวกและเป็นส่วนตัว มีบริการรับ-ส่งจากสนามบินไปยังตัวเมืองและพื้นที่ต่างๆ ราคาตามมิเตอร์ เริ่มต้นที่ 2.90 ยูโร หรือเรียกใช้บริการผ่านแอพฯ Taxify
- รถเช่า ทางเลือกการเดินทางแบบเป็นกลุ่มที่ต้องการความสะดวกและเป็นส่วนตัว เมืองมิวนิกมีบริการรถเช่าจากหลายบริษัทรถเช่าชั้นนำ สามารถติดต่อได้ที่สนามบิน โรงแรมที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ
สถานที่เที่ยวสำคัญในเมืองมิวนิก
- 1. พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก (Nymphenburg Palace) พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตามพระประสงค์ของ เฟอร์ดินานด์มาเรีย (Ferdinand Maria) และ เฮนเรียตตา อเดลเลด แห่งซาวอย (Henriette Adelaide of Savoy) เจ้าผู้ครองเเคว้นบาวาเรีย เพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน หลังจากการประสูติของพระราชโอรสนามว่า แม็กซ์ เอมมานูเอล (Max Emanuel) ในช่วงที่เจ้าชายแม็กซ์ เอมมานูเอล ขึ้นครองราชย์ ทรงขยายพระราชวังแห่งนี้ออกไป และมีการตกแต่งในรูปแบบของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส และมีการปรับปรุงเพิ่มเติมเรื่อยมาของกษัตริย์ในยุคต่างๆ แต่เดิมส่วนภายนอกของพระราชวังได้รับการออกแบบในสไตล์บารอก โดดเด่นด้วยสวน Grand Parterre อันหรูหรา มีหงส์ที่ลอยตัวอยู่ใกล้กับน้ำพุและคลองที่อยู่ตรงกลาง ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ได้มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นสวนแบบคลาสสิก นับเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปมิวนิก ไฮไลท์สำคัญของพระราชวังแห่งนี้อยู่ที่ บริเวณเกรทฮอลล์ (Great Hall) ที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราและงดงามด้วยภาพวาดประดับเพดาน อีกจุดสำคัญ คือ แกลเลอรี่แห่งหญิงงาม ของกษัตริย์ลุดวิกที่ 1 (King Ludwig I) ซึ่งเป็นคอลเลกชันภาพวาดหญิงงาม 36 คน ซึ่งมีภูมิหลังแตกต่างกันไป พระราชแห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์รถม้า (Carriage Museum) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับรถม้าแห่งเดียวของประเทศเยอรมัน ที่มีความวิจิตรดังรถม้าในเทพนิยาย นอกจากนี้มีห้องบรรทมของพระราชินีแคโรไลน์ (Queen Caroline) ที่มีการตกแต่งแบบดั้งเดิม และจัดแสดงของใช้ส่วนพระองค์เมื่อครั้งที่กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 (King Ludwig II) ประสูติ ห้องโถงหิน (Stone Hall) ห้องโถงใหญ่สามชั้นที่ใช้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ที่โดดเด่นด้วยจิตรกรรมฝาผนัง รูปภาพบนเพดาน
- 2. ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) ปราสาทที่โด่งดังที่สุดในเยอรมนี และงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นต้นแบบของปราสาทเทพนิยาย เจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ตัวปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ สร้างขึ้นในช่วงปี 1845–1886 โดยพระบัญชาของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 (King Ludwig II) ผู้โปรดปรานการชมอุปรากรและบทละคร เพื่อเป็นที่ประทับอย่างสันโดษห่างจากผู้คน และให้ตรงกับบทประพันธ์โอเปราของนักประพันธ์เพลงชาวเยอรมันที่พระองค์หลงใหล และใฝ่ฝันที่จะเชิญมาอยู่ด้วยกันนามว่า ริชาร์ท วากเนอร์ (Richard Wagner) เรื่องอัศวินหงส์ (Swan Knight Lohengrin) ปราสาทนอยชวานชไตน์ตั้งอยู่บนหินผาขนาดใหญ่ เหนือแม่น้ำพอลลัท (Pollat) โอบล้อมด้วยธรรมชาติและทิวทัศน์ของป่าเขาลำเนาไพรที่สวยงาม ปราสาทแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูกอธิคผสมยุคกลาง ภายในได้รับการตกแต่งตามเรื่องราวในบทประพันธ์ พระองค์ถูกต่อต้านอย่างหนักจากเหล่าขุนนาง กระทั่งถูกปลดออกจากบัลลังก์ ปราสาทหลังนี้ได้รับขนานนามว่า “นอยชวานสไตน์” หลังจากที่กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ได้เสด็จสวรรคตแล้วในปี 1886 และเปิดให้เข้าชมทั้งหมด 14 ห้อง ที่ประดับประดาด้วยภาพวาดเกี่ยวกับตำนานและนิทานพื้นบ้าน ห้องที่โดดเด่นที่สุด คือห้องราชบังลังก์ (Throne Hall) ห้องสีทองเหลืองอร่ามในศิลปะแบบไบแซนไทน์ ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะขาดสิ่งสำคัญที่สุดของห้อง คือบัลลังก์นั่นเอง ห้องบรรทมของพระเจ้าลุดวิก สร้างขึ้นในศิลปะแบบกอธิก มีงานแกะสลักไม้อย่างวิจิตรบรรจง ภาพวาดในห้องนี้มาจากอุปรากรเรื่อง สงครามรักสองแผ่นดิน (Tristan and Isolde) ของวากเนอร์ ด้วยพระราชประวัติและรสนิยมบางเรื่อง รวมถึงชะตาชีวิตของกษัตริย์ลุควิคที่ 2 ทำให้ ปีเตอร์ อิลยิช ไชคอฟสกี (Pyotr Ilyich Tchaikovsky) ยอดนักประพันธ์เพลงชาวรัสเซียที่เป็นชายรักชาย นำไปดัดแปลงเป็นบทประพันธ์โอเปราที่แสนสะเทือนใจเรื่อง สวอนเลก (Swan Lake) ที่โด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้
- 3. จตุรัสมาเรียนพลัทซ์ (Marienplatz) จัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองมิวนิก เดิมมีชื่อว่า ชรันเน่น (Schrannen) ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงอิสรภาพจากการรุกรานของสวีเดน ในอดีตพื้นที่นี้เคยเป็นตลาดซึ่งมีชื่อเรียกว่า ตลาดสี่เหลี่ยม จุดเด่นของจัตุรัสนี้คือเสาพระแม่มารีสีทอง (Marien's Column) สร้างขึ้นในปี 1632 สมัยพระเจ้าอีเล็กเตอร์มักซิมิเลียนที่ 1 เพื่อแสดงความขอบคุณต่อพระแม่มารีที่เมืองรอดพ้นจากการถูกโจมตี ตัวเสาทำด้วยหินอ่อนสีแดง ยอดเป็นที่ประทับของพระแม่มารีสีทองอันสง่างาม ซึ่งยืนอยู่บนจันทร์เสี้ยวและอุ้มพระบุตรในอ้อมแขน แต่ละด้านของฐานอนุสาวรีย์มีรูปปั้นเด็กผู้ชายยืนถือโล่และดาบตั้งท่าต่อสู้กับสัตว์ร้ายได้แก่ สิงห์ มังกร และงู อันเป็นสัญญาลักษณ์ของการสิ้นสุดสงคราม โรคระบาด ความอดอยาก และพวกนอกรีตนั่นเอง ซึ่งนอกจากเสาพระนางมารีจะเป็นเสาที่แสดงถึงอิสรภาพแล้วยัง ถือเป็นเสาหลักเริ่มนับระยะทางจากตัวเมืองมิวนิก จัตุรัสแห่งนี้ยังเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ตลาดนัด งานดนตรี หรือจุดชุมนุมเฉลิมฉลอง บริเวณรายรอบจัตุรัสยังมีอาคารที่น่าสนใจ เช่น ศาลาว่าการเมืองหลังใหม่ (Neues Rathaus) ที่ตกแต่งอย่างงดงามตามสไตล์โกธิค จุดเด่นคือ หอระฆัง Glockenspiel ที่มีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ เวลา 11 โมงเช้า ในฤดูหนาว และ 5 โมงเย็น ในฤดูร้อน ส่วนศาลากลางหลังเก่าจะมีพิพิธภัณฑ์ของเล่น (Spielzeug Museum) อยู่บนหอคอย ใกล้ๆ กันคือโบสถ์แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ (Heiliggeistkirche) หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Church of the Holy Ghost เป็นโบสถ์แนวกอธิกใหญ่โต หลังคาปูด้วยโมเสคสวยงาม ใช้เป็นที่พักอาศัยแก่พระธุดงค์ผู้นับถือพระวิญญาณบริสุทธิ์ สามารถจองตั๋วเครื่องบินไปมิวนิกเพื่อเยี่ยมชมได้ตลอดปี
- 4. โรงเบียร์ฮอฟบรอยเฮาส์ (Hofbrauhaus) โรงเบียร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในมิวนิก และเป็นหนึ่งในโรงเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมนี โรงเบียร์อายุกว่า 400 ปี แห่งนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่จัตุรัสพลาตเซิล (Platzl) ใจกลางเมืองมิวนิก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1589 เพื่อตอบสนองความเบื่อหน่ายของชนชั้นสูงในรสชาติของเบียร์แบบเดิมๆ ดยุควิลเฮล์มที่ 5 (Wilhelm V) แห่งบาวาเรียน จึงตกลงใจสร้างโรงหมักเบียร์สำหรับผลิตเบียร์ให้กับชนชั้นสูงโดยเฉพาะ และได้เปิดบริการแก่ประชาชนทั่วไปในปี 1828 โรงเบียร์แห่งนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์สำคัญของเยอรมนีอีกด้วย เคยเป็นที่ประชุมประจำของพรรคนาซี และเคยต้อนรับบุคคลในตำนาน เช่น โวล์ฟกัง อมาดิอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) หลุยส์ อาร์มสตรอง (Louis Armstrong) วลาดิเมียร์ เลนิน (Vladimir Lenin) ในช่วงที่เขามาอภิปรายให้กับสมาชิกพรรค Bavarian Communist ซึ่งมี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) รวมอยู่ด้วย และที่นี่ยังให้การต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาจอห์น เอฟ เคนนาดี้ (John F. Kennedy) และ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช (George H.W. Bush) อีกด้วย ภายในโรงเบียร์แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน โดยส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุด คือโรงเบียร์ (Schwemme) ปัจจุบันไม่ได้ใช้เป็นพื้นที่ผลิตเบียร์แล้ว แต่จัดเป็นโรงแสดงเบียร์แทน เป็นห้องโถงใหญ่ที่จุดคนได้มากกว่า 1,300 คน และมีการแสดงดนตรีสดสไตล์บาวาเรียนทุกวัน ส่วนบริเวณที่นั่งดื่ม (Braustuberl) จะให้บรรยากาศที่ไม่อีกทึกจนเกินไป และหันหน้าออกไปทางจัตุรัสเฟสติวัลฮอล (Festival Hall) โรงจัดเลี้ยงขนาดใหญ่สำหรับจัดการแสดงการเต้นรำพื้นบ้านทุกๆ เย็น รวมไปถึงลานเบียร์ (Beer Garden) ลานเบียร์ที่เต็มไปด้วยต้นเกาลัดอันร่มรื่น ไฮไลท์ของฮอฟบรอยเฮาส์ คือ ล็อคเกอร์เก็บแก้วเบียร์ ซึ่งมีจำกัดแค่ประมาณ 400 ที่เท่านั้น ซึ่งจะได้สิทธิ์ในการเก็บแก้วมาจากรุ่นสู่รุ่น แถมยังต้องจ่ายเก็บรักษาเป็นรายปีอีกด้วย
- 5. ทะเลสาบคีมเซ (Lake Chiemsee) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบาวาเรีย ห่างจากตัวเมืองมิวนิกเพียง 1ชั่วโมง โดยมี“หมู่บ้านปรีน”เป็นหมู่บ้านชาวประมงขนาดใหญ่ที่อยู่คู่ทะเลสาบ และมีท่าเรือที่จะล่องเรือชมทะเลสาบ รวมถึงไปยังเกาะกลางทะเลสาบ 2 เกาะ เพื่อชมพระราชวังโบราณอันสวยงาม เกาะแรกคือ เกาะแฮร์เรนอินเซล (Herreninsel) ที่แปลว่า“เกาะผู้ชาย” เป็นที่ตั้งของปราสาทแฮร์เรนคีมเซ (Royal Castle of Herrenchiemsee) ปราสาทหลังที่ 3 ของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ผู้มีความนิยมชมชอบในตัวพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสมาก จึงสร้างพระราชวังนี้ให้สวยงามประหนึ่งพระราชวังแวร์ซายส์ (Palace of Versailles) แต่หรูหราวิจิตรกว่าและทันสมัยกว่า เช่น มีระบบน้ำประปา น้ำพุ ห้องน้ำ และระบบทำน้ำร้อนในอ่างอาบน้ำด้วย ภายในพระราชวังจะได้เห็นความอลังการของห้องบรรทม ห้องทรงงาน ห้องเสวยที่มีโคมระย้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และที่โดดเด่นที่สุดคือ ห้องกระจก (The Hall of Mirrors) ที่งามสะดุดตาด้วยศิลปะรอกโคโค ที่แสนวิจิตรด้วยทองและผ้าแพรหลากสีสัน ภายนอกปราสาทมีสนามหญ้าสวนดอกไม้สวยหลากพันธุ์ และเชื่อมด้วยคลองขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยสนามหญ้าและน้ำพุแบบฝรั่งเศส แต่น่าเสียดายที่ห้อง 50 – 70 ห้องในพระราชวังแห่งนี้สร้างและตกแต่งไม่เสร็จสมบูรณ์ในยุคของพระองค์ เนื่องจากกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ได้สวรรคตไปก่อน บนเกาะแห่งนี้ยังป็นที่ตั้งของ พระราชวังเก่า (Old palace) หรือ Augustinian Monastery Herrenchiemsee ซึ่งเป็นทั้งอารามเก่าและพระราชวัง ที่ประทับของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ขณะก่อสร้างปราสาทแฮร์เรนคีมเซ จากนั้นล่องเรือไปยังเกาะเฟราเวนอินเซล (Fraueninsel) หรือเกาะผู้หญิง เพราะเป็นที่ตั้งของสำนักชีนิกายเบเนดิกทีน Frauenchiemsee Monastery และมีหมู่บ้านชาวประมงอยู่ด้วย ซึ่งที่นี่จะมีอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปมิวนิกด้วย
เทศกาลสำคัญมิวนิก
- 1. เทศกาลเบียร์เยอรมัน (Oktoberfest) เทศกาลเบียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีประวัติยาวนานกว่า 200 ปี โดยจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1810 ในพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายลุดวิกที่ 1 (King Ludwig I) และเจ้าหญิงเทเรซา (Princess Theresa) มีชาวเมืองมิวนิกมาร่วมเฉลิมฉลองต่อเนื่อง ปิดท้ายด้วยการจัดการแข่งม้าในวันที่ 17 ตุลาคม เพื่ออวยพรให้คู่บ่าวสาว ต่อมาการจัดเทศกาลนี้กลายเป็นงานประจำปีที่มีงานแสดงต่างๆ มาเพิ่มสีสันให้กับงาน โดยจัดขึ้นเป็นเวลา 16 วัน บริเวณเทเรเซียนวีเซอร์ (Theresienwiese) ลานกว้างกลางเมืองติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเครื่องเล่น และเต็นท์ร้านค้าต่างๆ ซึ่งมีทั้งเต็นท์เบียร์ ร้านจำหน่ายอาหาร และของที่ระลึก โดยมีเต็นท์เบียร์ขนาดใหญ่กว่า 14 เต็นท์ โดยมีเบียร์ให้เลือกทั้งหมด 6 ชนิดได้แก่ Spaten, Hofbrau, Paulaner, Hacker-Pschorr, Augustiner และ Lowenbrau พร้อมด้วยอาหารเยอรมันขึ้นชื่อ เช่น ไก่ย่างเนย (Wiesn-Hendl) ไส้กรอกเยอรมัน (Bratwurst) และขาหมูเยอรมัน (Knuckles of pork) และขนมปังขิง (Gingerbeard) นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมบันเทิงอีกมากมาย เช่น ขบวนพาเหรด การเต้นรำและการแสดงดนตรีสด จองตั๋วเครื่องบินไปมิวนิกเพื่อร่วมเทศกาลได้ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุกปี
- 2. เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ (Spring Festival) เทศกาลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ลิตเติ้ลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ (Little Oktoberfest) หรือ Kleine Wiesn ในภาษาเยอรมัน แถมยังจัดงาน ณ บริเวณเทเรเซียนวีเซอร์ (Theresienwiese) สถานที่เดียวกับเทศกาล Oktoberfest อันแสนคึกคัก เพียงแต่เทศกาลต้อนรับฤดูใบไม้ผลินี้จะให้บรรยากาศสบายๆ กว่า ผู้คนไม่พลุกพล่านเท่า เปิดโอกาสให้ได้ทำความรู้จักดนตรีพื้นเมือง อาหารเครื่องดื่ม และวัฒนธรรมเยอรมันดั้งเดิม วันเปิดเทศกาลเต็มไปด้วยความสนุกสนานของขบวนพาเหรด และการยิงปืนใหญ่ (Boellerschuetzen) นอกจากเต็นท์เบียร์ที่มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ เช่น Augustiner, Paulaner, Weissbier, Pils และ Fruhlingswiesnbier เบียร์สูตรขึ้นชื่อที่หมักบ่มพิเศษเฉพาะเทศกาลนี้เท่านั้น ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขบวนพาเหรด ตลาดนัด เกมและดนตรี การจุดพลุและดอกไม้ไฟ หรือแม้แต่เต็นท์เบียร์ฟรีในวันแรกของเทศกาล ดึงดูดผู้คนมากมายให้มาเยี่ยมเยียน และเหมาะสำหรับคนรักการดื่มเบียร์เป็นที่สุด จองตั๋วเครื่องบินไปมิวนิกเพื่อร่วมงานได้ในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี
- 3. เทศกาลคาร์นิวัล (Karneval) ชาวเยอรมันส่วนใหญ่นิยมเรียกชื่อเทศกาลนี้ว่า ฟาซชิง (Fasching) จัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม - เดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นประเพณีสำคัญของชาวคริสต์ สำหรับระยะเวลาของการจัดงานในช่วง 40 วัน นั้นแตกต่างกันไปตามความเชื่อและประเพณีของแต่ละท้องถิ่นทั่วประเทศ สัญลักษณ์ของงานที่เห็นได้ชัดเจนเหมือนๆ กัน คือ การแต่งกายแฟนซีสีสันฉูดฉาด ออกมาร่วมขบวนแห่ เดินร้องรำทำเพลงไปตามท้องถนน เคล้าคลอด้วยเสียงดนตรีสนุกๆ เป็นงานที่มีบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และยังมีการแจกขนมผู้ที่มารอชมด้วย ช่วงเวลาที่สนุกสนานที่สุดของงานคืองานปาร์ตี้ นับเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้จองตั๋วเครื่องบินไปมิวนิก
เคล็ดลับการเดินทางไปมิวนิก
- - เวลาของมิวนิกช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ส่วนในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนเมษายนถึงตุลาคม เวลาจะช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง
- - ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบินไปมิวนิก คือ เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบาย ไม่หนาวไม่ร้อนเกินไปสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย
- - ราคาที่พักในช่วงเทศกาลเบียร์อ็อกโทเบอร์เฟสต์ (Oktoberfest) จะสูงกว่าปกติ 2 – 3 เท่า และต้องจองล่วงหน้าเพื่อรับประกันความผิดหวัง
- - ตั๋ว Group Day Ticket เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางเป็นกลุ่ม มีให้เลือกซื้อทั้งแบบ 1 วันราคาเริ่มต้น 11.70 ยูโร และ 3 วัน ราคาเริ่มต้น 27.10 ยูโร สามารถใช้ได้สูงสุดผู้ใหญ่ จำนวน 5 คน
- - City Tour Card เป็นตั๋วที่สามารถเดินทางภายในเมืองมิวนิกได้ไม่จำกัด และใช้เป็นส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ถึง 70 แห่ง มีทั้งแบบคนเดียวและเป็นกลุ่ม และมีให้เลือกจำนวนวันท่องเที่ยวสูงสุดถึง 4 วัน ราคาเริ่มต้น 10.90 ยูโร
- - ไส้กรอกเยอรมันอันโด่งดัง มีให้เลือกหลากหลายชนิด และมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น ไส้กรอกขาว (Weisswurst) ไส้กรอกหมู (Bockwurst) ไส้กรอกหมูทอด (Bratwurat) ไส้กรอกตับ (Leberwurst) ไส้กรอกย่างผงกะหรี่ (Currywurst) และไส้กรอกเลือด (Blutwurat)
- - การเข้าชมภายในปราสาทแฮร์เรนคีมเซ ต้องซื้อทัวร์เพื่อเข้าชมเท่านั้น โดยมีไกด์พาเดินชมเป็นเวลาประมาณ 35 นาที และเปิดให้เข้าชมทั้งหมด 14 ห้อง
- - มิวนิกของสวรรค์ของนักท่องเที่ยวสายวัฒนธรรม เฉพาะใจกลางเมืองก็มีพิพิธภัณฑ์ถึง 16 แห่ง และสถานที่จัดแสดงงานศิลปะถึง 40 แห่งด้วยกัน ค่าเข้าชมในวันอาทิตย์จะถูกกว่าวันธรรมดามาก